ผู้เขียน หัวข้อ: “กัญชาช่วยรักษามะเร็ง”: ข่าวที่ถูกเซนเซอร์มากที่สุดแห่งทศวรรษ!  (อ่าน 927 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
ผมเขียนเรื่องนี้เพราะมีแรงบันดาลใจสองอย่างครับ คือ หนึ่ง มีเพื่อนคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งแต่ปฏิเสธการรักษาด้วยวิธีการที่โรงพยาบาลนิยมใช้กัน เขาพยายามรักษาตนเองด้วยกัญชาแต่ก็มีปัญหาคือหากัญชาหรือตัวยาสำเร็จรูปที่มีขายในต่างประเทศไม่ได้ซึ่งผมจะค่อยๆ เล่าให้ฟัง และ สอง ผมได้อ่านบทความของคุณหมอวิจารณ์ พานิช ที่เกี่ยวกับกัญชาถึง 3 ชิ้น คือ “วิจัยกัญชาครบวงจร” “กัญชาเป็นยา” และ “กัญชารักษามะเร็ง”
       
        ผมขอเริ่มต้นด้วยบทความของท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ก่อนนะครับ ในบทความชิ้นแรก(18 ก.ย. 52) ท่านได้ตั้งเป็นโจทย์วิจัยว่า “ประเทศไทยควรใช้กัญชาแทนยาราคาแพงอะไรบ้าง ในผู้ป่วยกลุ่มไหนบ้าง โดยต้องระมัดระวังอะไรบ้าง คิดไปคิดมาน่าจะเป็นชุดโครงการวิจัยกัญชาครบวงจร ตั้งแต่การออกกฎหมายใหม่ ให้จำหน่ายกัญชาได้อย่างมีกฎเกณฑ์ ระมัดระวังผลร้าย ไปจนถึงการคัดพันธุ์ วิธีปลูก วิธีเก็บและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวไปจนถึงการแปรรูป ระบบlogistics และการจำหน่ายไปจนถึงการเสพอย่างปลอดภัย เวลานี้ ใน 12 รัฐของสหรัฐอเมริกา การจำหน่ายและเสพกัญชาถูกกฎหมายและอีก 15 รัฐ กำลังพิจารณา”
       
        ในตอนท้ายท่านอาจารย์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “สังคมไทยถูกหลอกไม่ให้ผลิตสินค้าที่เราผลิตได้ดี กัญชาถูกทำให้เป็นสิ่งเลวร้ายทั้งๆ ที่มันมีคุณค่าอย่างยิ่งถ้าเรารู้จักใช้มัน ที่จริงกัญชาน่าจะเป็นพืชผักสวนครัวของทุกบ้านโดยที่คนไทยทุกคนรู้คุณและโทษของมันและเราควรส่งออกกัญชาคุณภาพสูงให้เป็นคุณแก่โลก”
       
        ในบทความชิ้นที่สาม (30 ม.ค. 54) ท่านได้สารภาพว่า ความรู้ของท่านได้เพิ่มขึ้นจากบทความชิ้นที่สองดังตอนหนึ่งที่ว่า “ความเข้าใจเดิมของผมผิดที่เข้าใจว่ากัญชาเพียงช่วยลดความทุกข์ทรมาน เพราะมีฤทธิ์ลดปวดและลดความวิตกกังวล ดังนั้นหากกัญชามีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ก็ยิ่งสมควรใช้กัญชาเป็นยา ทั้งยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน ประเทศไทยจะได้มีสินค้าคุณภาพสูงและราคาแพงสำหรับส่งออก เพราะภูมิอากาศของประเทศไทยเหมาะต่อการผลิตกัญชาคุณภาพสูง เราต้องช่วยกันกระตุ้นให้แก้ไขข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่ตั้งป้อมรังเกียจกัญชา มีคนบอกว่า เป็นเล่ห์ของบริษัทยายักษ์ใหญ่ ที่ต้องการกีดกันคู่แข่งสินค้าของตน”
       
        เพื่อนที่ป่วยคนนี้ของผมเป็นนักค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ตชั้นยอดเลยทีเดียว ตั้งแต่เขาเริ่มป่วยเขาเคยเล่าให้ผมฟังเมื่อ 2-3 ปีมาแล้วว่า “มีเด็กชาวบราซิลคนหนึ่งเป็นเนื้องอก (หรือเป็นมะเร็งผมจำไม่ได้แน่นอน)ในสมอง การแพทย์แผนปัจจุบันหมดทางรักษา ต่อมาเด็กมีอาการปวดอย่างรุนแรงมาก พ่อแม่ทนดูไม่ได้จึงให้กินกัญชาเพื่อระงับอาการปวด กินไปกินมาปรากฏว่าเด็กคนนี้หายเป็นปกติ เนื้องอกในสมองก็หายไป”
       
        ขอเรียนย้ำว่า ผมฟังมาอย่างนี้ ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารญาณเอาเองนะครับ แต่ที่เล่ามาก็ด้วยความหวังว่าท่านที่มีความรู้จะช่วยกันศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ “เป็นคุณต่อโลก” อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ผมคาดว่าท่านผู้อ่านทั่วไปคงจะสนใจ แล้วก็นำมาเล่าต่อในที่นี้ โดยใช้คำหลักว่า “Marijuana and cancer”
       
        พบว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริการู้ว่า “กัญชาสามารถรักษามะเร็งได้” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 แต่ก็เก็บเงียบเป็นความลับไม่ให้ประชาชนรู้เพราะมีกฎหมายว่ากัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ประชาชนเพิ่งได้รับทราบข่าวนี้ในอีก 26 ปีต่อมา เรื่องนี้จึงถูกจัดเป็น “ข่าวที่ถูกเซนเซอร์มากที่สุดแห่งทศวรรษ”
       
        ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกันเมื่อปี 2554 พบว่าร้อยละ 50 เห็นด้วยที่จะให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ในขณะที่เมื่อ 6 ปีก่อนมีผู้เห็นด้วยเพียง 36% เท่านั้น
       
        ปัจจุบันจำนวนรัฐที่ถือว่ากัญชาเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายได้เพิ่มขึ้นเป็น 16 รัฐ (แต่ไม่ทราบว่ามีการควบคุมหรือกติกาอย่างไร) ในปลายปีนี้ รัฐโคโลราโด จะมีการลงประชามติในเรื่องนี้
       
        ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยที่ได้ลงทะเบียนเพื่อขอรักษาด้วยกัญชาได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศ เช่น อิสราเอล แคนาดา เนเธอร์แลนด์ ในรัฐมิชิแกนของสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยมาลงทะเบียนถึงกว่า 1.3 แสนคน (ประมาณ 1.3% ของประชากรทั้งหมดของรัฐ) ถ้ารวมหมดทุกรัฐก็เกือบหนึ่งล้านคน
       
        ในด้านประสิทธิภาพของตัวยาจากกัญชา งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Harvard ( Science Daily Apr. 17, 2007) จากการทดลองกับหนูที่ฉีดเซลล์มะเร็งปอดในคนเข้าไป กัญชาสามารถลดขนาดของเนื้องอกได้ 50% เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้ใช้กัญชา และสามารถลดความสามารถในการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถลดอาการบวมอักเสบได้ถึง 60% ทั้งนี้ภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น
       
        มีการคาดการณ์กันว่า รัฐโคโลราโดจะมีรายได้จากการเก็บภาษีธุรกิจยาที่ผลิตจากกัญชาปีละ 40 ล้านดอลลาร์ ขอแถมอีกนิดครับ จากเอกสารที่ผมอ่านพบว่า กัญชา 6 ต้น สามารถสกัดน้ำมันกัญชาได้ 28 กรัม (เปรียบเทียบกับยาสีฟันขนาดกลางมีน้ำหนัก 160 กรัม สามารถใช้ได้หลายเดือน) สำหรับวิธีสกัดสามารถค้นได้จาก YouTube ครับ แต่ปัญหามีอยู่ว่าจะเอาต้นกัญชามาจากไหน ในเมื่อกัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับคนบริสุทธิ์ที่ถูกจับได้ในประเทศไทย แต่สำหรับนักค้ายาเสพติดมักจะไม่ถูกจับครับ
       
        ผมถามลูกศิษย์หลายคนที่เป็นแพทย์ว่าทำอย่างไรให้ได้ยาที่สกัดจากกัญชา เขาตอบว่าเมืองไทยไม่มีถ้าจะซื้อมาจากต่างประเทศ “ใครถือมาก็ถูกจับ” ผมว่าวิธีการที่รัฐไทยทำอยู่นี้เป็นการฆ่าคนไทยอย่างเลือดเย็น
       
        สุดท้ายผมขอถามท่านผู้อ่านก็แล้วกันว่า “ครอบครัวใดไม่มีคนเป็นมะเร็งเลยยกมือขึ้น” และสุดท้าย (ที่ไม่ใช่ประเด็นใหม่) คือเท่าที่ผมค้นเจอ กัญชารักษาโรคเอดส์ได้ด้วย แค่สองโรคนี้คนไทยเป็นกันนับล้านคนครับ

โดย ประสาท มีแต้ม    22 เมษายน 2555
manager.co.th