ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เผยไทยมีค่าใช้จ่ายวัคซีน 3,000 ล้านบาทต่อปี  (อ่าน 851 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ วันนี้ ( 17 ก.ย.)  นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข แถลงภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ด้านวัคซีนของประเทศเพื่อผลักดันการพัฒนาวัคซีนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพว่า การประชุมหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และทวนทวนสถานการณ์ด้านการวิจัยพัฒนา การผลิต การควบคุมคุณภาพและการใช้วัคซีน รวมทั้งการพัฒนาวัคซีนของประเทศให้พึ่งตนเองได้ลดการนำเข้า รวมทั้งพัฒนาการผลิตวัคซีนเพื่อให้แข่งขันในตลาดสากล ทั้งนี้แต่ละปีประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านวัคซีนประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็นวัคซีนนำเข้า 80% ผลิตภายในประเทศ 20% ในอดีตสามารถผลิตวัคซีนได้ 8 ชนิด แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 ชนิดคือ วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อตาย โดยองค์การเภสัชกรรม(อภ.) และวัคซีนบีซีจี ป้องกันวัณโรค โดยสถานเสาวภา สภากาชาดไทย

รมช.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเรื่องการวิจัยและพัฒนาวัคซีน แต่มีอุปสรรคปัญหา โดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ แต่ละองค์กรต่างตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการ  รัฐบาลจึงไม่มั่นใจวาระแห่งชาติด้านวัคซีน 10 โครงการหลักที่ต้องเร่งดำเนินการภายในระยะเวลา 10 ปี โดยใช้งบประมาณ 5,248.4 ล้านบาท ดังนั้นการตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ก็เพื่อประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การวิจัยและพัฒนาวัคซีนเป็นเอกภาพ นอกจากนี้จะมีการผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ซึ่งล้าสมัยไม่เอื้อต่อการดำเนินการตามระบบสากลต่อไป

นพ.จรุง เมืองชนะ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ  กล่าวว่า ปัญหาการพัฒนาวัคซีนไม่ได้อยู่ที่เรื่องศักยภาพ แต่เพราะขาดงบประมาณ  ไม่มีความต่อเนื่อง แต่ละองค์กรต่างคนต่างขอ  ปีนี้ได้งบประมาณ ปีหน้าไม่ได้งบประมาณ อีกทั้งสถาบันฯไม่สามารถของบประมาณแทนหน่วยงานอื่นได้ แต่เมื่อเป็นองค์การมหาชนแล้วสามารถให้ทุนหน่วยงานต่าง ๆ ได้

นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า เรื่องวัคซีนประเทศไทยหยุดชะงักไประยะหนึ่ง ทั้งที่หลายปีก่อนประเทศไทยเป็นพี่ใหญ่ ที่ผ่านมา อภ.ไปเน้นด้านยา ทำให้การวิจัยและพัฒนาวัคซีนมีน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการลงทุนสูง มีความเสี่ยงว่าวิจัยและพัฒนาแล้วจะสำเร็จหรือไม่ ดังนั้นการมีสถาบันวิจัยวัคซีนแห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนเรื่องวัคซีนอย่างมีทิศทางจึงเป็นเรื่องดีเพราะที่ผ่านมาต่างคนต่างผลิตไม่ว่าจะเป็น อภ. หรือ สภากาชาดไทย.