6571
ห้องพักผ่อนรวม (Common Room) / แนะระบบราชการปรับตัวรับมือเด็กรุ่นใหม่เคารพ แต่ ไม่เชื่อฟัง
« เมื่อ: 01 ตุลาคม 2013, 22:52:02 »
เอพีเอ็ม กรุ๊ป จับมือ ก.พ. ติวเข้มผู้นำองค์กรภาครัฐ งัดหลักการเรียนรู้รูปแบบใหม่ รู้ คิด ดู ทำ เร่งแก้ปัญหาใหญ่ผู้บริหารแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฎิบัติไม่ได้ ส่งผลองค์กรสะดุดขับเคลื่อนยาก แนะระบบราชการปรับตัวรับมือเด็กรุ่นใหม่ เคารพ แต่ ไม่เชื่อฟัง
เอพีเอ็ม กรุ๊ป ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากรร่วมกับศาสตราจารย์ บรู๊ซ แม็คเคนซี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Systems Thinking ของโลก ซึ่งอยู่ในทีมที่ปรึกษาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จัดทำโครงการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้นำในอนาคตของไทย เพื่อหาคุณลักษณะที่สำคัญของผู้นำไทยในยุค 2020 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า
โดยรวบรวมความคิดและมุมมองของคนไทยที่ทำงานในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงคนไทยที่ศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในต่างประเทศ อาทิ แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ เพื่อหาคุณลักษณะผู้นำที่จะสามารถนำพาองค์กรไทยสู่สากล สามารถแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ รวมถึงค้นหาจุดที่ต้องพัฒนาและคุณลักษณะที่ควรเสริมสร้างให้เกิดขึ้นแก่ผู้นำระดับสูงภาครัฐของไทย
ในระหว่างเป็นที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการแก่ผู้บริหารระดับสูงภาครัฐภายใต้กรอบแนวคิด รู้ คิด ดู ทำโดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้นำระดับสูงในส่วนราชการ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก การดำเนินการโครงการเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนกันยายน 2556
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ให้ความสำคัญกับงานวิจัยชิ้นนี้อย่างมาก เพราะเป็นงานวิจัยเชิงลึกชิ้นแรกที่สอบถามความคิดเห็นคนไทยในต่างประเทศที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญา ตรี โท เอก และ
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาเอพีเอ็ม กรุ๊ป ยกตัวอย่างผลวิจัยซึ่งพบว่า ในอนาคตเด็กรุ่นใหม่จะแยกคำว่า เคารพ และ เชื่อฟัง ออกจากกัน กล่าวคือ ความเคารพในระบบอาวุโสจะยังมี เพราะถือเป็นวัฒนธรรมอันดี แต่เขาจะไม่เชื่อฟังหรือปฏิบัติตามคำสั่งในรูปแบบเดิมที่หัวหน้า หรือเจ้านายสั่งอีกต่อไป เพราะพวกเขาจะมีวิธีคิดในแบบของตัวเอง มีข้อมูล มีรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ซึ่งการที่ต้องการให้เด็กรุ่นใหม่ เชื่อ แล้ว ฟัง และปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ใหญ่เคยทำไว้จะทำให้เกิดการ ไม่เชื่อ แต่ ทำ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาในการทำงาน ทำให้ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งระบบราชการจะต้องเข้าใจและเตรียมปรับตัวเพื่อรับกับแนวโน้มนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าผู้บริหารระดับสูง 8 ใน 10 คนมักเผชิญปัญหาเรื่องการแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ เมื่อเริ่มดำเนินกลยุทธ์แล้วมักมีอุปสรรคหรือขับเคลื่อนไปได้ยาก ดังนั้น โครงการนี้จึงยึดหลักการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่นำเอาการบูรณาการองค์ความรู้แบบที่จับต้องได้ และเห็นภาพชัดเจนอันจะนำไปสู่การจดจำ และลงมือปฏิบัติในการทำงานจริงได้อย่างสัมฤทธิ์ผล ประกอบด้วยกิจกรรมการพัฒนาที่หลากหลาย มีมาตรฐานเป็นสากลทัดเทียมกับการพัฒนาในต่างประเทศ มุ่งเน้นบริบทที่ตรงกับบทบาทภารกิจของผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งมี 4 องค์ประกอบดังนี้
รู้ หลักสูตรอบรมระยะสั้น 1-3 วัน เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มพูนทักษะทางการบริหารจัดการด้วยหลักสูตรฝึกอบรมชั้นเลิศ โดยแบ่งเป็น (1) กลุ่มหลักสูตรการเป็นผู้นำ ที่เน้นการทำงานโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเน้นเป้าหมายปลายทางเป็นสำคัญ (2) กลุ่มหลักสูตรการคิดและการบริหารจัดการ ที่เน้นทำงานเชิงบูรณาการที่ต้องร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญในเรื่อง
ความสามารถในการปรับวิธีการเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความคล่องตัวและการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
คิด การเสวนาและการบรรยายพิเศษ (Talk & Lecture) เพื่อเสริมสร้างมุมมองความรู้และพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำแก่นักบริหารระดับสูง ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิระดับสากล จากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ดู การศึกษาดูงาน (Study Trips) เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำ อีกทั้งสร้างความสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประเทศ โดยจะเน้นด้านการเตรียมความพร้อมและการรับมือกับภัยพิบัติ ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้านความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เป็นต้น
ทำ การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของชาติ รวมทั้งการแก้ปัญหาเชิงระบบและการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยจะดำเนินการต่อจากการศึกษาดูงานเพื่อให้ได้ร่างแผนงาน / โครงการ หรือแนวทางการดำเนินการของจังหวัด / กลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องในแต่ละหัวข้อ
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2556
เอพีเอ็ม กรุ๊ป ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากรร่วมกับศาสตราจารย์ บรู๊ซ แม็คเคนซี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Systems Thinking ของโลก ซึ่งอยู่ในทีมที่ปรึกษาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จัดทำโครงการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้นำในอนาคตของไทย เพื่อหาคุณลักษณะที่สำคัญของผู้นำไทยในยุค 2020 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า
โดยรวบรวมความคิดและมุมมองของคนไทยที่ทำงานในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงคนไทยที่ศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในต่างประเทศ อาทิ แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ เพื่อหาคุณลักษณะผู้นำที่จะสามารถนำพาองค์กรไทยสู่สากล สามารถแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ รวมถึงค้นหาจุดที่ต้องพัฒนาและคุณลักษณะที่ควรเสริมสร้างให้เกิดขึ้นแก่ผู้นำระดับสูงภาครัฐของไทย
ในระหว่างเป็นที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการแก่ผู้บริหารระดับสูงภาครัฐภายใต้กรอบแนวคิด รู้ คิด ดู ทำโดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้นำระดับสูงในส่วนราชการ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก การดำเนินการโครงการเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนกันยายน 2556
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ให้ความสำคัญกับงานวิจัยชิ้นนี้อย่างมาก เพราะเป็นงานวิจัยเชิงลึกชิ้นแรกที่สอบถามความคิดเห็นคนไทยในต่างประเทศที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญา ตรี โท เอก และ
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาเอพีเอ็ม กรุ๊ป ยกตัวอย่างผลวิจัยซึ่งพบว่า ในอนาคตเด็กรุ่นใหม่จะแยกคำว่า เคารพ และ เชื่อฟัง ออกจากกัน กล่าวคือ ความเคารพในระบบอาวุโสจะยังมี เพราะถือเป็นวัฒนธรรมอันดี แต่เขาจะไม่เชื่อฟังหรือปฏิบัติตามคำสั่งในรูปแบบเดิมที่หัวหน้า หรือเจ้านายสั่งอีกต่อไป เพราะพวกเขาจะมีวิธีคิดในแบบของตัวเอง มีข้อมูล มีรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ซึ่งการที่ต้องการให้เด็กรุ่นใหม่ เชื่อ แล้ว ฟัง และปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ใหญ่เคยทำไว้จะทำให้เกิดการ ไม่เชื่อ แต่ ทำ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาในการทำงาน ทำให้ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งระบบราชการจะต้องเข้าใจและเตรียมปรับตัวเพื่อรับกับแนวโน้มนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าผู้บริหารระดับสูง 8 ใน 10 คนมักเผชิญปัญหาเรื่องการแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ เมื่อเริ่มดำเนินกลยุทธ์แล้วมักมีอุปสรรคหรือขับเคลื่อนไปได้ยาก ดังนั้น โครงการนี้จึงยึดหลักการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่นำเอาการบูรณาการองค์ความรู้แบบที่จับต้องได้ และเห็นภาพชัดเจนอันจะนำไปสู่การจดจำ และลงมือปฏิบัติในการทำงานจริงได้อย่างสัมฤทธิ์ผล ประกอบด้วยกิจกรรมการพัฒนาที่หลากหลาย มีมาตรฐานเป็นสากลทัดเทียมกับการพัฒนาในต่างประเทศ มุ่งเน้นบริบทที่ตรงกับบทบาทภารกิจของผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งมี 4 องค์ประกอบดังนี้
รู้ หลักสูตรอบรมระยะสั้น 1-3 วัน เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มพูนทักษะทางการบริหารจัดการด้วยหลักสูตรฝึกอบรมชั้นเลิศ โดยแบ่งเป็น (1) กลุ่มหลักสูตรการเป็นผู้นำ ที่เน้นการทำงานโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเน้นเป้าหมายปลายทางเป็นสำคัญ (2) กลุ่มหลักสูตรการคิดและการบริหารจัดการ ที่เน้นทำงานเชิงบูรณาการที่ต้องร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญในเรื่อง
ความสามารถในการปรับวิธีการเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความคล่องตัวและการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
คิด การเสวนาและการบรรยายพิเศษ (Talk & Lecture) เพื่อเสริมสร้างมุมมองความรู้และพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำแก่นักบริหารระดับสูง ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิระดับสากล จากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ดู การศึกษาดูงาน (Study Trips) เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำ อีกทั้งสร้างความสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประเทศ โดยจะเน้นด้านการเตรียมความพร้อมและการรับมือกับภัยพิบัติ ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้านความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เป็นต้น
ทำ การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของชาติ รวมทั้งการแก้ปัญหาเชิงระบบและการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยจะดำเนินการต่อจากการศึกษาดูงานเพื่อให้ได้ร่างแผนงาน / โครงการ หรือแนวทางการดำเนินการของจังหวัด / กลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องในแต่ละหัวข้อ
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2556