ผู้เขียน หัวข้อ: “อัมมาร” ชี้ระบบบัญชี รพ.คนละมาตรฐาน สปสช.ทำสถานะขาดทุนเวอร์กว่าความจริง  (อ่าน 670 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9763
    • ดูรายละเอียด
“อัมมาร” ชี้ระบบบัญชี รพ. คนละมาตรฐาน สปสช. ทำสถานะ รพ. ขาดทุนโอเวอร์กว่าความจริง เหตุไม่บันทึกเงินที่รับโอนเป็นรายได้ถึง 1.1 พันล้านบาท และหนี้สินไม่หมุนเวียน แต่รับรู้เป็นหนี้สินหมุนเวียน 1.2 พันล้านบาท แนะยกระดับระบบบัญชีเทียบเท่ารัฐวิสาหกิจ เพิ่มการตรวจสอบระบบบัญชี ช่วยวินิจฉัยสถานะการเงินถูกต้อง ร้อง สปสช. หางบประมาณให้เพียงพอ
       
       วันนี้ (8 มิ.ย.) ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ได้มีการนำเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปลัด สธ. นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานระบบหลักประกันสุขภาพฯ ในการประชุมบอ์ด สปสช. เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2557 โดย ศ.อัมมาร สยามวาลา ได้รับการแต่งตั้งจากบอร์ด สปสช.ให้เป็นผู้ตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ ศ.อัมมาร กล่าวว่า คณะกรรมการได้ตรวจสอบเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงใน 4 ประเด็น โดยเฉพาะประเด็นกรณีโอนเงินแล้วเรียกคืน และวิกฤตการเงินของหน่วยบริการจากการบริหารกองทุนบัตรทอง โดยผลการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลที่ปลัด สธ. นำเสนอ เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ของ สปสช. จริง ซึ่งเป็นการจ่ายล่วงหน้าสำหรับบริการที่มีค่าใช้จ่ายสูง/อุบัติเหตุ เจ็บป่วยฉุกเฉิน/บริการเฉพาะโรค/ยาจำเป็นและยาที่มีปัญหาการเข้าถึง และจะมีการหักกลบหนี้ทางบัญชี โดยจะทำการหักรายได้สะสมไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดผลงานบริการ จนมีวงเงินเท่ากับเงินที่จ่ายไปเบื้องต้น และจะจ่ายเพิ่มเติมในส่วนที่เกินจากที่กระทบยอดหนี้สินแล้ว โดยคณะกรรมการมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ปกติเมื่อหน่วยงานได้รับส่วนที่เป็นรายได้ของตนล่วงหน้า ย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เสียหายแต่อย่างใด อย่างน้อยก็ดีกว่าการได้รับเงินล่าช้า ถ้าฝ่ายที่ส่งรายได้นั้นชี้แจงให้ชัดเจนว่าเงินส่วนนี้เป็นรายได้ล่วงหน้า และถ้าฝ่ายที่รับเงินนั้นมีความเข้าใจว่ากระแสเงินที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน จะทำให้กระแสในอนาคตลดลงจะต้องบริหารเงินให้สมดุลระหว่างรายได้ และรายจ่ายในแต่ละช่วงเวลา ทั้งหมดนี้แสดงถึงวัฒนธรรมการใช้จ่ายเงินภายใน สธ. ที่หมกมุ่นอยู่กับสภาพคล่องขณะใดขณะหนึ่ง ไม่มองดูกระแสรายได้ รายจ่ายในแต่ละช่วงเวลา การเข้าใจและการใช้ระบบบัญชีภายใน สธ.ก็แสดงถึงความหมกมุ่นดังกล่าว
       
       “ส่วนกรณีวิกฤตการเงินของหน่วยบริการ พบว่า การกำหนดผังบัญชีและการบันทึกบัญชีบางรายการ ส่งผลต่อการสรุประดับความเสี่ยงทางการเงินของ รพ. ทำให้สถานะทางการเงินของ รพ. เป็นไปในทิศทางที่มีปัญหามากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งคณะกรรมการตรวจพบว่า รายได้จากการได้รับโอน ไม่ได้บันทึกเป็นรายได้ จำนวน 1,177.76 ล้านบาท และพบว่า ในส่วนของหนี้สินไม่หมุนเวียน มีการรับรู้เป็นหนี้สินหมุนเวียน จำนวน 1,247.75 ล้านบาท จึงทำให้ผลการวิเคราะห์สภาพคล่องแย่กว่าที่เป็น” ศ.อัมมาร กล่าวและว่า คณะกรรมการเห็นว่า เนื่องจาก รพ. สังกัด สป.สธ. สามารถนำเงินแหล่งต่างๆ ที่ได้รับโดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่สามารถเก็บไว้ใช้จ่ายได้ในลักษณะเงินบำรุง ดังนั้น รพ. ทุกแห่งจึงควรมีระบบบัญชีที่แสดงสถานะการเงินอย่างน้อยต้องเทียบเท่ากับระบบรัฐวิสาหกิจ ขณะเดียวกัน การบันทึกในผังบัญชีส่งผลต่อผลลัพธ์การคำนวณ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานทางบัญชีที่ต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ดูแลโดยตรง หรือการตรวจสอบความถูกต้องของตัวเลขการบันทึกบัญชี ซึ่งสิ่งที่พบการบันทึกทางบัญชียังมีความแตกต่างกัน อีกทั้งระบบบัญชียังมีลักษณะซับซ้อน และไม่เอื้อให้ทั้งผู้บันทึกบัญชีและผู้บริหาร รพ. ที่จะใช้บัญชีนั้น เข้าใจในระบบการเงินของหน่วยงานของตนพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าปัญหาการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากปัจจัยใด ซึ่งระบบบัญชีที่ไม่นิ่งมีผลต่อการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะการปรับเกลี่ยงบประมาณของหน่วยบริการใน สธ. เอง
       
       “สธ. จึงควรมีระบบการตรวจสอบระบบบัญชีที่เคร่งครัด โดยผู้ตรวจสอบภายนอกที่เป็นกลางเพื่อสอบทานความถูกต้องทั้งมาตรฐาน และ ตัวเลขทางบัญชี ปัญหาดังกล่าวนี้มีความสำคัญ เพราะเหตุว่าในระบบการจ่ายเงินส่วนใหญ่ที่ สปสช. ใช้กับ รพ. นั้น เป็นระบบเหมาจ่ายรายหัว หรือตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม ไม่มีความสัมพันธ์กับต้นทุนของงานที่ได้ทำเป็นชิ้นที่เห็นได้ง่ายๆ เหมือนการจ่ายเงินแบบ fee-for-service แต่เป็นการจ่ายที่ดูจากต้นทุนเฉลี่ยของทั้งระบบ ขณะเดียวกัน สปสช. ก็มีหน้าที่ต้องคำนวณ และ เรียกร้องงบประมาณมาให้เพียงพอกับงานที่สัญญากับประชาชนไว้ และเป็นความรับผิดชอบของ สปสช. ที่ต้องเรียกร้องงบประมาณให้เพียงพอกับต้นทุนที่จำต้องเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมา สปสช. ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับ รพ. ที่จะเข้าใจว่า ส่วนที่จะเพิ่มขึ้นของงบประมาณมาจากปัจจัยใดบ้าง ดังนั้น สปสช. ต้องทำตัวเลขนี้ให้ทุกคนเข้าใจ” ศ.อัมมาร กล่าว

ASTVผู้จัดการออนไลน์    8 มิถุนายน 2558