ผู้เขียน หัวข้อ: สตรีมีเมนส์ต้องอ่าน 'ผ้าอนามัยแบบสอด' อันตรายถึงตาย?!  (อ่าน 742 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
มือบวม หนังลอก ผมร่วง เล็บหลุด...เป็นอาการทรุดหนักอย่างรุนแรงของ 'โจแอนนา คาร์ทไรท์' วัย 27 ปี โดยแพทย์วินิจฉัยว่า เป็นภาวะช็อกเฉียบพลันที่เกิดจากพิษของแบคทีเรีย และหนึ่งในจำเลยครั้งนี้ก็คือ ผ้าอนามัยแบบสอดใส่นั่นเอง
       
        เมื่อพูดถึงภาวะ Toxic shock syndrometoxic หรือ ช็อกเฉียบพลันที่เกิดจากพิษของแบคทีเรียในหญิงมีประจำเดือน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เคยเป็นเรื่องใหญ่จนคร่าชีวิตผู้หญิงหลายคนมาแล้ว โดยสาเหตุหลักๆ ก็คือ ใส่ไว้นานเกินไปจนก่อให้เกิดแบคทีเรียจำนวนมาก และเข้าไปทำอันตรายต่ออวัยวะภายในร่างกายของคุณผู้หญิง
       
        ทว่าในปัจจุบัน มีการพัฒนาวัสดุของผ้าอนามัยแบบสอดใส่ให้ปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมมาก ยืนยันได้จาก นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัวที่เคยเขียนบทความให้ความรู้เอาไว้ใน visitdrsant.blogspot.com โดยอนุญาตให้ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live นำมาเสนอต่อ
       
       คุณหมอท่านนี้บอกว่า ผ้าอนามัยแบบสอดใส่หรือแทมปอน (tampon) ที่มีขายในตลาดสมัยปัจจุบันนี้ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย และมีอุบัติการติดเชื้อต่ำมากจนอยู่ในระดับยอมรับกันได้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำข้างกล่องเคร่งครัด โดยเฉพาะในประเด็นดังต่อไปนี้
       
        1. เวลาจะสอดแทมปอน ล้างมือให้สะอาดเสียก่อน จับส่วนเนื้อของแทมปอนให้น้อยที่สุด เพราะความสกปรกอาจจะอยู่ที่มือแล้วติดแทมปอนเข้าไป
       
        2. ถ้าเป็นสาวแรกรุ่นที่ยังไม่เคยใช้แทมปอน อย่าใช้ชนิดมีกลิ่นหอม เพราะอาจแพ้สารเคมีที่ใช้ทำกลิ่น
       
        3. อย่าใส่แทมปอนตัวเดียวนานเกิน 6 - 8 ชม. เพราะความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่สอดคาไว้
       
        4. เลือกแทมปอนที่มีพลังดูดซับต่ำสุดเท่าที่จำเป็น เพราะยิ่งแทมปอนมีพลังดูดซับสูง ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก ไม่ว่ากรณีใดๆ อย่าใช้แทมปอนที่มีพลังดูดซับเกิน 15 เท่า
       
        5. หลีกเลี่ยงการใช้แทมปอนหลายตัวติดต่อกันแบบวิ่งผลัดมาราธอน ควรเปลี่ยนใช้ผ้าอนามัยแบบธรรมดาสลับบ้าง โดยเฉพาะกลางคืนตอนนอนหลับ เพราะไม่ต้องไปกระโดดโลดเต้นหรือโชว์อะไร
       
        6. ควรหลีกเลี่ยงการใช้แทมปอนในระยะหลัง 12 สัปดาห์แรกหลังตั้งครรภ์ซึ่งเป็นระยะติดเชื้อง่าย
       
        7. ถ้าประจำเดือนมีสีหรือกลิ่นผิดปกติ อย่าใช้แทมปอน เพราะอาจมีการติดเชื้อเกิดขึ้นแล้ว
       
        8. ในระหว่างใช้แทมปอน หากมีไข้สูงทันทีทันใดต้องรีบไปหาหมอทันที แล้วบอกหมอด้วยว่าใช้แทมปอนอยู่
       
        ทางด้าน ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เคยบอกเอาไว้ว่า แม้คนไทยจะใช้ผ้าอนามัยแบบสอดนี้ไม่มากเท่าฝรั่ง แต่ก็ยังมีคนใช้กันอยู่พอสมควร และหลายๆ คนที่ใช้ อาจจะกำลังใช้อย่างไม่ถูกวิธี และส่งผลเสียต่อสุขภาพ
       
        "ในช่องคลอดจะมีภาวะสมดุลอยู่ มีแบคทีเรียพลเมืองดีจำพวกแลคโตบาซิไล อันนี้คนละอันกับแลคโลบาลิลัสในผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวนะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด คือ แทมปอนมีข้อดีตรงสะดวก เล็ก ไม่เป็นรอยเวลาใส่เสื้อผ้าแฟชั่น ยิ่งสมัยนี้จะมีแฟชั่นพวกตัวเล็กๆ ตึงๆ ถ้าใส่แบบเป็นแผ่นอาจจะไม่สะดวก รวมไปถึงพวกนักกีฬาที่ต้องการความคล่องตัวด้วย แต่พวกที่ใช้หลายคนไม่อ่านฉลาก อันนี้อันตราย อย่างไรก็ตาม มันคือของแปลกปลอมที่จะถูกสอดเข้าไปในตัวเรา อยากให้ใส่ใจอ่านฉลากกันสักนิดว่ามีข้อบ่งใช้อย่างไร ใช้ได้นานเท่าไหร่" คุณหมอให้ความรู้พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องของความสะอาดว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก     
       
        "ความสะอาดสำคัญมาก ตั้งแต่มือที่ใช้ใส่แทมปอน ต้องล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เท่าที่เห็นแทมปอนบ้านเราที่ขายอยู่ในท้องตลาดมักจะเป็นแค่แท่งสำลี แต่ในต่างประเทศจะขายคู่กับ applicator คือ หลอดที่หุ้มแทมปอนไว้อีกที เวลาสอดเข้าไปในช่องคลอดจะง่ายกว่า และปลอดเชื้อกว่าใช้มือเปล่าๆ จับ
       
       ส่วนอีกเรื่องคือ สาวๆ ที่ใช้บางคนบอกว่า เวลานอนแล้วใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่น ยาวเท่าไหร่ก็เลอะด้านหลัง ใช้แบบสอดจะดีกว่า ไม่เลอะเทอะ คือ ในฉลากแทมปอนบอกชัดว่าห้ามสอดค้างไว้ในร่างกายเกิน 4-5 ชั่วโมง แต่เวลานอนเป็นเวลาที่ยาว อาจจะยาวกว่า 4-6 ชั่วโมง หากสอดช่วงนอนหลับอาจจะนานเกินจนเกิดหมักหมมและทำลายความสมดุลในช่องคลอด และติดเชื้อจนเป็น Toxic shock syndrome ได้เช่นกัน"
       
        นอกจากนี้ เรื่องไซส์ของแทมปอนก็สำคัญ คุณหมอคนเดียวกันบอกว่า ต้องดูสรีระตัวเองด้วย เพราะหากช่องคลอดสั้นหรือตื้น ใช้แทมปอนใหญ่อาจจะเป็นแผลได้ หรือเวลารอบเดือนมาน้อยๆ อย่าไปใช้อันใหญ่มาก ก่อนจะย้ำพร้อมให้ข้อมูลเสริมว่า "หากจะใช้แทมปอนก็ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ อย่าทิ้งเอาไว้นานเกิน 4-5 ชั่วโมง ที่สำคัญ อันนี้ต้องอธิบายชัดๆ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด กลัวกันไปทั้งเมือง คือแทมปอนมันไม่ได้เป็นตัวการให้เกิดอาการ Toxic shock syndrome แต่มันอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดได้เท่านั้น"
       
       ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ASTVผู้จัดการรายวัน    23 พฤศจิกายน 2557