ผู้เขียน หัวข้อ: มิจฉาชีพมอมยา รูดทรัพย์เหยื่อใน รพ.รามา  (อ่าน 922 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
รพ.รามาธิบดี ออกเอกสารชี้แจงต่อสื่อ เหตุมิจฉาชีพมอมยาประชาชนใน รพ. เตือนขอให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น ไซลาซีนอันตรายหากรับเข้าร่างกายในปริมาณสูง
       
       วานนี้ (11 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รพ.รามาธิบดี ได้ออกเอกสารชี้แจงต่อสื่อมวลชน ว่า ตามที่มีเหตุการณ์ผู้มารับบริการถูกมิจฉาชีพหลอกให้ดื่มน้ำที่ผสมยาไซลาซีน จนทำให้หมดสติและปลดทรัพย์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง รพ.รามาธิบดี มีความห่วงใยผู้มาใช้บริการ เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และอาจมีมิจฉาชีพปะปนอยู่ ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงออกประกาศแจ้งเตือนเป็นการภายในเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติระวังตัวมากขึ้นพร้อมเน้นย้ำบุคลากรในเรื่องมาตรการความปลอดภัย ส่วนมาตรการเรื่องยานั้นทาง รพ.ได้เรียนประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว เพื่อหาแนวทางป้องกันในระยะยาวต่อไป
       
       รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดี ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ต้องออกหนังสือเวียนแจ้งเตือนบุคลากร เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อถึง 2 ราย โดยเมื่อแพทย์ตรวจร่างกายจึงรู้ว่าคนไข้ได้รับสารดังกล่าว สารดังกล่าวหากได้รับเข้าไปในปริมาณสูงอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้แต่โชคดีแพทย์ช่วยไว้ได้ทัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณสารไซลาซีนที่ได้รับเข้าไปในร่างกายด้วย
       
       ด้าน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษณ์ ว่าได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วหลังจากได้รับการประสานงานเรื่องนี้จาก ผอ.รพ.รามาธิบดี ทั้งนี้ยาไซลาซีน ขึ้นทะเบียนเป็นยาสำหรับสัตว์ ฉีดเข้าหลอดเลือดดำเพื่อให้สัตว์ เช่น ม้า โค สุนัข และแมว มีอาการสงบก่อนเคลื่อนย้าย หรือก่อนการผ่าตัดเพื่อให้สัตว์สงบ จัดเป็นยาอันตราย มีฤทธิ์คลายความเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อในสัตว์ แต่ไม่เคยอนุญาตให้ใช้ในคน โดยยานี้ขึ้นทะเบียนเป็นยาฉีดกับ อย. 9 ตำรับ เป็นยาที่ผลิตในประเทศ 6 ตำรับ นำเข้า 3 ตำรับ ยาตัวนี้เมื่อกินเข้าไปออกฤทธิ์ได้เช่นกัน แสดงว่าคนร้ายเอาไปใช้ละลายน้ำเอาไปให้เหยื่อดื่ม ซึ่งออกฤทธิ์ได้ไม่มากเท่าฉีด ตรงนี้เป็นจุดที่ต้องมีมาตรการคุมเข้มงวดมากขึ้น ตอนนี้ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากการนำไปใช้ผิด วัตถุประสงค์ในคน อย่างไรก็ตามกำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนทั้ง 9 ตำรับว่าขายไปที่ใดบ้าง คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
       
       “เมื่อมีการนำยาดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุ ประสงค์ อย.คงต้องดูข้อมูลจากบริษัทว่าขายไปที่ไหนบ้าง ยานี้จัดเป็นยาอันตรายร้านขายยาสามารถขายได้ อาจจะต้องไม่ใช้ใบส่งของสัตวแพทย์ ดังนั้นอาจมีคนไปซื้อและนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาอาจจะนำเสนอคณะกรรมการยาพิจารณาว่าจะยกระดับเป็นยาควบคุมพิเศษ โดยต้องหารือกับสัตว แพทย์ด้วย ซึ่งอาจจะให้ใช้ได้เฉพาะใน รพ. สัตว์ หรือคลินิกสัตว์เท่านั้น หรือให้ใช้ภายใต้การกำกับดูแลของสัตวแพทย์ ซึ่งต้องดูข้อมูลข้อเท็จจริงก่อนว่ามีการนำไปใช้ผิดกฎหมายในลักษณะอื่นหรือไม่” เลขาธิการ อย. กล่าว
       
       ขณะที่ ร.ต.ต.สมพร ชูนุ่น พนักงานสอบสวน สน.พญาไท เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา นางเอมอร เดชทวิสุทธิ์ อายุ 47 ปี เข้าแจ้งว่า นางวัชรี เดชทวิสุทธิ์ อายุ 69 ปี ชาว จ.นครนายก ถูกคนร้าย เป็นชาย ทำทีเป็นหวังดีนำน้ำเปล่ามาให้ดื่ม ขณะรับประทานอาหารที่รพ.รามาธิบดี หลังจากนั้นหมดสติไป ก่อนแพทย์-พยาบาลให้การช่วยเหลือจนปลอดภัย โดยพบว่า มีโทรศัพท์มือถือและเงินสดรวมมูลค่า 14,000 บาท หายไป สำหรับพฤติการณ์ของคนร้าย จะมุ่งเป้าเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ ดูไม่ค่อยแข็งแรง โดยคนร้ายจะแต่งกายดูภูมิฐาน ทำทีเป็นผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นเหยื่อ จึงทำเป็นหวังดี นำน้ำเปล่ามาให้ดื่ม พอหมดสติ ก็ขโมยทรัพย์สิน ทั้งนี้ได้นัด นางวัชรี มาให้ปากคำ ในวันที่ 16 ต.ค.นี้
       
       ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. รับผิดชอบงานด้านสืบสวน เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของรพ.รามาธิบดี อย่างละเอียด เบื้องต้นพบว่ามีโรงพยาบาลที่ถูกคนร้ายเข้าไปก่อเหตุ 3 แห่ง ได้แก่ รพ.รามาธิบดี รพ.สงฆ์ และรพ.ราชวิถี แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันหรือไม่ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้เสียหาย และตรวจสอบกับทางโรงพยาบาล เบื้องต้นภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชาย อายุประมาณ 40-50 ปี รูปร่างสูง ใหญ่ ใส่ผ้าปิดจมูกอำพรางใบหน้า เข้าไปใกล้ชิดกับผู้เสียหาย กำลังตรวจสอบว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับคดีมอมยารูดทรัพย์พระภิกษุที่สถานีขนส่งหมอชิตหรือไม่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ คาดว่าภาย ในสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าแน่นอน
       
       ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่าจากแนว ทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนร้ายรายดังกล่าวน่าจะก่อเหตุมาแล้วทั้งหมด 5 คดี โดยก่อเหตุที่ รพ.สงฆ์ 1 คดี พื้นที่ สน.พญาไท ก่อเหตุที่หมอชิต 1 คดี พื้นที่ สน.บางซื่อ ก่อเหตุบริเวณหัวลำโพง 1 คดี บริเวณพื้นที่สน.นพวงศ์ โดยทั้ง 3 คดี เป็นพระสงฆ์ที่ถูกคนร้ายให้ดื่มเครื่องดื่มเกือบทั้งหมด รวมถึงบริเวณใน รพ.พระมงกุฎ เป็นชายไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย ไม่ได้เข้าแจ้งความ และล่าสุดคือที่ รพ.รามาธิบดี 1 ราย นั้น ทั้งหมดน่าจะเป็นคนเดียวกันหรือคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบหาความเชื่อมโยงต่อไป.

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    12 ตุลาคม 2556
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128257