ว่ากันว่าชาวออสเตรเลียประมาณ 6 ล้านคน ต้องทุกข์ทรมานกับอาการปวดศีรษะหรือปวดไมเกรนเป็นประจำ ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากสาเหตุทุกอย่างตั้งแต่น้ำหอม ไส้กรอก การหยุดยาบางประเภท ภาวะขาดน้ำ หรือแม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์
อาการปวดศีรษะตามปกติที่มีสาเหตุจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงหรือเกร็งนั้น ไม่ถือว่าเป็นอันตราย แต่ถ้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน รุนแรง และมีอาการวิงเวียนหรือการมองเห็นผิดปกติร่วมด้วย ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ละเลยไม่ได้เด็ดขาด Dr. Ronald McCoy แห่ง Royal Australian College of General Practitioners อธิบาย
ต่อไปนี้เป็นวิธีสังเกตอาการปกติของการปวดศีรษะพร้อมสาเหตุหรือสิ่งกระตุ้นและวิธีเยียวยา
ปวดศีรษะจากภาวะตึงเครียดคุณรู้สึกมีอะไรกดทับบนศีรษะ รู้สึกตึงบริเวณหนังศีรษะ ขมับ หรือต้นคอ ซึ่งมีสาเหตุจากความเครียด วิตกกังวล และการกัดฟัน ถือเป็นอาการพื้นฐานที่สุด และเกี่ยวข้องกับภาวะที่กล้ามเนื้อหลังส่วนบน ศีรษะ และต้นคอตึงหรือเกร็ง
เยียวยาด้วยการประคบน้ำแข็ง และรับประทานยาระงับปวด Dr. McCoy แนะนำว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยบรรเทาความตึงเครียดที่ว่านี้ได้เป็นอย่างดี
ปวดศีรษะจากผงชูรสคุณรู้สึกมีแรงกดบนขมับหรือปวดขมับตุ้บๆ ร่วมกับอาการตึงโดยรอบหน้าผาก เจ็บหน้าอกและวิงเวียน สาเหตุเพราะบริโภคสารกลูตาเมท เช่น ผงชูรสที่ใส่ในอาหาร รวมทั้งอาหารประเภททูน่ากระป๋อง นมผง มันฝรั่งทอดกรอบ มะเขือเทศ เห็ด และเนยแข็งพาร์เมซาน ที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียน ปวดศีรษะตุ้บๆ ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังการบริโภค นอกจากนี้ สารไนเตรทที่ใส่ในไส้กรอก ซะลามี (ไส้กรอกหมูปนเนื้อวัว) และแฮม เป็นสาเหตุให้ปวดศีรษะเช่นกัน เพราะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น อาการปวดศีรษะของแต่ละคนขึ้นอยู่กับความทนทานต่อปริมาณอาหารเหล่านี้ ซึ่งมีไม่เท่ากัน แต่ถ้าคุณอยู่ในภาวะเครียด ความทนทานจะลดระดับลง ดังนั้น ให้สังเกตว่าคุณมีปฏิกิริยาต่ออาหารประเภทใดบ้างและหลีกเลี่ยงเสีย หรือไม่ก็สังเกตปริมาณที่บริโภค
ปวดศีรษะจากยาคุณรู้สึกปวดเค้นบริเวณศีรษะทั้งสองข้าง ซึ่งเมโย คลินิกที่สหรัฐฯ อธิบายว่า เมื่อหยุดยาระงับปวดแล้ว คุณอาจปวดศีรษะขึ้นมาอีก โดยเฉพาะถ้าคุณใช้ยา 5-8 วันต่อเดือน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณติดยานะ เพราะการใช้ยาระงับปวดเป็นประจำ มีผลต่อการเปลี่ยนเส้นทางปวดในสมองชั่วคราว นอกจากนี้ เมื่อผู้หญิงบางคนเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ก็มีอาการปวดลักษณะนี้เช่นกัน Dr. McCoy อธิบาย
เขากล่าวต่อไปว่า คุณอาจรู้สึกไม่สบายตัวสักสองสามวัน แต่หลังจากนั้น อาการปวดศีรษะจะทุเลาลง แพทย์อาจแนะนำให้คุณค่อยๆ ลดยาระงับปวด ในกรณีที่สาเหตุมาจากยาเม็ดคุมกำเนิด ขอให้แพทย์จ่ายยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง หรือยาที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสตินเท่านั้น
ปวดศีรษะจากไซนัสคุณรู้สึกปวดตุ้บๆ บริเวณศีรษะส่วนหน้าและใบหน้า มีน้ำตาไหลหรือตาแดงร่วมกับอาการไข้ สาเหตุเพราะช่องจมูกที่อยู่ด้านหลังนัยน์ตา จมูก และแก้มบวมขึ้นเพราะติดเชื้อ และช่องอากาศภายในจมูกถูกปิดกั้นเพราะน้ำมูกและเริ่มอักเสบ หรืออักเสบเพราะภาวะติดเชื้อ
ส่วนใหญ่แล้วอาการปวดศีรษะจากไซนัสจะทุเลาในสองสามวัน ยาระงับปวดไอบูโพรเฟนหรือพาราเซตามอลช่วยบรรเทาปวดได้ และใช้ยาปฏิชีวนะรักษาอาการติดเชื้อ ที่สำคัญให้หลีกเลี่ยงการก้มหน้าและการชะโงกหน้า เพราะทำให้ปวดมากขึ้น ส่วนการติดตั้งเครื่องทำความชื้น (humidifier) ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้
ปวดศีรษะจากไมเกรนคุณรู้สึกปวดตุ้บๆ อย่างรุนแรง ไวต่อแสง คลื่นไส้ อาเจียน และการมองเห็นผิดปกติ อาการเหล่านี้อาจเป็นอยู่ไม่กี่ชั่วโมงหรือนาน 3-4 วัน ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ไมเกรนเกิดจากอะไร แต่ดูเหมือนตกทอดกันในครอบครัวได้ อาหารบางชนิดกระตุ้นให้ปวดไมเกรน เช่น ชีสสีน้ำเงิน (blue cheese) ช็อกโกแลต และไวน์แดง ในบางคนอาจมาจากอาการอ่อนเพลียได้เช่นกัน
ให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นสาเหตุของการปวดไมเกรน และพบแพทย์เพื่อร่วมกันกำหนดแผนการรักษา ยาระงับปวดและยารักษาไมเกรนช่วยบรรเทาอาการตึงเครียดที่มีผลต่อหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดได้ ผู้ป่วยไมเกรนบางรายใช้วิธีฝังเข็ม เล่นโยคะ และนั่งสมาธิ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นกัน
ปวดศีรษะจากภาวะขาดน้ำ คุณรู้สึกปวดศีรษะหรือมีอาการเจ็บขณะก้มหน้าหรือส่ายศีรษะไปมา สาเหตุเกิดจากการบริโภคเกลือและขาดน้ำ ร่างกายของคุณพยายามกำจัดเกลือผ่านไต แต่นั่นหมายถึงคุณต้องสูญเสียน้ำไปกับปัสสาวะด้วย Natasha Murray นักโภชนาการอธิบาย
ภาวะขาดน้ำอาจทำให้หลอดเลือดตีบ สมองจึงได้รับเลือดและออกซิเจนน้อยลง การปวดศีรษะลักษณะนี้อาจเป็นสัญญาณของอาการความดันโลหิตต่ำได้ด้วย เพราะภาวะขาดน้ำส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำนั่นเอง
Murray แนะนำต่อไปว่า ให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว อย่าเติมเกลือหรือความเค็มลงในอาหาร และเลือกบริโภคอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยลง เพราะนั่นหมายถึงปริมาณเกลือที่ต่ำหรือลดน้อยลง แต่ถ้าคุณเกิดปวดศีรษะดังกล่าว ให้นั่งลงและดื่มน้ำสักหนึ่งแก้ว
ปวดศีรษะจากกาเฟอีนคุณรู้สึกมึนงง หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อ่อนล้า และไม่มีสมาธิ ถ้าคุณดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนเป็นประจำแล้วหยุดดื่มทันที จะทำให้มีปัญหาการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง จึงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ แต่การดื่มกาเฟอีนมากเกินไปก็ส่งผลคล้ายคลึงกันได้
ให้จำกัดปริมาณการดื่มกาเฟอีนที่วันละ 300 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากาแฟสำเร็จรูป 4-5 ถ้วย เอสเพรสโซ 3 ถ้วย หรือเครื่องดื่มบำรุงกำลัง 3-4 ขวด หลังจากนั้น ให้ลดกาแฟลงหนึ่งถ้วยในทุกสองสามวัน ดื่มน้ำมากๆ และใช้ยาระงับปวดเท่าที่จำเป็น อาการปวดศีรษะจากกาเฟอีนมักดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
ปวดศีรษะจากการมีเพศสัมพันธ์คุณรู้สึกปวดศีรษะตุ้บๆ ขณะหรือก่อนถึงจุดสุดยอด โดยเริ่มมีอาการปวดศีรษะนำมาก่อนในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ ผู้ชายมีแนวโน้มปวดศีรษะดังกล่าวมากกว่าผู้หญิง สาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับการที่สารเคมีในเลือดเปลี่ยนแปลงขณะถึงจุดสุดยอด โดยเซลล์ประสาทในสมองผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งออกมา อาการปวดศีรษะนี้มักคงอยู่หลายนาที หรือต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง
ให้ใช้ยาแอสไพรินหรือแพทย์อาจรักษาด้วยมาตรการป้องกัน โดยแนะนำให้รับประทานยากลุ่มเบตา-บล็อกเกอร์ ซึ่งใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และไมเกรน
ปวดศีรษะจากการมีประจำเดือนคุณรู้สึกปวดศีรษะตุ้บๆ ขณะมีประจำเดือน และอาจคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนลดระดับลงในช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งอาจมีผลทำให้หลอดเลือดสมองมีความอ่อนไหวมากขึ้น จึงเกิดปวดศีรษะช่วงก่อนมีประจำเดือนไม่กี่วัน แต่มักไม่รุนแรงอะไร
ยาระงับปวดช่วยได้มาก โดยเฉพาะไอบูโพรเฟน หรืออาจใช้วิธีประคบน้ำแข็ง ในกรณีที่ปวดศีรษะมาก แพทย์อาจให้รับประทานยากลุ่มเบตา-บล็อกเกอร์เป็นการป้องกัน
ปวดศีรษะจากน้ำหอมคุณรู้สึกปวดศีรษะร่วมกับอาการวิงเวียน น้ำมูกและน้ำตาไหล สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่า กลิ่นหอมในน้ำหอม น้ำยาล้างจาน สบู่ น้ำยาปรับอากาศ และแชมพู เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่สกัดจากปิโตรเลียมราวร้อยละ 95 อาการปวดศีรษะลักษณะนี้เป็นสัญญาณว่า ร่างกายทนสารเคมีสังเคราะห์ไม่ได้ หรือไม่ก็เป็นปฏิกิริยาเกี่ยวกับภูมิแพ้ โดยสารเคมีอาจขัดขวางการไหลเวียนของเลือดในสมอง จึงทำให้ปวดศีรษะ
ให้หลีกเลี่ยงน้ำหอมที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาข้างต้น และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม ขณะอยู่ในที่ทำงานให้ใช้พัดลมช่วยเป่ากลิ่นออกไป
ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (cluster headache)คุณรู้สึกตึงเครียด ปวดร้อนบริเวณเบ้าตาข้างหนึ่งทุกวันเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ติดต่อกัน จากนั้นหายปวดนานรวมหนึ่งปี อาจมีน้ำตาไหล รวมทั้งน้ำมูกไหลหรือคัดจมูกร่วมด้วย
อาการดังกล่าวมักเกิดกับผู้ชายอายุระหว่าง 20-40 ปี มีสาเหตุจากการที่สมองส่วนไฮโพทาลามัสซึ่งมีหน้าที่ควบคุม นาฬิกาชีวิต ถูกรบกวน ยิ่งผู้ที่สูบบุหรี่จัดหรือเป็นนักดื่มตัวยง จะยิ่งมีอาการนี้มากขึ้น และถ้าพ่อแม่หรือพี่น้องของคุณมีอาการด้วยแล้ว ความเสี่ยงของคุณก็สูงขึ้นด้วย
ให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และรับประทานทุกวันเพื่อเป็นการป้องกันและทุเลาอาการปวด หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์รวมทั้งการสูบบุหรี่ และอย่าหักโหมทำงานหนักเกินไป
ที่มา: นิตยสาร GoodHealth
Column: Well Being
เรียบเรียง: ดรุณี แซ่ลิ่ว
Submitted by Darunee Sae-liew on Tue, 07/15/2014 - 13:04
http://www.gotomanager.com/content/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B0