อาหารที่เราบริโภคเข้าไปในร่างกาย ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดทิศทางสุขภาพของผู้บริโภคได้ เนื่องจากอาหารแต่ละชนิดจะมีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดีอยู่ในตัว ขึ้นอยู่กับตัวผู้บริโภคเองว่าจะเลือกทานอะไรหรือไม่ อาหารบางชนิดมีโทษอยู่ในตัวมันเอง หากทานโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพ เช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์หากทานเป็นประจำและไม่ทานผักเลย ก็ทำให้เกิดโทษกับผู้บริโภคได้
โดยอาการในเบื้องต้นอาจเริ่มด้วยท้องผูก ตามด้วยโรคริดสีดวงทวาร รวมไปถึงสารตกค้างต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภททอดที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ อาหารปิ้ง ย่าง อาหารเหล่านี้จะมีสารพิษตกค้างซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็ง หรือแม้แต่ผักสดเองก็มีสารปนเปื้อนได้เช่นกัน เนื่องจากเกษตรกรใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงและสารตกค้างมากับผัก ในการนำมาบริโภคจึงต้องระมัดระวัง การล้างผักก็ควรล้างกับน้ำไหล หากให้มั่นใจว่าปลอดภัยก็นำมาแช่น้ำแล้วเหยาะน้ำส้มสายชูลงไปสัก 2-3 หยด หรือแช่ผักด้วยด่างทับทิม ก็ช่วยลดปริมาณสารเคมีลงได้
ส่วนอาหารที่ให้รสหวาน เช่น น้ำตาล หากบริโภคบ่อยๆ หรือมากเกินไป เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้หมด ก็จะมีน้ำตาลส่วนเกิน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงได้ หรืออาหารที่มีรสเค็ม ก็จะมีผลกระทบกับไต และหากไม่ได้รับการรักษาก็จะมีโรคหัวใจตามมา ก็เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าอาหารกำหนดสุขภาพนั่นเอง
การบริโภคอาหารของผู้คนในแต่ละประเทศในแต่ละภูมิภาคก็จะมีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ ลักษณะของอาหาร ในแถบยุโรปก็จะเน้นหนักไปทางอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และเนื้อสัตว์ อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่หนาวจัด ทำให้ต้องทานอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย รสชาติก็จะเน้นเค็มเป็นหลัก เนื่องจากมีความเชื่อว่าความเค็มจะช่วยรักษาความอบอุ่นให้กับร่างกายได้ ก็เป็นสาเหตุให้ผู้คนเป็นโรคไต โรคหัวใจ นอกจากนี้ยังมีโรคอ้วน ความดันโลหิต และไขมันในเส้นเลือด เนื่องมาจากการทานอาหารที่มีไขมันและแป้งมากนั่นเอง
ปัจจุบันนี้พบว่าประชากรโลกป่วยด้วยโรคที่ เกิดจากการกินอาหารมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน รวมถึงโรคมะเร็ง โดยดูจากสถิติการเกิดโรคมะเร็ง พบว่ามะเร็งกระเพาะอาหารมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอาหารที่รับประทาน มะ เร็งชนิดนี้จะพบได้น้อยมากในประเทศที่มีนิสัยในการ รับประทานอาหารแคลอรีต่ำ เช่น ญี่ปุ่น จีนและประ เทศแถบตะวันออกไกล ซึ่งมักจะทานผักและเครื่องเทศเป็นหลัก แต่จะพบมากในประเทศที่มีการรับประทานอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูง ในสหรัฐอเมริกา พบคนไข้มะเร็งกระเพาะอาหารสูงถึงประมาณ 25,000 คนต่อปี และมีคนเสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึง 14,000 คนต่อปี อัตราส่วนการเกิดโรคพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อัตราการเกิดโรคนี้ในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในเพศชายพบว่ามีโรคนี้เป็นอันดับ 3 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด ส่วนผู้หญิงพบในลำดับที่ 5
สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในทวีปเอเชียมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งทั้งหมด และในสหราชอาณาจักรพบว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ของประชากร ส่วนในประเทศออสเตรเลียเป็นอันดับ 2 และในสหรัฐอเมริกาพบว่าเป็นสาเหตุให้คนอเมริกาเสียชีวิตถึงปีละ 60,000 คน จากการศึกษาวิจัยพบว่าการรับประทานอาหารไขมันสูงหรืออาหารที่ขาดใยคือปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
ความรุนแรงของโรคภัยที่เกิดจากการกินอาหารมีจำนวนมากขึ้นทุกปี ไม่เว้นแม้แต่คนไทย ดังนั้นประชาชนชาวไทยต้องตระหนักในวิถีการบริโภคในชีวิตประจำวันของตนเองว่าจะกำหนดทิศทางนำไปสู่การเกิดโรค หรือความอยู่ดีมีสุข โดยพื้นฐานการบริโภคของคนไทยในอดีตนั้นจะเน้นการกินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น ซึ่งถือเป็นหลักการกำหนดสุขภาพที่ยังไม่ตกยุคหรือล้าสมัย และควรหันมาบริโภคผักพื้นบ้านตามฤดูกาลซึ่งจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงได้ ปู่ย่าตายายสอนว่าอาหารที่ออกตามฤดูกาลนั้นมีความหมายสัมพันธ์กับความเจ็บป่วยของฤดูกาล เช่นเดียวกับที่แพทย์แผนไทยกล่าวว่าสมุนไพรที่เกิดในถิ่นใดนั้น จะสัมพันธ์กับโรคภัยไข้เจ็บในท้องถิ่นนั้นเช่นกัน
คนไทยเองยากมีสุขภาพดีต้องกำหนดเอง การบริโภคข้าวกล้อง ข้าวที่มีสี ผักพื้นบ้านสมุน ไพรที่เกิดตามฤดูกาล หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแป้ง น้ำตาล ไขมัน เนื้อสัตว์ โดยรับประทานให้น้อยลง ก็สามารถช่วยท่านห่างไกลโรคได้.
ไทยโพสต์ 19 กุมภาพันธ์ 2555