ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อง ป.โรงพยาบาลทำคลอดเด็กตาย!  (อ่าน 2567 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9779
    • ดูรายละเอียด
ร้อง ป.โรงพยาบาลทำคลอดเด็กตาย!
« เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2010, 21:48:49 »
สองสามีภรรยาหอบร่างลูกน้อย วัยแรกคลอดที่เสียชีวิต เข้าร้องตำรวจกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีต่อโรงพยาบาลหนองไผ่ เมืองเพชรบูรณ์ ที่ทำคลอดจนเด็กเสียชีวิต
       
       วันนี้ (1 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายชนะ กิ่งเมือง อายุ 26 ปี พร้อมด้วย น.ส.ชลธิชา ประกอบเสียง อายุ 26 ปี สองสามีภรรยา อาชีพรับจ้างทั่วไป ได้นำศพบุตรชายซึ่งห่อด้วยผ้าขาวบางและใส่ไว้ถุงพลาสติกอีกชั้น เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.สุรชัย โลหะนาคบุตร พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.4 บก.ป. ให้ดำเนินคดีต่อแพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาลหนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ กรณีทำคลอดบุตรชายจนเสียชีวิต
       
       น.ส.ชลธิชากล่าวว่า เพิ่งตั้งครรภ์เป็นท้องแรกและได้ฝากครรภ์ไว้ที่สถานีอนามัยในพื้นที่หมู่ 9 ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จนกระทั่งอายุครรภ์ได้ 40 สัปดาห์ เกิดปวดท้องคลอด จึงเดินทางไปทำคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงก็เข้าไปนอนรอที่ห้องรอคลอดซึ่งพยาบาลได้ตรวจเบื้องต้นพบว่าช่อง คลอดเปิด 1 ซม.แล้วจึงนำเครื่องมือมาฟังเสียงหัวใจเด็ก ระหว่างนั้นก็ยังมีน้ำเดินอยู่จนถึงเวลา 15.00 น.น้ำเดินจนหมดและรู้สึกปวดท้องมากขึ้นแต่ก็ยังไม่เห็นแพทย์จึงเรียกหา พยาบาลให้มาช่วยแต่กลับถูกพยาบาลต่อว่าว่าเป็นแม่ต้องอดทนเพื่อลูก
       
       น.ส.ชลธิชากล่าวต่อว่า ในห้องรอคลอดนั้น มีคุณแม่รอคลอดอีก 2 รายนอนรอแพทย์อยู่ใกล้ๆ กันแต่ทั้งหมดก็ไม่มีแพทย์มาดูแล จนผู้หญิงเตียงข้างๆ เด็กโผล่หัวออกมาจากช่องคลอดแล้วร้องเรียกให้พยาบาลมาช่วยสุดท้ายก็คลอดเอง ได้ ส่วนตนนั้นต้องนอนรอต่อไปจนถึงเที่ยงคืนก็รู้สึกปวดท้องมากขึ้นกว่าเดิม ช่วงนั้นได้ร้องขอพยาบาลว่าจะขอผ่าคลอดแทน หรือไม่ก็ขอย้ายโรงพยาบาลแต่พยาบาลก็ได้แต่บอกว่าต้องรอแพทย์ตัดสินใจ สุดท้ายก็ได้แต่นอนรอโดยมีพยาบาลแวะมาดูเครื่องฟังเสียงหัวใจเด็กเป็นพักๆ กระทั่งเวลา 06.00 น.วันที่ 17 ก.ย. จึงได้เข้าห้องคลอดโดยมีแพทย์หญิงคนหนึ่งมาทำคลอดให้แต่ปรากฏว่าหัวเด็กโผล่ แล้วแต่ติดที่ตัวไม่สามารถคลอดออกมาได้ แพทย์หญิงคนดังกล่าวจึงตามแพทย์อีก 2 คนมาช่วย โดยตัดสินใจหักไหล่เด็กโดยให้เหตุผลว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้ทั้งแม่และลูกจะเสีย ชีวิต
       
       น.ส.ชลธิชากล่าวอีกว่า เมื่อลูกคลอดมาแล้วแพทย์และพยาบาลก็ช่วยกันปั๊มหัวใจและนำไปเอกซเรย์ ปรากฏว่าปอดมีปัญหาต้องเจาะเอาสายยางสอดเข้าไป แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาลบอกว่าไม่มีเครื่องมือช่วยจึงส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอีก แห่ง แต่ก็ไม่มีเครื่องมือเช่นกัน ต้องส่งต่อไปให้อีกโรงพยาบาลหนึ่งแต่ระหว่างทางบุตรชายก็เสียชีวิต ส่วนตนนั้นเสียเลือดมาก ความดันต่ำ และหมดสติ หลังคลอดลูกแล้วก็พบว่ามีปัญหาสายรกติดอยู่ในช่องคลอดอีก จึงต้องมีการตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยนำสายรกออกมาได้ แต่นอนพักได้คืนเดียวทางโรงพยาบาลก็ให้กลับบ้านทันที ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้ออกใบมรณบัตรให้บุตรชายโดยระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจาก สภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด
       
       “หลังพักฟื้นได้ 2-3 วัน ดิฉันกับสามีก็กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอให้รับผิดชอบ แต่ถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการทำคลอดเป็นเงิน 4,480 บาท แต่ดิฉันไม่จ่ายและได้พบกับ ผอ.โรงพยาบาลซึ่งเขาบอกว่าต้องเข้าใจว่าโรงพยาบาลมีแต่หมอจบใหม่ เมื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ผอ.ก็บอกว่าไม่มีเงินจ่าย อยากได้ก็ฟ้องเอา หลังเกิดเรื่องได้ไปแจ้งความที่ สภ.หนองไผ่ แต่พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความ ได้แต่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานโดยอ้างว่าไม่สามารถดำเนินคดีต่อโรง พยาบาลได้ จึงต้องนำศพลูกชายมาร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบปราม ทั้งนี้ ฉันทราบจากชาวบ้านว่าในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมามีหญิงไปทำคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้แล้วลูกเสียชีวิตถึง 3 ราย ส่วนศพลูกชายนั้นยังไม่ นำไปบำเพ็ญกุศลจนกว่าทางโรงพยาบาลจะแสดงความรับผิดชอบ” น.ส.ชลธิชากล่าว
       
       เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้เพื่อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง จากนั้นจะได้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

ผู้จัดการออนไลน์ 1 พย 2553