ผู้เขียน หัวข้อ: ติงสอบ “หมอศัลย์”ช้า เปิดช่องตั้งคลินิกใหม่ ทำคนตายรอบสอง แพทยสภารับตามตัวไม่ได้  (อ่าน 833 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
เครือข่ายผู้เสียหายฯ ติงแพทยสภาสอบสวน “หมอศัลย์” ช้า เปิดช่องเปลี่ยนชื่อนามสกุล เปิดคลินิกใหม่ ทำคนตายอีกราย ด้านแพทยสภาแจง เรียก “หมอ” สอบแล้ว แต่ตามตัวไม่ได้ เผยจะเร่งสอบจริยธรรมโดยไม่รอเจ้าตัว
       
       จากกรณีญาติผู้เสียชีวืตร้องเรียนว่า แพทย์รายหนึ่งเปิดคลินิกศัลยกรรมตกแต่งที่ จ.สมุทรปราการ และผ่าตัดพริตตี้เสียชีวิตจากอาการแพ้ยาสลบเมื่อ 3 ปีก่อน จนถูกสั่งปิดคลินิก แต่ได้มีการมาเปิดคลินิกใหม่ย่านพระราม 9 ซึ่งยังไม่ทันได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ก็ได้มีการผ่าตัดวีไลน์จนเกิดเหตุเสียชีวิตอีก แต่ล่าสุดกลับได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลแล้วนั้น
       
       นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ควรมีการดำเนินการตรวจสอบแพทย์ ว่า มีความผิดอย่างไรอย่างรวดเร็วกว่านี้ แต่ความเป็นจริง กลับพบว่า 1. การพิจารณาของแพทยสภาเป็นไปด้วยความล่าช้า 2. การทำงานของพนักงานสอบสวน ต้องรอการพิจารณาของแพทยสภา นอกจากผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้กระทำผิดไม่ถูกลงโทษ ยังเปิดโอกาสให้มีการกระทำผิดซ้ำได้อีก 3. การพิจารณาให้ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล และใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล โดยพิจารณาเพียงว่าผู้ขอใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะอย่างเดียว โดยไม่นำเอาพฤติกรรมการกระทำความผิดของผู้ขออนุญาตมาพิจารณา ทั้งทีทราบดีอยู่แล้ว เห็นว่าเป็นการละเลย ไม่ใส่ใจคุ้มครองประชาชน ซึ่งอาจมีประชาชนได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นได้
       
       พญ.ชัญวลี ศรีสุโข โฆษกแพทยสภา กล่าวว่า กรณีแรกเกิดขึ้นประมาณ 2 ปี ได้มีการแจ้งเรื่องเข้ามาทางแพทยสภาก็ได้มีการลงไปตรวจสอบและติดตามตัวแพทย์คนดังกล่าวทุกวิถีทาง แต่ไม่พบในฐานข้อมูล และตัวแพทย์เองก็ไม่ให้ความร่วมมือ จึงไม่สามารถติดตามตัวได้เลย จนกระทั่งเมื่อ ก.ย. 2559 ได้มีการร้องเรียนจากญาติผู้เสียชีวิตในกรณีที่ 2 ประกอบกับทาง สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางได้ส่งสำนวนคดีเพื่อให้ทางแพทยสภาลงไปตรวจสอบ จึงพบว่าแพทย์ทั้งสองเคสเป็นคนเดียวกัน แต่มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ ซึ่งในเคสที่ 2 หลังจากได้รับข้อมูลจากทางญาติผู้เสียชีวิต เราก็ได้มีการเรียกตัวแพทย์คนดังกล่าวมารับทราบและชี้แจงโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเช่นเดิม
       
       “หลังจากที่รู้ว่าแพทย์ทั้งสองเคสเป็นคนเดียวกัน และเมื่อเรียกตัวแพทย์คนดังกล่าวแต่ไม่มา ตอนนี้คาดว่าทางแพทยสภาจะมีการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมเลย โดยในกรณีแรกจะตรวจสอบในเรื่องมาตรฐานการระงับความรู้สึก เนื่องจากตัวแพทย์คนดังกล่าวเป็นผู้ให้ยาสลบเอง โดยไม่มีวิสัญญีแพทย์ และกรณีที่ 2 จะมีการตรวจสอบเรื่องมาตรฐาน เพราะทราบว่ามีการผ่าตัดไปโดนเส้นเลือดดำจนทำให้ถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้ การตรวจสอบจริยธรรมสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องรอข้อสรุปทางกฎหมาย โดยโทษสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพก็จะมีตั้งแต่ ตักเตือน ภาคทัณฑ์ ไปจนถึงยึดใบใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ และเมื่อได้ข้อสรุปทางกฎหมายก็อาจจะมีการเพิ่มโทษในภายหลังได้” โฆษกแพทยสภา กล่าว
       
       พญ.ชัญวลี กล่าวว่า ทั้งนี้ ความสวยเป็นเรื่องที่ทุกคนปรารถนา แต่ที่ผ่านมาทุกปีก็พบว่ามีหลายเคสที่เกิดอาการแทรกซ้อนตั้งแต่เล็กน้อย เช่น แผลติดเชื้อ ไม่เป็นเหมือนที่คิดเอาไว้ จนถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และเงินที่เสียไปด้วยว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ เพราะหากผิดพลาดไปก็ทำให้ต้องเสียเงินในการแก้ไข และเสี่ยงต่อชีวิตด้วย

โดย MGR Online       3 พฤษภาคม 2560

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำคนไข้ตายเป็นรายที่ 2 แล้ว!! หมอศัลยกรรมคนเดิม คนเดียวกับที่เคยผ่าตัดพริตตี้สาวจนเสียชีวิต และถูกสั่งปิดคลินิกไปเมื่อ 3 ปีก่อน กลับมาเปิดคลินิกเถื่อน เปลี่ยนชื่อรับงาน ทำคนไข้ตายซ้ำสอง!! ล่าสุดถูกครอบครัวเหยื่อยื่นฟ้อง นัดขึ้นศาล 3 พ.ค.นี้ หน่วยงานควบคุมคุณภาพมาตรฐานสถานพยาบาลถึงกับอึ้ง! กำลังเร่งตรวจสอบให้เกิดความเป็นธรรมให้เร็วที่สุด!!               
       
        ผวาวงการเสริมความงามกันอีกครั้ง เมื่อ "หมอจุฑา" หรือ “นพ.จุฑา จันทร์ศรี” มือศัลยกรรมชื่อดังที่เคยตกเป็นข่าวทำพริตตี้สาวเสียชีวิต จากอาการแพ้ยาสลบขณะผ่าตัดในปี 57 และถูกสั่งปิด “คลินิกปากน้ำศัลยกรรมตกแต่ง” ไปแล้ว กลับมาแอบเปิดคลินิกอีกครั้ง ลงทุนเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เพื่อขออนุญาตเปิดคลินิกใหม่ย่านพระราม 9 แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลก็กลับทำประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำคนไข้ตายซ้ำสองด้วยน้ำมือตัวเอง!!       
       
        วินัย ชุมสวัสดิ์ ทนายความที่ติดตามกรณีล่าสุดนี้ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวผู้จัดการ Live โดยอ้างจากบันทึกระหว่างการผ่าตัดของวิสัญญีแพทย์ว่า คุณหมอได้ทำการผ่าตัดใบหน้าให้คนไข้ได้ “ใบหน้าเรียว” หรือที่เรียกว่า “ผ่าตัดวีไลน์” แต่ดันผ่าตัดไปโดนเส้นเลือดใหญ่ และไม่ยอมส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาล คาดว่าน่าจะกลัวถูกจับได้ว่า เปิดคลินิกโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แถมยังเคยทำพริตตี้สาวเสียชีวิตจนกลายเป็นคดีดัง ฟ้องร้องกันจนกลายเป็นข่าวใหญ่ตามหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้ว
       
        "พอไปแจ้งความ ตำรวจอ้างว่าต้องรอแพทยสภาก่อน ทางคุณแม่ของผู้ตายจึงตั้งทนาย และฟ้องร้องเอง กระทั่งศาลได้ทำการไต่สวน และประทับรับฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยทั้ง 3 คนก็คือ คุณหมอจุฑา, บริษัทพระรามเก้าศัลกรรมตกแต่ง และวิสัญญีแพทย์ ได้กระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีการนัดไปศาลพระโขนงวันที่ 3 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นการนัดสอบคำให้การว่า จะให้การปฏิเสธหรือจะให้การรับสารภาพ"
       
        อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ เคยมีการร้องเรียนไปยังสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข แต่ยังไม่ได้รับแจ้งถึงคำวินิจฉัยแต่อย่างใด ทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า แทนที่จะมีการลงโทษกรณีเปิดคลินิกก่อนได้รับอนุญาต แต่กลับออกใบอนุญาตให้หลังทำคนไข้ตายซ้ำสอง
       
        "กรณีคุณหมอเคยเป็นข่าวครึกโครม ซึ่งดังมาก แล้วหนังสือที่ทางสาธารณสุขแจ้งให้ สภ.เมืองสมุทรปราการ ดำเนินคดี ผมก็มียังมีหนังสืออยู่ อีกทั้งยังมีหนังสือคำสั่งปิดคลินิค แล้วก็มีหนังสือเรียนไปยังผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาล และประกอบโรคศิลปะ เรียนไปยังอธิบดีที่ดูแลสำนักสถานพยาบาล และประกอบโรคศิลปะอีกที ดังนั้น ทุกขั้นตอนผมว่าทุกคนรู้หมด" ทนายวินัยทิ้งท้ายฝากไว้ให้คิด
       
        เมื่อสอบถามมาทาง นพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาล และการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) เกี่ยวกับกรณีนี้ เจ้าตัวถึงกับตกใจเมื่อได้ทราบข่าว และย้ำว่าจะเร่งตรวจสอบอย่างเร็วที่สุด
       
        "ข้อหาเปิดคลินิกเถื่อน มีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีการออกใบอนุญาตให้คุณหมอที่เป็นข่าวหลังทำคนไข้ตายซ้ำสองนั้น ผมต้องขอตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รายงานผม ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมคงต้องตรวจสอบขั้นตอนการออกใบอนุญาตอีกที”
       
       ข่าวโดย ผู้จัดการ Live

โดย ผู้จัดการรายวัน       2 พฤษภาคม 2560

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
สบส. เผย ตรวจสอบคลินิกย่านพระราม 9 ผ่าตัด “วีไลน์” ทำคนไข้ตาย ยันสถานพยาบาลได้มาตรฐาน แต่อาจเกี่ยวมาตฐานวิชาชีพ ต้องให้แพทยสภาตรวจสอบ ย้ำตรวจมาตรฐานคลินิกประจำปี 60 ขึ้นบัญชีต้องระวังเป็นพิเศษ
       
       จากกรณีญาติผู้เสียชีวิตร้องเรียนหลังพบศัลยแพทย์รายหนึ่ง ซึ่งเคยตกเป็นข่าวทำพริตตี้สาวเสียชีวิต จากอาการแพ้ยาสลบขณะผ่าตัดที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อปี 2557 และกลับมาเปิดคลินิกแห่งใหม่ ย่านพระราม 9 และทำการผ่าตัด “ใบหน้าเรียว” หรือ “วีไลน์” จนคนไข้เสียชีวิตเป็นรายที่สอง ซึ่งทำการผ่าตัดก่อนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพให้ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
       
       วันนี้ (4 พ.ค.) นพ.วิศิษฏ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของสถานพยาบาลซึ่งตั้งอยู่ในย่านพระราม 9 พบว่า สถานพยาบาลดังกล่าวมีนิติบุคคลเป็นผู้ขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ประเภทคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรม ศัลยกรรมตกแต่ง โดยมี นายแพทย์อายุ 56 ปี ที่มีวุฒิบัตรด้านศัลยกรรมตกแต่ง เป็นแพทย์ผู้ดำเนินการประจำสถานพยาบาล โดยสถานพยาบาลดังกล่าวได้ยื่นเรื่องขอใบอนุญาตประกอบกิจการฯ มาที่ สบส. เมื่อ ก.พ. 2558 และ สบส. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคุณภาพมาตรฐานสถานพยาบาลดังกล่าวใน มี.ค. 2558 ต่อมา ก.ค. 2558 ญาติผู้เสียชีวิตได้ส่งเรื่องร้องเรียนที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรณีผู้ป่วยเสียชีวิตโดยการผ่าตัดในสถานพยาบาล สบส. จึงส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า การเสียชีวิตผู้ป่วยรายดังกล่าวไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสถานพยาบาล แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ ซึ่งอยู่ในการควบคุมกำกับของแพทยสภา
       
       “สบส. จะรวบรวมเอกสาร หลักฐาน นำเสนอต่อแพทยสภาเพื่อดำเนินการด้านจริยธรรม ซึ่งต้องรอผลการวินิจฉัยจากแพทยสภา ว่า มีกระบวนการรักษาที่ได้มาตรฐานตามหลักวิชาชีพหรือไม่ หรือเกิดจากโรคประจำตัวของผู้ป่วย ทั้งนี้ ในการตรวจมาตรฐานสถานพยาบาลประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนประจำปี 2560 ได้จัดให้สถานพยาบาลดังกล่าวอยู่ในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีประวัติการรักษาที่เป็นเหตุทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ จะตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าวอย่างเข้มข้นว่ามีการดำเนินการตามเกณฑ์คุณภาพ มาตรฐานที่ พ.ร.บ. สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2559 กำหนดครบทุกด้านหรือไม่ ทั้งด้านสถานที่ ต้องสะอาด สะดวก ปลอดภัย แพทย์ผู้ให้บริการ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกต้องตามกฎหมาย หรือต้องมีใบอนุมัติบัตรตามสาขาที่ขออนุญาตจากแพทยสภา การบริการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด, เครื่องมือ ยา และเวชภัณฑ์ มีคุณภาพ ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และความปลอดภัย หากพบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง สบส. จะให้สถานพยาบาลดังกล่าวมีการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง หากยังไม่มีการแก้ไขจะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น” อธิบดี สบส. กล่าว
       
       ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ขอเน้นย้ำให้ประชาชนอย่าด่วนตัดสินใจเลือกรับบริการจากสถานพยาบาล เพราะการโฆษณา โดยเฉพาะจากสื่อโซเชียล หรือคำบอกเล่าปากต่อปากว่าดี ต้องตรวจสอบหลักฐาน และศึกษาให้แน่ชัดว่าสถานพยาบาลดังกล่าวเป็นสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้สังเกตหลักฐาน 5 ประการที่สถานพยาบาลจะต้องแสดง ประกอบด้วย 1. มีการแสดงเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการฯ 11 หลัก ให้เห็นได้ชัดเจนที่ป้ายด้านหน้าสถานพยาบาล 2. มีการแสดงใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ และอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย 3. ใบชำระค่าธรรมเนียมสถานพยาบาลเป็นปีปัจจุบัน 4. มีป้ายแสดงอัตราค่าบริการชัดเจน พร้อมมีจุดให้สอบถามอัตราค่าบริการ และ 5. มีการแสดงป้ายชื่อพร้อมรูปถ่าย เลขที่ใบอนุญาตของแพทย์ที่ทำการรักษา ที่หน้าห้องตรวจ - รักษา และเพื่อความมั่นใจให้ตรวจสอบชื่อสถานพยาบาล ที่เว็บไซต์สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (http://www.mrd.go.th/mrd/) โดยให้พิมพ์ชื่อสถานพยาลให้ถูกต้อง ระบบก็จะแจ้งให้ทราบทันทีว่าสถานพยาบาลดังกล่าวได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่หากไม่พบชื่อให้สงสัยว่าสถานพยาบาลนั้นเป็นสถานพยาบาลเถื่อน ควรหลีกเลี่ยงการรับบริการ และให้แจ้งเบาะแสมาที่กลุ่มคลินิก สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2193-7000 ต่อ 18407 ทันที

โดย MGR Online       4 พฤษภาคม 2560