แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: 1 ... 437 438 [439] 440 441 ... 652
6571
 “เอพีเอ็ม กรุ๊ป” จับมือ “ก.พ.” ติวเข้มผู้นำองค์กรภาครัฐ งัดหลักการเรียนรู้รูปแบบใหม่ “รู้ คิด ดู ทำ” เร่งแก้ปัญหาใหญ่ผู้บริหารแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฎิบัติไม่ได้ ส่งผลองค์กรสะดุดขับเคลื่อนยาก แนะระบบราชการปรับตัวรับมือเด็กรุ่นใหม่ “เคารพ” แต่ “ไม่เชื่อฟัง”
       
       เอพีเอ็ม กรุ๊ป ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากรร่วมกับศาสตราจารย์ บรู๊ซ แม็คเคนซี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Systems Thinking ของโลก ซึ่งอยู่ในทีมที่ปรึกษาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จัดทำโครงการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้นำในอนาคตของไทย เพื่อหาคุณลักษณะที่สำคัญของผู้นำไทยในยุค 2020 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า
       
       โดยรวบรวมความคิดและมุมมองของคนไทยที่ทำงานในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงคนไทยที่ศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในต่างประเทศ อาทิ แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ เพื่อหาคุณลักษณะผู้นำที่จะสามารถนำพาองค์กรไทยสู่สากล สามารถแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ รวมถึงค้นหาจุดที่ต้องพัฒนาและคุณลักษณะที่ควรเสริมสร้างให้เกิดขึ้นแก่ผู้นำระดับสูงภาครัฐของไทย

   
       ในระหว่างเป็นที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการแก่ผู้บริหารระดับสูงภาครัฐภายใต้กรอบแนวคิด “รู้ คิด ดู ทำ”โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้นำระดับสูงในส่วนราชการ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก การดำเนินการโครงการเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนกันยายน 2556
       
       ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ให้ความสำคัญกับงานวิจัยชิ้นนี้อย่างมาก เพราะเป็นงานวิจัยเชิงลึกชิ้นแรกที่สอบถามความคิดเห็นคนไทยในต่างประเทศที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญา ตรี โท เอก และ
       
       อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาเอพีเอ็ม กรุ๊ป ยกตัวอย่างผลวิจัยซึ่งพบว่า ในอนาคตเด็กรุ่นใหม่จะแยกคำว่า “เคารพ” และ “เชื่อฟัง” ออกจากกัน กล่าวคือ ความเคารพในระบบอาวุโสจะยังมี เพราะถือเป็นวัฒนธรรมอันดี แต่เขาจะไม่เชื่อฟังหรือปฏิบัติตามคำสั่งในรูปแบบเดิมที่หัวหน้า หรือเจ้านายสั่งอีกต่อไป เพราะพวกเขาจะมีวิธีคิดในแบบของตัวเอง มีข้อมูล มีรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ซึ่งการที่ต้องการให้เด็กรุ่นใหม่ “เชื่อ” แล้ว “ฟัง” และปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ใหญ่เคยทำไว้จะทำให้เกิดการ “ไม่เชื่อ” แต่ “ทำ” ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาในการทำงาน ทำให้ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งระบบราชการจะต้องเข้าใจและเตรียมปรับตัวเพื่อรับกับแนวโน้มนี้

   
       ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าผู้บริหารระดับสูง 8 ใน 10 คนมักเผชิญปัญหาเรื่องการแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ เมื่อเริ่มดำเนินกลยุทธ์แล้วมักมีอุปสรรคหรือขับเคลื่อนไปได้ยาก ดังนั้น โครงการนี้จึงยึดหลักการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่นำเอาการบูรณาการองค์ความรู้แบบที่จับต้องได้ และเห็นภาพชัดเจนอันจะนำไปสู่การจดจำ และลงมือปฏิบัติในการทำงานจริงได้อย่างสัมฤทธิ์ผล ประกอบด้วยกิจกรรมการพัฒนาที่หลากหลาย มีมาตรฐานเป็นสากลทัดเทียมกับการพัฒนาในต่างประเทศ มุ่งเน้นบริบทที่ตรงกับบทบาทภารกิจของผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งมี 4 องค์ประกอบดังนี้
       
       “รู้” หลักสูตรอบรมระยะสั้น 1-3 วัน เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มพูนทักษะทางการบริหารจัดการด้วยหลักสูตรฝึกอบรมชั้นเลิศ โดยแบ่งเป็น (1) กลุ่มหลักสูตรการเป็นผู้นำ ที่เน้นการทำงานโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเน้นเป้าหมายปลายทางเป็นสำคัญ (2) กลุ่มหลักสูตรการคิดและการบริหารจัดการ ที่เน้นทำงานเชิงบูรณาการที่ต้องร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญในเรื่อง
       ความสามารถในการปรับวิธีการเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความคล่องตัวและการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
       “คิด” การเสวนาและการบรรยายพิเศษ (Talk & Lecture) เพื่อเสริมสร้างมุมมองความรู้และพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำแก่นักบริหารระดับสูง ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิระดับสากล จากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์
       
       “ดู” การศึกษาดูงาน (Study Trips) เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำ อีกทั้งสร้างความสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประเทศ โดยจะเน้นด้านการเตรียมความพร้อมและการรับมือกับภัยพิบัติ ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้านความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เป็นต้น
       
       “ทำ” การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของชาติ รวมทั้งการแก้ปัญหาเชิงระบบและการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยจะดำเนินการต่อจากการศึกษาดูงานเพื่อให้ได้ร่างแผนงาน / โครงการ หรือแนวทางการดำเนินการของจังหวัด / กลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องในแต่ละหัวข้อ

ASTVผู้จัดการออนไลน์    25 กันยายน 2556

6572
“วุฒิศักดิ์” เดินเกมรุกรับไทยฮับศัลยกรรมความงามอาเซียน เตรียมเท 1,000 ล้านบาท ผุดโรงพยาบาลศัลยกรรมแบบครบวงจรใน 3 ปีนี้ และคลินิกศัลยกรรม 10 แห่งในปีหน้า พร้อมปรับปรุงเครื่องมือใหม่ลง 120 สาขาในวุฒิศักดิ์คลินิก มั่นใจปีหน้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 25% จากเป้า 4,000 ล้านบาทในปีนี้
       
       นายพลภัทร จันทรวิเมลือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยกำลังเป็นศูนย์กลางการแพทย์ด้านศัลยกรรมความงามในอาเซียน ซึ่งตลาดมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท โตปีละไม่ต่ำกว่า 20% มีแนวโน้มชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อเมริกา และออสเตรเลีย
       เนื่องจากค่าบริการในไทยต่ำกว่าต่างประเทศ 5-10 เท่า และฝีมือการผ่าตัดของไทยดีกว่าในหลายๆ ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้ามาผ่าตัด เต้านม ดูดไขมันหน้าท้อง แปลงเพศ เป็นต้น
       
       จากโอกาสที่เกิดขึ้นทางบริษัทฯ จึงมีแผนที่จะขยายแบรนด์สู่ธุรกิจโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า ขนาด 30-50 เตียง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 300-400 ล้านบาท รองรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก และในปีหน้ายังจะใช้งบอีก 150 ล้านบาท ขยายแบรนด์ทำคลินิกศัลยกรรมความงามผ่าตัดเล็กอีก 10 แห่ง รองรับลูกค้าที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นการผ่าตัดเล็กที่ไม่ต้องนอนพักฟื้น อย่างเสริมจมูก เป็นต้น โดยทั้ง 2 ธุรกิจใหม่นี้คาดว่าจะใชัแบรนด์ใหม่ หรืออาจจะเป็นบายไลน์ วุฒิศักดิ์ โดยกำลังอยู่ในขั้นพิจารณาอยู่
       
       อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวุฒิศักดิ์ คลินิก ซึ่งมีกว่า 120 สาขาทั่วประเทศ บริษัทฯ พร้อมใข้งบกว่า 500 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเครื่องมือให้ทันสมัยมากขึ้น และขยายบริการใหม่ๆ เพิ่ม อย่าง บอดี้ทรีตเมนต์ เป็นต้น โดยบริการใหม่นี้น่าจะทำไดัราว 50 สาขา จากจำนวนสาขาที่มีอยู่ รวมแล้วใช้งบร่วม 1,000 ล้านบาทใน 3ปีหลังจากนี้
       
       ส่วนทางด้านต่างประเทศนั้น ปีหน้าจะขยายเพิ่มกว่า 20-30 สาขาใน 10 ประเทศใหม่ เช่น อินเดีย ดูไบ จีน ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น รวมถึงใน 4 ประเทศเดิมอีก 4-5 สาขา ส่วนแนวทางการดำเนินธุรกิจจะเน้นการร่วมทุนเป็นหลัก
       
       นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทลูก คือ บริษัท วุฒิศักดิ์ คอสเมติกส์ จำกัด จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเสริมราว 30 ไอเท็ม คาดว่าจะมีรายได้กว่า 300 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่ายนอกคลินิกเพียง 1 ไอเท็มเท่านั้น และทำรายได้เพียงไม่กี่ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจากแผนการลงทุนใหม่ๆ นี้เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ในปีหน้า จากเป้ารายได้ในปีนี้วางไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโต 15% ขณะที่ตลาดคลินิกความงามมูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 10%
       
       นายพลภัทรกล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้นยังคงพิจารณาไปพร้อมกับการมองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุน คาดว่าจะสรุปได้กลางปีหน้า

ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 กันยายน 2556

6573
สธ.เผยสถานการณ์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ไม่น่าห่วง น้ำยังไม่ถึงตัวโรงพยาบาล ระบุหากระดับน้ำสูงถึงระดับ 4 เตรียมขนย้ายผู้ป่วยห้องไอ.ซี.ยู.41 ราย ด้วยรถยีเอ็มซีทหารไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง
       
       วันนี้ (1 ต.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ปราจีนบุรี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ว่า จากการติดตามนายกรัฐมนตรีไปลงพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 29-29 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์ไม่น่าห่วง โดยเฉพาะ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร แม้จะอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งจะมีการผันน้ำจาก อ.กบินทร์บุรี ไปก็ตาม เนื่องจากสอบถามถึงมาตรการการรับมือแล้วพบว่า มีการเตรียมพร้อมอย่างดี คือ มีการกั้นพื้นที่บริเวณถนน แม่น้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมเข้าพื้นที่โรงพยาบาล และมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเรียบร้อยแล้ว โดยจะประเมินสถานการณ์น้ำท่วมออกเป็น 4 ระดับ
       
       นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ประเมินว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ระดับที่ 3 คือน้ำท่วมรอบพื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 30-40 เซนติเมตร แต่บยังไม่ท่วมเข้าโรงพยาบาล แต่หากสถานการณ์น้ำท่วมหนักถึงระดับ 4 คือ ท่วมสูง 80-85 เซนติเมตร ซึ่งจะท่วมเข้าไปภายในโรงพยาบาลก็จะทำย้ายผู้ป่วยหนักที่อยู่ในห้องไอ.ซี.ยู.ทั้งหมด 41 รายไปยังโรงพยาบาลอื่นใกล้เคียง โดยจะใช้รถยีเอ็มซีของทหาร ซึ่งได้มีการประสานไว้เรียบร้อยแล้ว ทำการขนย้ายผู้ป่วย
       
       “เท่าที่สอบถามพบว่าทางโรงพยาบาลมีการเตรียมการไว้แล้วว่าผู้ป่วยทั้ง 41 ราย เมื่อเกิดสถานการณ์ระดับ 4 จะส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใดบ้าง อาทิ รพ.ค่ายจักรพงศ์ จ.ปราจีนบุรี รพ.นครนายก รพ.ชลบุรี รพ.ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จ.นครนายก และ รพ.สระบุรี เป็นต้น” ปลัด สธ.กล่าว
       
       นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ที่ อ.กบินทร์บุรี มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำท่วมแล้ว 2 ราย เป็นเด็ก 1 คน และผู้สูงอายุ 1 คน จึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดให้ความรู้ประชาชนในเรื่องการเล่นน้ำของเด็ก และการหาปลาของผู้ใหญ่แล้ว เพื่อป้องกันการจมน้ำเสียชีวิต รวมไปถึงผู้สูงอายุที่มักป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ทั้งนี้ สิ่งที่พื้นที่ร้องขอให้ สธ.ช่วยเหลือมี 2 ส่วนคือ 1.เรือ ซึ่ง สธ.ส่งไปช่วยแล้ว 5 ลำ และทีมแพทย์ โดย สธ.ได้ส่งทีมแพทย์และจิตแพทย์ลงไปสนับสนุนแล้ว ขณะที่ภาพรวมการระบายน้ำท่วมของภาคตะวันออกนั้น แม้สถานการณ์ไม่น่าห่วงแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำฝนจากพายุหวู่ติ๊บอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทุ่งปราจีนเป็นพื้นที่รับน้ำถึง 3 แห่งด้วยกันคือ เขาใหญ่ เขาสอยดาว และเขาพนมดงรัก โดยจะระบายน้ำไปยัง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อไหลออกแม่น้ำบางปะกง หากปริมาณน้ำฝนมากย่อมส่งผลกระทบอย่างแน่นอน ขณะที่ รพ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้อำนวยการมีประสบการณ์ป้องกันน้ำท่วมอย่างดี ซึ่งปี 2554 ก็สามารถป้องกันน้ำท่วมโรงพยาบาลไว้ได้ ปีนี้ก็เชื่อว่ามีแผนป้องกันน้ำท่วมแล้ว สามารถรับมืออยู่ ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

ASTVผู้จัดการออนไลน์    1 ตุลาคม 2556

6574
แผ่นเจลห้ามเลือดภายในร่างกายจากข้าวเจ้าคว้าสุดยอดนวัตกรรมข้าวปี '56 ด้านวิสาหกิจชุมชนจากพะเยาส่ง "ข้าวกล้องลืมผัว" อบกรอบคว้ารางวัลระดับชุมชน ด้านเลขาธิการมูลนิธิข้าวไทยชี้มีหลายช่องทางเพิ่มมูลค่าข้าวมากกว่าขนเป็นเกวียนลงเรือ
       
       มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. แถลงผลประกวดนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2556 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.56 ณ โรงแรมพูลแมน บางกอก คิงพาวเวอร์ โดยเป็นการประกวดนวัตกรรมข้าวที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แล้ว
       
       สำหรับการประกวดนวัตกรรมข้าวนั้น ดร.ขวัญใจ โกเมศ เลขาธิการมูลนิธิข้าวไทยฯ แจงว่าแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ระดับอุตสาหกรรม และระดับวิสาหกิจชุมชน เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบและเสียเปรียบในการแข่งขัน
       
       รางวัลระดับอุตสาหกรรมนั้น แผ่นเจลข้าวกรดห้ามเลือด "ข้าววรางกูร" จากบริษัท บุณยนิตย์วัสดุการแพทย์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 โดยเป็นแผ่นเจลที่ได้จากแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ นำมาดัดแปลงโครงสร้างทางกายภาพให้เป็นเจล และเพิ่มสารเติมแต่งให้มีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อสัมผัสของเหลวภายในร่างกาย ทำให้ห้ามเลือดระหว่างผ่าตัดได้รวดเร็ว และย่อยสลายได้ในร่างกาย
       
       ส่วนรางวัลอื่นๆ ในประเภทระดับอุตสาหกรรม ได้แก่ แป้งรำข้าว "คิง" ที่มีกากใยอาหารสูง เหมาะแก่การทดแทนแป้งสาลีและแป้งข้าวเจ้า จาก บริษัท น้ำมันบริโภทไทย จำกัด คว้ารางวัลอันดับ 2 และลิปสติกอินทรีย์จากน้ำมันรำข้าวและไขรำข้าว "VOWDA" จาก บริษัท โป๋วเอวี๋ยน จำกัด คว้ารางวัลอันดับ 3
       
       สำหรับรางวัลระดับวิสาหกิจชุมชน ข้าวกล้องลืมผัวอบกรอบพร้อมทาน "i Rice" จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มชาข้าวก่ำ (ข้าวลืมผัว) คว้ารางวัลชมเชย และเป็นผลงานเดียวที่ได้รางวัลในประเภทนี้
       
       ดร.ขวัญใจกล่าวว่าอยากให่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนส่งประกวดมากกว่านี้ โดยจุดแข็งที่สุดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคือด้านอาหาร แต่อยากให้พัฒนาสู่เชิงพาณิชยได้ พร้อมทั้งกล่าวว่านวัตกรรมข้าวเหล่สนี้เป็นตัวอย่างของการเพิ่มมูลค่าข้าวที่มากกว่าการส่งขายขึ้นเรือเป็นเกวียน

ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 กันยายน 2556

6575
บรรยากาศน้ำท่วม จ.ปราจีนบุรี โดยทั่วไปที่บริเวณในเขตเทศบาลตัวเมือง และฝั่งโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ยังมีน้ำท่วมสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร ทำให้บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และตามร้านค้าชาวบ้านได้มีการเตรียมก่ออิฐ และนำกระสอบทรายมาเป็นคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำฝนที่มีแนวโน้มที่จะตกลงมาอีก
       
       วันนี้ (30 ก.ย.) สถานการณ์น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี เขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ยังวิกฤต ระดับน้ำล้นตลิ่ง 40 เซนติเมตร ส่งผลให้พื้นที่ริมถนนถูกน้ำท่วม 20 เซนติเมตร ขณะเดียวกัน น้ำยังผุดขึ้นตามท่ออย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลจึงนำหินคลุกวางกั้น เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำปราจีนบุรีที่จะไหลเข้ายังเทศบาลเมืองอีกครั้ง
       
       ส่วนที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรี น้ำได้ล้นคันกั้นน้ำท่วมถนนหน้าโรงพยาบาล 10-20 เซนติเมตรแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่น้ำท่วมถนน ด้าน นพ.เอนก พึ่งผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร รู้สึกกังวลว่าจะมีฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุหวู่ติ๊บ ที่จะทำให้แม่น้ำปราจีนบุรีเพิ่มสูงขึ้นอีก

ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 กันยายน 2556

6576
น้ำแม่น้ำปราจีนฯ เอ่อล้นตลิ่ง จ่อเข้าท่วม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร หลังน้ำเริ่มซึมรอบตึก ผู้บริหารเตรียมแผนอพยพผู้ป่วย ส่วนบ้านชั้นเดียวริมเขื่อนจมมิด ชาวบ้านร้องขอสุขาเคลื่อนที่ ขณะที่รองเท้าบูทขายดี คนแห่ซื้อจนขาดตลาด...

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. มีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า ในช่วงบ่ายทางเทศบาลเมืองปราจีนบุรีได้เร่งสูบน้ำตามจุดต่างๆ เพื่อให้มีการระบายน้ำออกจากพื้นผิวจราจรให้มากขึ้น แต่ไม่สามารถระบายน้ำจากผิวถนนให้ลดลงมาได้ กรมทรัพยากรน้ำจึงได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ มาทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำปราจีนบุรี หน้า รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อช่วยสูบน้ำจากผิวถนน และน้ำที่กำลังไหลเข้าท่วมโรงพยาบาล ซึ่งมีน้ำซึมอยู่บริเวณรอบตึกเจ้าพระยา


อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ได้ทำให้ประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรไปมา ต่างแห่ซื้อรองเท้าบูทเพื่อป้องกันน้ำกัดเท้า โดยเฉพาะรองเท้าบูทนินจา เป็นรองเท้าที่ขายดีที่สุด ทางเจ้าของร้านต้องสั่งยอดเพิ่ม และจากการสอบถามพนักงานขาย ทราบว่า คนแห่มาซื้อตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จนทำให้รองเท้าบูทบางรุ่นขาดตลาด ต้องสั่งบริษัทเพิ่มเติมเป็นการด่วน เพราะลูกค้ามีความต้องการใช้ในช่วงน้ำท่วมมาก ส่วนราคาที่ขายในช่วงน้ำท่วม ทางร้านได้จำหน่ายในราคาปกติ อาทิ รองเท้าบูทแบบยางหนา 229 บาท รองเท้าบูท รุ่นนินจา 199 บาท ชุดรองเท้าบูทติดกับกางเกงชุดละ 299 บาท ซึ่งขณะนี้ชุดรองเท้าบูทติดกับกางเกงขายหมดเกลี้ยง และของขาดสต๊อกด้วย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม พบรถบรรทุกแคร่ไม้ไผ่ออกวิ่งตระเวนขาย จากการสอบถาม นายอาคม แก้วกุลวงค์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ซอยวัดศรีมงคล หมู่ 7 ต.ดงบัง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมนี้จะขายดี มีลูกค้ามากขึ้น จะขับรถตระเวนขายตามบ้านที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งขายถูกกว่าราคาปกติ ราคา 300 บาทต่อตัว เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยจะขายได้วันละ 10-20 ตัว ทำให้สร้างรายได้ดีในช่วงน้ำท่วม

ส่วนบ้านเรือนราษฎร บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำปราจีน ฝั่งโรงเรียนปราจินราษฎรอำรุง ซึ่งเป็นบ้านเรือนชั้นเดียว ถูกน้ำท่วมทุกหลังจนไม่สามารถขายสินค้าได้ จากการตรวจสอบปริมาณน้ำพบว่า ในพื้นร้านค้าถูกน้ำท่วมสูง 50-60 ซม. จนไม่สามารถหลับนอนภายในบ้านได้ มีการนำไม้ เก้าอี้ ยกระดับสิ่งของให้สูงขึ้น โดยเฉพาะร้านของ นางลักษิกา ว่องไว อายุ 37 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 15 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นร้านขายสิ่งของบริโภค มีปริมาณน้ำสูง 70 ซม. ต้องใช้เก้าอี้ต่อด้วยอิฐตัวหนอนหนุนของและสินค้าภายในร้านไม่ให้เสียหาย และต้องผูกเปลญวนให้ลูกอ่อนวัย 3 ขวบนอน ซึ่งยังพบว่าชาวบ้านจำนวนมากร้องขอสุขาเคลื่อนที่ เนื่องจากห้องสุขาถูกน้ำท่วม ไม่สามารถใช้ขับถ่ายได้


นอกจากนี้ ยังพบว่าบริเวณ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กำลังทหารได้เร่งวางแนวกระสอบทรายบริเวณแนวถนน เพื่อป้องกันน้ำที่กำลังเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมโรงพยาบาล รวมทั้งมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำภายในโรงพยาบาลจำนวนหลาย 10 เครื่อง เพื่อสูบน้ำที่ไหลซึมเข้าท่วมพื้นที่ของโรงพยาบาลออก

นพ.เอนก พึ่งผล ผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงมาตรการป้องกันน้ำท่วมในโรงพยาบาล ว่า น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีได้ล้นตลิ่งเข้าถนนและกำลังจะไหลเข้าโรงพยาบาล ถือว่าสถานการณ์ขณะนี้มีความรุนแรง โดยขั้นแรกทางโรงพยาบาลได้วางกระสอบทรายป้องกันน้ำซึม และได้สูบน้ำออก ซึ่งขณะนี้น้ำได้ข้ามถนนแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปในโรงพยาบาล จึงอาศัยกำแพงโรงพยาบาลเป็นแนวกั้นน้ำ ซึ่งมีประตู 3 ประตู ได้ใช้หินคลุกโรยสูง 30 ซม. แล้วใช้กระสอบทรายวางทับให้สูงอีก 30 ซม. เป็น 60 ซม. สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ ถ้าน้ำเข้าไปได้ ก็จะใช้เครื่องสูบน้ำสูบออก โดยจะป้องกันน้ำให้อยู่แค่ถนน และทางโรงพยาบาลได้เตรียมแผนสำรองไว้ หากน้ำเข้าไปในโรงพยาบาล ในเบื้องต้นให้เตรียมอาคารผู้ป่วย ไฟ ย้ายอุปกรณ์ต่างๆ ห้อง OPD จากชั้นล่างขึ้นไปอยู่ชั้น 2 แล้ว และหากมีน้ำท่วมมาก ก็จะย้ายผู้ป่วยไปอยู่ที่อื่น.

ไทยรัฐออนไลน์ 30 กย 2556

6577
ทหารค่ายสุรสีห์ พร้อมทีมแพทย์ นำ ฮ.บินฉุกเฉิน รับหญิงท้องแก่ชาวกะเหรี่ยง จากหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-พม่า ส่งโรงพยาบาล จนปลอดภัยทั้งแม่และลูก หลังไม่สามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้ เหตุฝนตกหนัก ด้านสามีหนุ่มขอบคุณผู้ช่วยเหลือ เพราะไม่ต้องการให้หมอตำแยมาทำคลอด กลัวลูกหัวขาดอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมากับคนในหมู่บ้าน...

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ก.ย. เจ้าหน้าที่กองบิน กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้รับการประสานจากแพทย์ รพ.พหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ให้นำเฮลิคอปเตอร์ไปรับหญิงท้องแก่ ปวดท้องคลอดก่อนกำหนด ในพื้นที่หมู่บ้านทิไล่ป้า ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เพราะไม่สามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน และในพื้นที่ฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน หลังได้รับการประสาน จึงพร้อมกับทีมแพทย์ฉุกเฉิน เดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าวใช้เวลาบินไป-กลับ นานกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อนำส่งโรงพยาบาล  ส่งตัวเข้าห้องคลอดฉุกเฉิน โดยหญิงสาวดังกล่าวชื่อ น.ส.รอร่า (ไม่มีนามสกุล) อายุ 19 ปี ชาวกะเหรี่ยง อยู่หมู่บ้านทิไล่ป้า

นายซีซ่า สามีของ น.ส.ออร่า เปิดเผยว่า ภรรยาของตนตั้งท้องได้ 8 เดือน โดยเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ภรรยามีอาการปวดท้องคลอดอย่างรุนแรง แต่ไม่สามารถเดินทางไปที่ รพ.สังขละบุรี เพื่อให้หมอทำคลอดเนื่องจากไม่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้ หากจะเดินทางต้องไปทางเฮลิคอปเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้นำหมู่บ้านได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา จนได้รับความช่วยเหลือจากกองพลทหารราบที่ 9 ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยเหลือภรรยาของตนในครั้งนี้ เพราะก่อนหน้านั้น ทางญาติจะนำหมอตำแยมาทำคลอดให้ แต่ตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุสลดขึ้นในหมู่บ้านมาแล้ว โดยหมอตำแยได้ทำคลอดให้ผู้หญิงคนหนึ่ง โดยใช้มือดึงหัวทารกออกมาอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้หัวเด็กขาด ส่วนแม่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนจึงไม่กล้าเสี่ยงให้หมอตำแยมาทำคลอดให้ภรรยา.

ไทยรัฐออนไลน์ 30 กย 2556

6578
ตั้งใจจะมาขึ้นเวรดึกก่อนเวลาเพื่อมาเคลียงานเอกสารคนไข้ที่ทำค้างไว้ เพราะเราไม่มีบุคลากรอื่นทำงานนี้ พยาบาลวิชาชีพต้องทำเองทั้งหมด ซึ่งเราไม่เคยที่เรียกค่าตอบแทนเพิ่มเลย เราเห็นคนไข้อยู่เต็มตึก คิดอยู่ในใจ วันนี้เวรดึกงานหนักแน่ ขณะนั้นเราเห็นเพื่อนพยาบาลที่ขึ้นเวรบ่ายกันเพียง 2 คน พยาบาลคนหนึ่งกำลังช่วยชีวิตคนไข้ ที่มีอาการชักเกร็งตาค้าง โดยการปั้มหัวใจ อีกคนกำลังโทรศัพท์รายงานแพทย์ เรายังไม่ได้ตั้งตัว ตั้งใจจะมาขึ้นเวรดึกก่อนเวลาเพื่อมาเคลียร์งานเอกสารคนไข้ แต่ชีวิตคนไข้ต้องมาก่อน เรารีบเข้าไปช่วยเพื่อนพยาบาลที่กำลังปั้มหัวใจ โดยช่วยให้ออกซิเจนคนไข้ ช่วยให้น้ำเกลือกับคนไข้ เตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิต เตรียมยาช่วยชีวิตไว้ รอแพทย์มาดูอาการ แพทย์พิจารณาใส่ Tube เพื่อส่งต่อไปยัง โรงพยาบาลประจำจังหวัด ผู้ป่วยรู้ตัวแต่ไม่รู้เรื่อง นอนไม่นิ่ง จะดิ้นและดึงสายต่างๆ ตลอดเวลา ต้องให้ญาติผู้ชาย สองคนช่วยจับตัวไว้ นอกจากนี้เราต้องไปเตรียมเอกสาร ประสานรถส่งต่อมารับตัวผู้ป่วยเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาลจังหวัด ส่วนพยาบาลเวรบ่ายต้อง Load งานเพราะต้องช่วยคนไข้หนักก่อนกว่าจะเคลียงานคนไข้คนอื่นเสร็จ ก็ลงเวร ตี 2 แต่ก็ไม่เคยที่จะไปเรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่ม คิดว่าทำบุญไป ขึ้นเวรดึก 2 คน 1 คนต้องอยู่ทำงานคนเดียวรอ ส่วนพยาบาลอีกคนคือเราต้องไปส่งผู้ป่วยก่อน

ในขณะที่รถขับไปได้ครึ่งทาง เป็นช่วงประมาณ ตี หนึ่งครึ่ง ได้เจอรถสิบล้อซึ่งขับอยู่ด้านหน้าด้วยความเร็ว โดยรถสิบล้อขับอยู่ด้านใน ส่วนรถส่งต่อขับอยู่ด้านนอก ในขณะที่ขับรถอยู่นั้น อยู่ๆรถสิบล้อก็ขับมาปาดหน้ารถส่งต่อ ทำให้รถส่งต่อต้องเบรกอย่าแรง เราซึ่งเป็นพยาบาลที่อยู่ในรถ กำลังช่วยชีวิตคนไข้โดยการบีบ ambu bag เพื่อให้ออกซิเจน 100 % แก่คนไข้ ไม่มีอะไรยึด สองมือจับแต่ ambu bag เรากระเด็นไปอย่างแรงพร้อมกับ Ambu bag โดยกระเด็นไปติดกับที่นั่งด้านหน้าของรถ เรารู้สึกเจ็บที่ศีรษะ คลำดูเห็นรอยนูน และปวดบริเวณขามาก หลังมือมีแผลถลอก เจ็บบ้าง เห็นคนขับรถไม่เป็นอะไร เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย หลังจากรถนิ่ง แม้จะเจ็บหัว มือและขา แต่เราห่วงคนไข้มาก เรารีบไปดูคนไข้ รีบกลับมาบีบ ambu bag ต่อจนถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัด ผู้ป่วยปลอดภัย เราก็ดีใจ ระหว่างทางที่เรานั่งรถกลับโรงพยาบาล เรารู้สึกปวดขาและเห็นรอยฟกช้ำ แต่เราต้องกลับมาขึ้นเวรดึกต่อ เพราะถ้าขืนลา จะไปหาใครมาทำงานแทน เพื่อนเราต้องทำงานคนเดียว เราต้องทำงานในสภาพที่เจ็บปวด เมื่อมาย้อนคิดอีก ถ้าเราเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

เราแค่พยาบาลลูกจ้างชั่วคราว ยังไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ แต่ทำงานมา 5 ปีแล้ว เราได้แจ้งเหตุการณ์ครั้งนี้ให้หัวหน้าทราบ หัวหน้าบอกว่าตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ให้ช่วยเหลือตนเองโดยไปทำประกันชีวิตตัวเองไว้ก่อน รถทางราชการจะไม่มีประกัน นโยบายเรื่องจ่ายค่าตอบแทนกรณีเสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติงานจะน้อยมาก ขั้นตอนเยอะ เราเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ เป็นที่พึ่ง ถ้าเราเป็นอะไรไป พ่อแม่เราใครจะดูแล ใครจะช่วยเรา เราจะไปบอกใครให้ช่วยเรา ได้แต่เขียน เล่า จนกว่าจะมีใครมาช่วยคุ้มครองชีวิตและพิทักษ์สิทธิ์ที่พึงได้รับให้กับพยาบาลที่ต้องทำงานอยู่กับความเสี่ยงตายด้วยเถอะ

14 พฤษภาคม 2556 เวลา 23.10 น.
สหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย

6579
เว็บไซต์ daodao.com ของทริปแอดไวเซอร์เผยผลสำรวจ จุดหมายปลายทางในต่างประเทศยอดนิยม 20 อันดับสำหรับนักเดินทางชาวจีน ฮ่องกงมาเป็นที่ 1 ส่วนไทยติด 3 อันดับ คือ ภูเก็ตอันดับ 2 กรุงเทพฯ 4 และเชียงใหม่ 12
       
       ด้วยการเติบโตขึ้นของตลาดการท่องเที่ยวของชาวจีน ทริปแอดไวเซอร์เว็บไซต์ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดโนโลกเผยรายชื่อจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในต่างประเทศยอดนิยม 20 อันดับสำหรับนักเดินทางชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในปีพ.ศ. 2555 ประเทศจีนขึ้นนำสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี และกลายเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านของการจับจ่ายใช้สอย จึงทำให้การจับส่วนแบ่งของตลาดที่กำลังเติบโตนี้ได้กลายมาเป็นภารกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ สำหรับองค์กรด้านการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับผู้ให้บริการด้านการเดินทางต่างๆ
       
       จากข้อมูลของสถาบันศึกษาด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (China Tourism Academy) ประมาณการว่าตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศของคนจีนจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 94 ล้านการเดินทางในปีพ.ศ. 2556 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในแบบปีต่อปี โดยคาดว่านักเดินทางเหล่านี้จะใช้จ่ายเงินเพื่อการเดินทางจำนวนถึง 117.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในแบบปีต่อปี
       
       ทั้งนี้ daodao.com เว็บไซต์ในเครือทริปแอดไวเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับนักเดินทางชาวจีนโดยเฉพาะได้ทำการสำรวจ 20 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางชาวจีนในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2556 ซึ่งปรากฏผลดังนี้
       
       1. ฮ่องกง ประเทศจีน
       2. ภูเก็ต ประเทศไทย
       3. ไต้หวัน
       4. กรุงเทพฯ ประเทศไทย
       5. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
       6. ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
       7. มาเก๊า ประเทศจีน
       8. กรุงโซล เกาหลีใต้
       9. สิงคโปร์
       10. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
       11. โรม ประเทศอิตาลี
       12. เชียงใหม่ ประเทศไทย
       13. นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
       14. ลอนดอน สหราชอาณาจักร
       15. เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้
       16. โบราเคย์ ประเทศฟิลิปปินส์
       17. เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
       18. โคตาคินาบาลู ประเทศมาเลเซีย
       19. ฮานอย ประเทศเวียดนาม
       20. กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
       
       สำหรับภายในจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้ง 20 แห่ง เกียวโต (ญี่ปุ่น) โคตาคินาบาลู (มาเลเซีย) ฮานอย (เวียดนาม) และเกาะเชจู (เกาหลีใต้) แสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบปีต่อปีที่สูงที่สุดในระดับเลขสามหลัก ในขณะที่ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่ติดอันดับถึงสามอันดับ โดยมีภูเก็ตเป็นอันดับ 2 กรุงเทพฯ เป็นอันดับที่ 4 และเชียงใหม่อยู่ที่อันดับที่ 12 นอกจากจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้ง 20 อันดับแล้ว ผู้ใช้ของเว็บไซต์ DaoDao ให้ความสนใจเสียมเรียบ (กัมพูชา) พัทยา (ประเทศไทย) ซาบาห์ (มาเลเซีย) และเบอร์ลิน (เยอรมนี) เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าในแบบปีต่อปี
       
       “ในขณะที่ฮ่องกงและมาเก๊ายังคงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้นับหลายสิบล้านคนต่อปี ในฐานะเป็นสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งแบบปลอดภาษี และการขนส่งที่สะดวกสบาย สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัว และมีบริการเส้นทางบินต่อไปยังจุดหมายปลายทางนานาชาติ เราสามารถเล็งเห็นการเคลื่อนตัวของตลาด นักเดินทางเหล่านี้และนักเดินทางจากแผ่นดินใหญ่เริ่มมองหาจุดหมายปลายทางอื่นๆ เช่น ประเทศไทย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และประเทศอื่นที่ไกลออกไป”
       
       มิสลิลลี เชง กรรมการผู้จัดการ ทริปแอดไวเซอร์ ประเทศจีน ให้ความเห็น ก่อนกล่าวต่อว่า
       
       "นักเดินทางขาออกชาวจีนยุคใหม่เหล่านี้เริ่มตัดสินใจหาจุดหมายปลายทางที่อยากไป ที่พักที่อยากพัก และกิจกรรมที่อยากทำด้วยตัวเองโดยการค้นหาข้อมูลจากระบบ      ออนไลน์ โดยไม่เน้นที่การเดินทางกับทัวร์แบบหมู่คณะที่นั่งรถบัสคันใหญ่ๆ อีกต่อไป นักเดินทางเหล่านี้ฉลาดและทันสมัย และพยายามทำความเข้าใจและเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ก่อนการเดินทาง เมื่อนักเดินทางเหล่านี้เดินทางออกนอกประเทศ ทำให้พวกเขามองหาเว็บไซต์ที่มีตัวตนน่าเชื่อถือในระดับสากลเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษต่างๆ และเนื้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมมากขึ้น”

ASTVผู้จัดการออนไลน์    25 กันยายน 2556

6580
ชายชาวจีนได้รับการปลูกถ่ายจมูกใหม่บนหน้าผาก เพื่อนำไปเสริมจมูกเดิมที่สูญเสียไปไม่สามารถใช้การได้หลังประสบอุบัติเหตุ
       
       สื่อต่างประเทศรายงาน (25 ก.ย.) ชายชาวจีนได้รับการปลูกถ่ายจมูกใหม่บนหน้าผาก เพื่อนำไปเสริมจมูกเดิมที่สูญเสียไปไม่สามารถใช้การได้หลังประสบอุบัติเหตุ
       
       รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว นายเสี่ยวเหลียน วัย 22 ปี ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนส่งผลให้กระดูกอ่อนจมูกของเขาอักเสบติดเชื้อ ไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แพทย์จีนโรงพยาบาลเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน จึงใช้การนำเซลล์กระดูกอ่อนจากซี่โครงผู้ป่วยรายนี้ มาปลูกถ่ายสร้างจมูกสำรองขึ้นใหม่ที่ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผากของเขา ล่าสุด จมูกใหม่ของนายเสี่ยวเหลียนได้งอกขึ้นมาสมบูรณ์ และขณะนี้แพทย์ผู้ดูแลฯ กล่าวว่าจมูกใหม่นี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมที่ผ่าตัดเปลี่ยนทดแทนจมูกในตำแหน่งเดิมในเร็วๆ นี้
       
       ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า วิธีการรักษาทดแทนอวัยวะของผู้ป่วย ด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ของผู้ป่วยนี้ เป็นการรักษาที่ประสบผลสำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คณะแพทย์ชาวอังกฤษ ก็ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายอวัยวะจมูกบนแขนของชายคนหนึ่ง เพื่อนำมาใช้แทนจมูกเดิมที่สูญเสียไปจากโรคมะเร็ง

ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 กันยายน 2556

6581
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าการรับประทานน้ำตาลเทียมแล้วจะช่วยให้ได้รับพลังงานส่วนเกินน้อยลง คุณจะต้องเปลี่ยนความคิดแน่ๆ หลังจากที่อ่านงานวิจัยใหม่ของมหาวิทยาลัยเยลแล้ว
       
       งานวิจัยฉบับใหม่ของเยลพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์รสหวานที่ให้พลังงานต่ำ แท้ที่จริงแล้วเป็นการบั่นทอนความพยายามลดปริมาณแคลอรีที่บริโภคเข้าไป เพราะจะไปกระตุ้นให้เราต้องการรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงขึ้นในภายหลัง
       
       หรือ อย่างที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ถึงแม้เราจะมีความตั้งใจดีก็ตาม แต่อย่างไรเสียน้ำตาลเทียมพวกนี้ก็หลอกสมองของเราไม่ได้
       
       นั่นก็เป็นเพราะว่า ในงานวิจัยที่ใช้หนูทดลองชิ้นนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตเห็นว่า สัญญาณเฉพาะทางสรีรวิทยาอย่างหนึ่ง ที่มีหน้าที่ควบคุมระดับสารโดปามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่จะหลั่งออกมาเมื่อเกิดความรู้สึกพึงพอใจ จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อน้ำตาลสลายตัวอยู่ในรูปที่สามารถเผาผลาญและเป็นพลังงานแก่ร่างกายได้
       
       ในการวิจัยครั้งนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดสอบทางพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารให้ความหวานและน้ำตาล และวัดปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นในวงจรของสมอง
       
       “ตามข้อมูลที่ได้ เมื่อเราให้สสาร (น้ำตาลเทียม) ที่ไปรบกวนขั้นตอนสำคัญยิ่งในกระบวนการ ‘เปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงาน’ สัตว์ทดลองจะรู้สึกสนใจบริโภคสารให้ความหวานน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ในเวลาเดียวกันระดับของโดปามีนในสมองก็ลดลงไปมากเช่นกัน” อีวัน เด อาเราโจ หัวหน้าคณะผู้เขียนของวารสาร “Journal of Physiology” อธิบาย
       
       ในบทความแสดงความคิดเห็นซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร “Trends in Endocrinology & Metabolism” เมื่อช่วงฤดูร้อนนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญอ้างถึงงานวิจัยคล้ายๆ กันซึ่งชี้ว่า การรับประทานสารให้ความหวานที่ให้พลังงาน 0 กิโลแคลอรี จะไปเปลี่ยนแปลงศูนย์ความสุขในสมอง และทำให้ร่างกายแสดงปฏิกิริยาตอบสนองรสหวานแบบเบื่อหน่ายหดหู่ ส่งผลให้หนูทดลองหันมากินอาหารที่ให้พลังงานสูงขึ้นในภายหลัง
       
       นอกจากนี้ น้ำตาลเทียมยังมีส่วนทำให้เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหลอดเลือดหัวใจ
       
       บทเรียนทั้งหมดที่ได้จากงานวิจัยชิ้นนี้คือ ควรจำกัดการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาล หมั่นดื่มน้ำเปล่า และถ้าอยากกินของหวานจนทนไม่ได้ ก็ลองเปลี่ยนไปดื่มน้ำผลไม้ที่มีกากใยสูง และไม่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ หรือพวกสมูทตีแทน

ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 กันยายน 2556

6582
เปิดเอกสารรัฐฯ ส่อถังแตก หลังสธ.มีคำสั่งด่วน ชะลอจ้างพนักงาน ให้กรอบวงเงินไม่เกินร้อยละ 10 แถมตระบัดสัตย์ไม่ให้ ป.ตรี หมื่นห้าตามสัญญา เลิกบัญชีค่าจ้างเก่า ออกบัญชีอัตราจ้างใหม่ เริ่มใช้ 1 ต.ค. 56 เป็นต้นไป ลูกจ้างชั่วคราวส่อถูกลอยแพ
       
       วันนี้ (26 ก.ย.) หลังจากที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ มีนโยบายที่จะให้เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท แต่ผ่านมาแล้วสองปีมีพนักงานจำนวนมากทั้งในภาครัฐและเอกชนที่ไม่ได้รับเงินเดือนตามที่รัฐบาลกำหนด กระทั่งมีการออกมาเรียกร้องจากหลายหน่วยงาน เช่น กรณี ครูธุรการ เป็นต้น
       
       ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขได้ออกหนังสือด่วนที่สุดที่ สธ 0201.304/ว 815 เรื่อง ชะลอการจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ถึงอธิบดีทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้อำนวยการสำนักและหน่วยงานในสังกัดสำนักปลัดสาธารณสุข แพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ผู้อำนวยการวิทยาลัยทุกแห่ง วันที่ 23 ก.ย. 56 ลงนามโดยนายวชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข
       
       โดยเนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุขผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรชาชีพที่ ก.พ.รับรองคุณวุฒิแล้ว หรือผู้มีทักษะประสบการณ์ เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 โดยอ้างถึงรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขครั้งที่ 5/2556 วันที่ 9 กันยายน 2556 มีรายละเอียด ดังนี้
       
       ตามที่คณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จัดให้มีการประชุมเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2556 โดยได้พิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเรื่องต่าง ๆ จำนวน 7 ฉบับ โดยมติที่ประชุมได้กำหนดกลักการไว้ ดังนี้
       
       1. ชะลอการจัดทำสัญญาจ้างและให้ส่วนราชการ (กรม) เร่งรัดทำกรอบอัตรากำลังคนในภาพรวม โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เพื่อเสนอคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขขอนุมัติ และ แจ้ง อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุขทราบตามข้ออ 9 และ 29 วรรค 2 ของระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2556
       
       2. จัดลูกจ้างชั่วคราวที่ผ่านการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้กรอบอัตรากำลังคนที่กำหนดไว้ตามข้อ 1 โดยให้อยู่ภายในกรอบวงเงินไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวในภาพรวมของเครือข่ายบริการระดับเขตได้ รวมถึงการเยียวยาสำหรับผู้ได้รับค่าจ้างลดลง สัญญาจ้างให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 และจะดำเนินการได้เมื่อเครือข่ายบริการระดับเขตอนุมัติแล้ว ส่วนลูกจ้างชั่วคราวรายใดที่ประเมินไม่ผ่านหรือตำแหน่งที่เกินกรอบอัตรากำลังตามข้อ 1 หน่วยบริการสามารถจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงลักษณะอื่นได้ เช่น รายวัน รายคาบ จ้างเหมาบริการหรือรายเดือนต่อไปได้ ซึ่งการบริหารค่าจ้างให้อยู่ภายในกรอบวงเงินร้อยละ 10 ข้างต้น ทั้งนี้ขอให้ดำเนินการคัดเลือกลูกจ้างชั่วคราวที่ผ่านการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุขโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงานอย่างแท้จริง
       
       3. ให้ยกเลิกบัญชีค่าจ้างแนบท้ายประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เรื่องค่าจ้างของพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2556 ทั้งบัญชีแนบท้าย 1 และ 2 แล้วให้ใช้บัญชีค่าจ้างใหม่ตามที่ส่งมาด้วย
       
       4. การได้รับค่าจ้างของพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2556 กำหนดให้ได้รับอัตราค่าจ้างไม่เกินขั้นต่ำของบัญชีแนบท้ายตามข้อ 3 (กลุ่มเทคนิคที่เป็นสายงานวิชาชีพ และกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ อัตราค่าจ้างตามบัญชีที่ส่งมาด้วย เป็นอัตตราที่ได้เพิ่ม 1.2 เท่า จากอัตราเงินเดือนที่เป็นสายงานเดียวกัน โดยมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหารกำลังคนระดับจังหวัดหรือเรียกชื่ออย่างอื่นของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เป็นผู้กำหนด และเสนอเครือข่ายบริการระดับเขตให้ความเห็นชอบ
       
       5. ลูกจ้างชั่วคราวที่ไม่แสดงเจตนาเข้ารับการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หากขณะนี้ประสงค์จะแสดงเจตนาเข้ารับการประเมินให้สามารถทำได้ และส่วนราชการดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเรื่องหลักเกณฑ์ว่าด้วยการประเมินลูกจ้างชั่วคราวเข้าสู้ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2556
       
       6. การบริหารจัดการในภาพของกรมต่างๆ และวิทยาลัยในสังกัดในสถาบันพระบรมราชชนก ให้ถือปฏืบัติตามหลักการข้างต้น
       
       ในการนี้ ขอให้ส่วนราชการในสังกัดได้ถือปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขข้างต้น
       
       อนึ่งการจ้างงานของลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุง ขณะนี้ยังคงให้ถือปฏิบัติตามหนังสือสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ สธ 0201.ว479 ลงวันที่ 30 เม.ย. 2556 ต่อไป สำหรับลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงที่มีการจ้างงานไว้ในขณะนี้ หากรายใดไม่ผ่านการประเมินหรือไม่แสดงเจตนาเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ให้หน่วยบริการพิจารณาการจ้างตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขในข้อ 2 ส่วนผู้ที่ผ่านการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ต้องจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่มีการปรับค่าจ้างคงรับค่าจ้างอัตราเดิมไปพลางก่อน และให้หน่วยบริการมีคำสั่งจ้างลูกจ้างชั่วคราวข้างต้น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 จนกว่าการจัดทำกรอบอัตรากำลังคนในภาพรวมจะแล้วเสร็จ

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 กันยายน 2556

6583


๑.  นายวิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์(ด้านเวชกรรมป้องกัน) สสจ.ขอนแก่น รักษาราชการแทน สสจ.หนองบัวลำภู
๒.  นายขจรศักดิ์ แก้วจรัส นายแพทย์(ด้านเวชกรรมป้องกัน) สสจ.พังงา รักษาราชการแทน สสจ.ภูเก็ต
๓.  นายสมศักดิ์ นุกูลอุดมพานิชย์ สสจ.ภูเก็ต รักษาราชการแทน สสจ.น่าน
๔.  นายบรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ สสจ.หนองบัวลำภู รักษาราชการแทน สสจ.ปัตตานี
...

6584


๑.  นายประสิทธิ์ มานะเจริญ  นายแพทย์(ด้านเวชกรรม)รพ.พุทธโสธร รักษาการในตำแหน่ง ผอก.(เฉพาะด้านแพทย์)รพ.พุทธโสธร
๒.  นายเรืองศักดิ์ ใครบุตร  นายแพทย์(ด้านเวชกรรมป้องกัน)รพ.สกลนคร รักษาการในตำแหน่ง ผอก.(เฉพาะด้านแพทย์)รพ.สกลนคร
๓.  นางรจนา ขอนทอง  นายแพทย์(ด้านเวชกรรมสาขาอายุรกรรม).รพ.กำแพงเพชร รักษาการในตำแหน่ง ผอก.(เฉพาะด้านแพทย์)รพ.กำแพงเพชร
๔.  นายชาญ ตันติวราภรณ์ ผอก.(เฉพาะด้านแพทย์)รพ.พุทธชินราช รักษาการในตำแหน่ง ผอก.รพ.บึงกาฬ
๕.  นายศิวฤทธิ์ รัศมีจันทร์ นายแพทย์(ด้านสาขาอายุรกรรม)รพ.พุทธชินราช {เดิมรักษาการในตำแหน่ง ผอก.รพ.สุโขทัย} รักษาการในตำแหน่ง ผอก.(เฉพาะด้านแพทย์)รพ.พุทธชินราช
...

6585


๑.  นายดุลวิทย์ ตปนียากร จาก รอง ผอก. รพ.พระนั่งเกล้า เป็น ผอก.รพ.บ้านโป่ง
๒.  นายศราวุฒิ ตั้งศรีสกุล จาก ผอก.รพ.เสนา เป็น ผอก.รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗
๓.  นายธนิต สุขผ่องศรี จาก ผอก.รพ.อ่างทอง เป็น ผอก.รพ.ยโสธร
๔.  นายพงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ จาก รอง ผอก.รพ.สิงห์บุรี เป็น ผอก.รพ.ศรีสังวรสุโขทัย
๕.  นายอนันต์ กมลเนตร จาก รอง ผอก.รพ.สระบุรี เป็น ผอก.รพ.นครนายก
๖.  นายธานินทร์ สีวราภรณ์สกุล จาก ผอก.รพ.นครนายก เป็น ผอก.รพ.พระนครศรีอยุธยา
๗.  นางสาวสมบัติ ชุติมานุกุล จาก รอง ผอก.รพ.ระยอง เป็น ผอก.รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
๘.  นายวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ จาก ผอก.รพ.ตราด เป็น ผอก.รพ.ระยอง
๙.  นายประชา ชยาภัม จาก ผอก.รพ.พุทธโสธร เป็น ผอก.รพ.ดำเนินสะดวก
๑๐. นายเกรียงไกร โกวิทางกูร จาก ผอก.รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว เป็น ผอก.รพ.ร้อยเอ็ด
๑๑. นายสมบูรณ์ นันทานิช จาก ผอก.รพ.ดำเนินสะดวก เป็น ผอก.รพ.โพธาราม
๑๒. นายพิเชียร วุฒิสถิรภิญโญ จาก รอง ผอก.รพ.สมุทรสงคราม เป็น ผอก.รพ.ตราด
๑๓. นายชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จาก รอง ผอก.รพ.กาฬสินธุิ์ เป็น ผอก.รพ.เกาะสมุย
๑๔. นายทรงเกียรติ เล็กตระกูล จาก รอง ผอก.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ เป็น ผอก.รพ.อำนาจเจริญ
๑๕. นายยุทธชัย ตริสกุล จาก รอง ผอก.รพ.ยโสธร เป็น ผอก.รพ.อ่างทอง
๑๖. นายสมฤกษ์ จึงสมาน จาก ผอก.รพ.อำนาจเจริญ เป็น ผอก.รพ.นครปฐม
๑๗. นายชาญ ตันติวราภรณ์ จาก ผอก.รพ.สุโขทัย เป็น ผอก.รพ.พุทธชินราช
๑๘. นายนิพัธ  กิตติมานนท์ จาก ผอก.รพ.ศรีสังวรสุโขทัย เป็น ผอก.รพ.เพชรบูรณ์
๑๙. นายดิเรก งามวาสีนนท์ จาก รอง ผอก.รพ.อุตรดิตถ์ เป็น ผอก.รพ.สุโขทัย
๒๐. นายธำรง หาญวงศ์ จาก ผอก.รพ.อุตรดิตถ์ เป็น ผอก.รพ.ลำปาง
๒๑. นายทรงวุฒิ ทรัพย์ทวีสิน จาก ผอก.รพ.ลำปาง เป็น ผอก.รพ.อุตรดิตถ์
๒๒. นายณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ จาก รอง ผอก.รพ.ลำปาง เป็น ผอก.รพ.แม่สอด
๒๓. นายไชยเวช ธนไพศาล จาก รอง ผอก.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เป็น ผอก.รพ.พะเยา
๒๔. นายสุพจน์ ภูเก้าล้วน จาก รอง ผอก.รพ.กระบี่ เป็น ผอก.รพ.พังงา
๒๕. นายเฉลิมพงษ์ สุคนธผล จาก ผอก.รพ.พังงา เป็น ผอก.รพ.พัทลุง
๒๖. นายสาธิต รัตนศรีทอง จาก ผอก.รพ.เกาะสมุย เป็น ผอก.รพ.พระจอมเกล้า
๒๗. นางจิรวรรณ อารยะพงษ์ จาก รอง ผอก.รพ.เกาะสมุย เป็น ผอก.รพ.เสนา
๒๘. นายอธิศักดิ์ ตันสุเมธ จาก รอง ผอก.รพ.ระนอง เป็น ผอก.รพ.ระนอง
๒๙. ร.ท.สุภาพ ไพศาลศิลป์ จาก รอง ผอก.รพ.หาดใหญ่ เป็น ผอก.รพ.ปัตตานี
๓๐. นายศุภชัย ศุภพฤกษ์สกุล จาก รอง ผอก.รพ.ตรัง เป็น ผอก.รพ.สุไหงโก-ลก
๓๑. นายธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ จาก ผอก.รพ.สุไหงโก-ลก เป็น ผอก.สำนักบริหารการสาธารณสุข
...

หน้า: 1 ... 437 438 [439] 440 441 ... 652