โดย มติชน วัน พฤหัสบดี ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551 04:17 น.
คอลัมน์ ข้าราษฎร
โดย สายสะพาย
นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เนื่องจากในปัจจุบันมีคดีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของแพทย์ และบุคลากรด้านสาธารณสุขอันเกี่ยวกับการให้บริการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ จำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีความขัดแย้งของญาติผู้ป่วยที่เสียชีวิต ขณะอยู่ในการดูแลรักษาพยาบาล กับแพทย์ที่อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกแพทย์ผู้ทำการรักษาฐานประมาท เลินเล่อทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลและความหวั่นไหวของแพทย์ และบุคลากรด้านสาธารณสุข
จากสภาพปัญหาดังกล่าว สำนักงานศาลยุติธรรมตระหนักดีว่าปัญหาดังกล่าวมิได้กระทบแต่เฉพาะส่วนใดส่วน หนึ่งเท่านั้น แต่หากกระทบเป็นภาพรวมในความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อทั้งการให้บริการ ด้านสาธารณสุข และกระบวนการยุติธรรมเป็นสำคัญ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้จัดการประชุมหารือระหว่างเลขาธิการสำนักงานศาล ยุติธรรม และคณะผู้พิพากษา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา ทำให้ได้ข้อสรุปแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้
1.สำนักงานศาลยุติธรรมจะเชิญปลัดกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภามาร่วมประชุม เพื่อพิจารณาปัญหาดังกล่าวและแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันในเร็วๆ นี้
2.สำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้เชี่ยวชาญกรณีพิเศษตามข้อ บังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรม พ.ศ.2546 หมวด 3 เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์สาขาต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาพิพากษาคดี
3.สำนักงานศาลยุติธรรมจะส่งเสริมให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ไกล่ เกลี่ยซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความน่าเชื่อถือและผู้เชี่ยวชาญทางการ แพทย์ก่อนมีการฟ้องคดีแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข เพื่อให้มีคดีขึ้นสู่ศาลน้อยที่สุดซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้เสียหาย รวมทั้งส่งเสริมให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งอาจรวมถึงคดีที่ศาลจังหวัดทุ่งสงพิพากษาจำคุกแพทย์ ที่อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ด้วย
4.จะจัดการเสวนาระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขและเครือข่ายผู้เสียหาย เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า หวังการดำเนินการสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะมีส่วนในการช่วยบรรเทาความวิตก กังวล และความหวั่นไหวของแพทย์ และบุคลากรสาธารณสุข พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสายงานต่างๆ ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้บริการประชาชนด้วยจิตวิญญาณ เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงในชีวิตของประชาชน และสังคมโดยรวมสืบไป
