ผู้เขียน หัวข้อ: ของขวัญจากใต้ดิน! ยืนยัน “น้ำบาดาลโซดาเมืองกาญจน์” คุณค่าระดับโลก!!  (อ่าน 301 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9796
    • ดูรายละเอียด
อธิบดีคอนเฟิร์ม “น้ำบาดาลโซดา” อุดมด้วยแร่ธาตุ แถมไม่มีสารพิษเจือปน คาดการณ์มีปริมาณมหาศาล เผยเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ หวังพัฒนาต่อให้เป็นประปาในท้องถิ่น หารือเตรียมบรรจุขวดในอนาคต!

“น้ำบาดาลโซดา” แร่ธาตุสูงจนนักวิทย์ยังตกใจ!!

“ถือว่าเป็นครั้งสำคัญมากครับ เพราะว่าปกติแล้วคนที่ขุดเจาะบ่อบาดาล ถ้าบอกว่าไป อ.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ จะไม่มีใครไปหรอกครับ เพราะว่าทุกคนทราบดีว่าพื้นที่บริเวณนี้ไม่มีน้ำ

ถือว่าเป็นโชคดี เป็นข่าวดีของคนไทยทั้งประเทศ ว่า เราพบแหล่งน้ำจำนวนมหาศาลและเป็นแหล่งน้ำที่มีคุณภาพ โดยที่เราไม่ต้องไปลงทุนในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ หรือภาชนะที่จะใส่น้ำไว้ให้กับประชาชนใช้ เรามีน้ำใต้ดิน ซึ่งเราสามารถพัฒนาขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้หลายกิจกรรมครับ”

ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยแก่ทีมข่าว MGR Live ถึงการค้นพบครั้งสำคัญ ที่อาจเรียกได้ว่า เป็นสมบัติจากแผ่นดิน นั่นก็คือ การค้นพบ “น้ำพุโซดา” ในพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี จนสร้างความฮือฮาและกลายเป็นประเด็นดังในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดย อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นว่า ได้มีการมอบหมายให้ เกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการสำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจหาแหล่งน้ำใต้ดิน จนพบแหล่งน้ำซึ่งอยู่ในรอยแตกของหิน จึงมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ กลายเป็นการค้นพบแหล่งน้ำคุณภาพดีปริมาณมหาศาลกว่า 500 ล้าน ลบ.ม.

“ที่ไปขุดเจาะ เราไปทำงานร่วมกับท้องถิ่น ไม่ใช่ว่าเราไปเจาะโดยไม่มีเป้าหมาย ไม่มีทิศทาง เราต้องดูก่อน ท้องถิ่นก็ไปแนะนำให้เราไปขุดเจาะตรงนั้น เนื่องจากราษฎรเขาถือครองอยู่ด้วยการปลูกอ้อย เขายินดีสละที่เพื่อให้กรมฯไปขุดเจาะบ่อบาดาล

กรมฯก็ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ ซึ่งมีความสามารถในการขุดเจาะได้ 400 เมตร พอเราไปขุด เราก็เจาะได้แค่ 300 กว่าเมตร เพราะข้างล่างมีน้ำจำนวนมหาศาล เกิดแรงต้านทำให้เครื่องจักรไม่สามารถเจาะได้ หลังจากเราถอนเครื่องจักรออกมา ก็เกิดน้ำพุตามมา ปริมาณน้ำที่เราสำรวจ ความกว้าง 2 กม. ความยาว 23 กม. เราคำนวณแล้วจะได้น้ำไม่น้อยกว่า 500 ล้าน ลบ.ม. ครับ”

อีกทั้งยังอัปเดตผลการตรวจตัวอย่างน้ำพุโซดา ที่พบว่ามีแร่ธาตุสูง และไม่มีสารพิษเจือปน พร้อมทั้งคลายข้อสงสัยว่า ทำไมแหล่งน้ำบาดาลบริเวณนี้ จึงมีแร่ธาตุสูงเป็นพิเศษ

“ผลตรวจล่าสุดพบว่า น้ำมีแร่ธาตุประมาณ 10 ชนิดครับ ซึ่งมีแร่ธาตุไบคาร์บอเนตสูง ธาตุเหล็กมีปริมาณสูงกว่าตัวอื่น ส่วนแร่ธาตุที่เป็นพิษหรือสารปนเปื้อน สารละลายที่เป็นโทษต่อสิ่งมีชีวิตหรือตัวอื่นๆ ไม่พบ จากห้องแล็บ เราตรวจแล็บเนื่องจากประชาชนสนใจ เราใช้เวลาตรวจ 3 ครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า น้ำมีแร่ธาตุอะไรบ้าง น้ำมีรสชาติเหมือนโซดาและมีรสหวาน ผมสอบถามจากนักวิทยาศาสตร์ เขาบอกว่า รสหวานเกิดจากมีแร่ธาตุไบคาร์บอเนตสูง

เราพยายามดูแร่ธาตุจากน้ำที่นำเข้าจากต่างประเทศ เทียบกับน้ำแร่ของไทย ปรากฏว่า แร่ธาตุบ่อบาดาลนี้สูงมากเป็นพิเศษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจห้องแล็บรู้สึกตกใจ ว่าทำไมแร่ธาตุมากนักบริเวณนี้

น้ำบาดาลหรือน้ำดื่มที่มีขายในท้องตลาด หรือน้ำแร่ยี่ห้อดังๆ ในประเทศไทย ล้วนแล้วมาจากบ่อบาดาล และน้ำส่วนใหญ่มาจากเทือกเขาตะนาวศรี คือ ฝั่งทิศตะวันตกของประเทศไทย เพราะฉะนั้นแหล่งแร่หรือแร่ธาตุเป็นสารละลายที่อยู่ในน้ำ ส่วนใหญ่มาจากภาคตะวันตกทั้งนั้นครับ หรือแม้กระทั่งแหล่งน้ำใต้ดิน น้ำบาดาล แอ่งเจ้าพระยา ก็เป็นน้ำที่มาจากทิศตะวันตกของประเทศไทยทั้งสิ้น”

ตั้งเป้า “ขุดเจาะเพิ่ม-ทำแนวอนุรักษ์-นำบรรจุขวด”

อีกหนึ่งข้อสงสัยของสังคมที่มีต่อประเด็นนี้ คือ เรื่องของการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำพุโซดาแห่งนี้ ที่ว่าใครสามารถใช้ประโยชน์ได้บ้าง ซึ่งข้อสงสัยนี้ ท่านอธิบดีศักดิ์ดา ก็กล่าวว่า จะพัฒนาเพื่อให้เป็นแหล่งอุปโภค-บริโภค ของชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะการจัดการเพื่อเป็นประปาท้องถิ่น

“เราต้องคำนึงถึงคนในพื้นที่ก่อน เพราะกรมฯตั้งใจจะพัฒนาน้ำตรงนี้เพื่อต่อให้เป็นประปาของท้องถิ่น อำเภอห้วยกระเจาไม่มีระบบประปาของภูมิภาค เป็นประปาของท้องถิ่นครับ คือ อบต.เป็นคนจัดหาน้ำให้ประชาชนใช้เอง แล้วก็บริหารจัดการ ซึ่งน้ำผิวดินเขาไม่เพียงพอ คุณภาพไม่เหมาะสมที่จะมาทำน้ำอุปโภค-บริโภค เขาเลยประสานงานมายังกรมฯ ซึ่งผมได้ลงไปดูด้วยตนเอง เห็นว่าน้ำกิน น้ำใช้ น้ำการเกษตร เขาไม่เพียงพอทั้ง 3 อย่าง

เรื่องน้ำบาดาลมีพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 ประเด็นที่ 1 คนที่จะเจาะบ่อบาดาลต้องขออนุญาตอยู่แล้ว ประเด็นที่ 2 เวลาจะใช้น้ำบาดาลต้องขออนุญาต เพราะฉะนั้นคนที่จะไปขุดเจาะบ่อบาดาล โดยที่ไม่อนุญาตผิดกฎหมายอยู่แล้วครับ คนที่จะใช้น้ำบาดาลโดยไม่ขออนุญาตก็ผิดกฎหมาย

ปัจจุบันกรมฯได้พัฒนาเรื่องการหาแหล่งน้ำบาดาล เรื่องการขุดเจาะ โดยใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น และให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มากขึ้น เราก็เลยพบข้อมูลแหล่งน้ำบาดาล และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และกรมฯจะไม่เปลี่ยนใจในการพัฒนาโครงการ ที่เราจะไปดำเนินการให้กับประชาชนชาวห้วยกระเจาครับ”

นอกจากนี้ ท่านอธิบดียังเปิดเผยถึงแนวทางจัดการกับแหล่งน้ำแห่งนี้ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยจะมุ่งเป้าเพื่อประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก และอาจมีการนำน้ำแร่ดังกล่าวบรรจุลงขวดเพื่อแจกจ่ายในอนาคต โดยมี อบต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ

“เราตั้งเป้าไว้ขณะนี้มีอยู่ 3 แนวทาง คือ

1. เราจะเดินหน้าโครงการเพื่อจะขุดเจาะบ่อบาดาลให้ครบ 6 บ่อ เราจะเจาะเพิ่มอีก 3 บ่อ ภายใน 14-15 วันนี้ให้จบ เพื่อคำนวณและออกแบบสร้างระบบกระจายน้ำให้คนอำเภอห้วยกระเจาได้ใช้ประโยชน์ทั้งอำเภอ

2. เราจะสำรวจและจัดทำแนวเขต ทำประชาคมกับราษฎรเพื่อประกาศเขตบริเวณนี้ เป็นเขตอนุรักษ์น้ำบาดาล ให้ใช้ได้อย่างยั่งยืน และเป็นการรักษาชั้นน้ำบาดาลไม่ให้มีใครไปขุดเจาะโดยที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของชั้นน้ำบาดาล และจะทำให้น้ำบาดาลบริเวณนั้นเสีย

3. กรมฯกำลังพิจารณาอยู่ว่า ถ้าเรานำน้ำบาดาลมามาบรรจุขวด แจกจ่ายกับผู้สนใจ เป็นน้ำแร่โซดาจะดีมั้ย เป็นประเด็นที่เราจะหารือกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องครับ”

สุดท้าย ในฐานะตัวแทนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ฝากถึงประชาชนทั่วไป ว่า ทางกรมฯ มีการแจกจ่ายน้ำดื่มฟรี แก่ผู้ที่ประสบความเดือดร้อนเรื่องน้ำ โดยมีจุดบริการกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งประเทศ

“กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีภารกิจในการอนุรักษ์และพัฒนาน้ำบาดาล และเรายังมีการแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชนที่ขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งหรือช่วงน้ำท่วม จะเห็นว่า กรมฯจะไปแจกจ่ายน้ำดื่มทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบัน 1 วัน เราแจกจ่ายน้ำไม่ต่ำกว่าแสนลิตรให้กับประชาชน หรือราษฎรนำภาชนะมาใส่ เป็นน้ำดื่มนะครับ ไม่ใช่น้ำใช้

อย่างเช่น ที่หน้ากรมฯ ในกรุงเทพฯ วันนึงเราแจกจ่ายน้ำวันธรรมดาประมาณ 1,500 ลิตร เสาร์-อาทิตย์ ไม่น้อยกว่า 3,000 ลิตร ตอนนี้คนก็นิยมมารับน้ำที่หน้ากรมฯ เพราะจะมีตู้น้ำไว้แจกจ่าย เป็นหนึ่งในร้อยกว่าแห่งที่อยู่ทั่วประเทศ เราเปิดบริการ 24 ชั่วโมงครับ”

16 ก.พ. 2564 โดย: ผู้จัดการออนไลน์