ผู้เขียน หัวข้อ: ยึดผิดบ้านผิดคน! บังคับคดีถอนยึดบ้านที่ดินยายบุรีรัมย์แล้ว แบงก์โร่ขอโทษ  (อ่าน 578 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9772
    • ดูรายละเอียด
บุรีรัมย์ - บังคับคดีบุรีรัมย์ทำหนังสือถอนการยึดบ้านและที่ดินยายวัย 66 แล้ว ด้านธนาคารหิ้วกระเช้าขอโทษ หลังตรวจพบ จนท.ทำเรื่องนำยึดทรัพย์ผิดบ้านผิดคน เหตุเพราะชื่อเหมือนกัน จำเลยตัวจริงที่เป็นหนี้แบงก์อยู่โคราช คุณยายและลูกเขยจ่อฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย หากคู่กรณีไม่รับผิดชอบ

วันนี้ (10 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ นางสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมนายเกริกโกวิท ชานันโท ลูกเขย ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หลังจากมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับจังหวัดบุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์บ้านและที่ดินมาปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 8 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา พร้อมคำพิพากษาศาลที่ระบุว่า นางสมัย พิมเสน ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารแห่งหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นหนี้ธนาคาร และไม่เคยรู้จักกับจำเลยทั้ง 4 คน น่าจะเป็นการออกหมายผิดบ้านผิดคนมากกว่า จึงเรียกร้องให้บังคับคดีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น

ล่าสุดวันนี้ตัวแทนจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมผู้แทนธนาคารที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจากธนาคาร ให้เป็นผู้นำยึดทรัพย์จำเลย ก็ได้มาพูดคุยชี้แจงกับ นางสมัย พิมเสน และลูกเขย ที่เป็นผู้เสียหาย ที่สำนักงานบังคับคดี จ.บุรีรัมย์ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อบันทึกภาพ

โดยทางธนาคารยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย ที่ทำเรื่องนำยึดทรัพย์ผิดบ้านผิดคน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ แล้วพบว่า นางสมัย พิมเสน ผู้เสียหายรายดังกล่าว ไม่ใช่บุคคลที่ถูกธนาคารยื่นฟ้องและมีหมายยึดทรัพย์ โดยจำเลยตัวจริงที่เป็นหนี้ธนาคาร ถูกศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ เป็นชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา คาดว่าที่ทำเรื่องนำยึดผิดบ้านผิดคน เจ้าหน้าที่น่าจะไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบ เพราะทั้งประเทศมีคนชื่อ สมัย พิมเสน ถึง 15 คน

นางสมัย พิมเสน ผู้เสียหาย บอกว่า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาพูดคุยชี้แจงและยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เอง รู้สึกสบายใจขึ้นจากที่ก่อนหน้าพอมีชื่อตกเป็นจำเลยว่าเป็นหนี้ธนาคารถูกฟ้องยึดทรัพย์ และมีหมายบังคับคดีมาปิดประกาศยึดบ้านและที่ดิน ก็เครียดมาก แต่ตอนนี้โล่งใจขึ้นเพราะทางบังคับคดีได้ถอนการยึดทรัพย์ให้แล้ว และได้นำกระเช้ามาขอโทษด้วย ส่วนเรื่องการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นยังรอดูอีกครั้ง

ด้าน นายเกริกโกวิท ลูกเขย บอกว่า กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ นางสมัย พิมเสน แม่ยาย โดยตรงไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพจิตใจ เสียหายอับอาย ทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพัก และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และความถูกต้อง ส่วนการพูดคุยวันนี้ได้มีการยื่นข้อเสนอให้ธนาคารซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่ยาย ได้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้เสียหาย 150,000 บาท โดยทางตัวแทนธนาคารที่มาเจรจาจะได้นำข้อเสนอดังกล่าวไปพูดคุยหารือกับทางผู้บริหารอีกครั้ง ว่าจะชดเชยตามข้อเสนอหรือไม่อย่างไรภายในระยะเวลา 7 วัน

หากทางธนาคารพร้อมจ่ายชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรมและให้เกิดความถูกต้อง ทั้งแม่ยายที่มีชื่อตกเป็นจำเลย และตนเองในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านหลังที่ถูกนำหมายบังคับคดีไปปิดประกาศหน้าบ้าน พร้อมจะยุติเรื่องไม่ดำเนินการฟ้องร้องใดๆ

แต่หากทางธนาคาร หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่แสดงความรับผิดชอบตามที่มีการเสนอหรือเรียกร้อง ทางแม่ยาย และตนเอง คงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายด้วยการยื่นฟ้องธนาคาร รวมถึงสำนักงานบังคับคดี จ.บุรีรัมย์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดจนสร้างความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้เป็นหนี้ธนาคารแต่กลับมีชื่อตกเป็นจำเลย และมีหมายบังคับคดีมายึดทรัพย์

“กรณีที่เกิดขึ้น อยากฝากให้ทางธนาคาร สำนักงานบังคับคดี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นหมายสืบทรัพย์ หรือหมายบังคับคดีต่างๆ ควรจะมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ประกอบมาด้วย หรือก่อนจะแปะหมายควรจะสอบถามให้ชัดเจนก่อน ก็คงจะไม่เกิดกรณีความผิดพลาดแบบนี้ขึ้น” นายเกริกโกวิท กล่าว

10 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9772
    • ดูรายละเอียด
บุรีรัมย์ - ยายวัย 66 ชาวบุรีรัมย์แทบช็อกเจอบังคับคดีปิดหมายประกาศยึดทรัพย์โฉนดที่ดินพร้อมบ้าน ทั้งมีชื่อตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ถูกแบงก์ฟ้องไม่ชำระหนี้ ทั้งที่ไม่เคยกู้และไม่รู้จักจำเลยทั้ง 4 เชื่อ จนท.ออกหมายผิดคน ทำเสียหายอับอายเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับ หอบหลักฐานโร่แจ้ง ตร. จี้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและรับผิดชอบ ด้านบังคับคดีเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (9 มี.ค.) นางสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมนายเกริกโกวิท ชานันโท อายุ 45 ปี ลูกเขย ได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ หลังจากมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์มาปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 8 มี.ค. 65

โดยหมายบังคับคดีดังกล่าวระบุว่า “เจ้าพนักงานบังคับคดี ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ศาลจังหวัดพิมาย ได้มีหมายบังคับคดีให้จัดการยึดทรัพย์ของจำเลยทั้ง 5 และบัดนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของนางสมัย พิมเสน จำเลยที่ 1 ไว้แล้ว คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 2902 เลขที่ดิน 22 หน้าสำรวจ 1526 ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เลขที่ ไม่ปรากฏเลขทะเบียน ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำให้เสียหาย จำหน่ายจ่ายโอน หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ทรัพย์ที่ยึดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นอันขาด”

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ยื่นหมายบังคับคดี คำพิพากษาศาลจังหวัดพิมาย ที่ระบุว่า นางสมัย พิมเสน ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารแห่งหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้สิน พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท แก่ทางธนาคาร

นางสมัยยืนยันว่าไม่ได้เป็นบุคคลตามที่มีหมายบังคับคดีมาปิดประกาศยึดทรัพย์ และไม่ได้เป็นบุคคลตามที่ธนาคารฟ้องจนถูกศาลพิพากษา ระบุว่าเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ค้างชำระหนี้ธนาคาร เพราะตนไม่เคยไปกู้เงินหรือทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารดังกล่าวเลย และไม่เคยรู้จักกับจำเลยอีก 4 คนตามที่ระบุในหมายด้วย เชื่อว่าน่าจะเกิดความผิดพลาด หรือเป็นการส่งหมายผิดคนและผิดบ้านมากกว่า เพราะไม่เคยกู้เงินกับธนาคารนี้เลยจะเป็นหนี้ได้ยังไง

แต่ยอมรับว่าหลังมีหมายบังคับคดีปิดประกาศยึดทรัพย์มาแปะที่หน้าบ้านก็เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย จึงอยากให้สำนักงานบังคับคดี และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งหากเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่จริง ก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบ เพราะทำให้ได้รับความเสียหายอับอาย และกระทบต่อสุขภาพจิตด้วย

ด้าน นายเกริกโกวิท ชานันโท ซึ่งเป็นลูกเขย และในฐานะที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน หลังที่เจ้าหน้าที่มาปิดหมายยึดทรัพย์ บอกว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่มาปิดหมายบังคับคดีหน้าบ้านมีเพียงแม่ยายอยู่ที่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพียงนำหมายมาปิดและยื่นเอกสารคำพิพากษาศาลให้เท่านั้น ส่วนบ้านที่เจ้าหน้าที่นำหมายมาปิดก็มีชื่อของตนเองเป็นเจ้าบ้าน ส่วนพ่อตาแม่ยายมีชื่ออยู่อีกหลัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามแม่ยายยืนยันว่าไม่เคยไปกู้เงินหรือทำธุรกรรมกับธนาคารไหนเลย แต่ทำไมมีชื่อตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ค้างชำระเงินธนาคาร และหากแม่ยายเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวจริง ทำไมที่ผ่านมาไม่เคยมีคำฟ้องส่งมาหาจำเลย ไม่มีหมายวันนัดขึ้นศาลอะไรเลย แต่จู่ๆ ก็นำหมายบังคับคดียึดทรัพย์มาปิดที่หน้าบ้าน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดมากกว่า

ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นการปิดหมายผิดคนผิดบ้านเพราะชื่อ นามสกุล อาจจะตรงกัน จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เพราะกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เสียหาย อับอาย และกระทบสุขภาพจิตทั้งตัวแม่ยาย และคนในครอบครัวด้วย

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามที่สำนักงานบังคับคดีเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งทางผู้อำนวยการยังไม่พร้อมให้ข้อมูล เพียงให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยจะมีการนัดทั้งสองฝ่ายมาสอบถามและพูดคุยกันก่อน

9 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์