เช้านี้ที่หมอชิต - เกิดเหตุสลด เมื่อหญิงท้องแก่ ไปรอคลอดที่โรงพยาบาล แต่แพทย์กลับให้รอนาน ระบุว่า เด็กไม่มีปฏิกิริยาตอบรับให้ไปทานอาหารเพื่อกระตุ้นเด็ก แต่สุดท้ายเด็กเสียชีวิตภายในครรภ์ แต่หมอก็ยังไม่ทำการผ่าเด็กออกมายังให้แม่รอ รอจนเสียชีวิตตามลูกในครรภ์ ขณะที่ญาติติดใจกระบวนการของแพทย์เหตุใดปล่อยให้คนไข้รอนานขนาดนี้
นางสมใจ ปานนาศรี อายุ 55 ปี แม่สามีของ นางสาวกรรณิกา รัตกูล อายุ 30ปี ผู้เสียชีวิต มาแจ้งความที่ สภ.เมืองสระบุรี พร้อมขอให้ตำรวจทำเรื่องส่งศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังจากที่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลในจังหวัดสระบุรี แล้วเกิดเสียชีวิตทั้งแม่และเด็กในครรภ์ ทั้งที่ยังไม่ได้ดำเนินการคลอด
นางสมใจ เล่าว่า ลูกสะใภ้ (ผู้เสียชีวิต) ได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 และมีกำหนดคลอดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่เมื่อเธอไปตามกำหนดแพทย์ในครั้งนั้น แพทย์บอกว่า ปากมดลูกของผู้เสียชีวิตยังไม่เปิด จึงให้กับไปพักที่บ้านและนัดมาใหม่อีกครั้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งวันนัด เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทางแพทย์ก็ทำการตรวจครรภ์ พบว่าเด็กในท้องไม่ดิ้น จึงให้เธอไปกินข้าวกินอาหาร เพื่อเป็นการกระตุ้นเด็กในท้อง เธอก็ไปกินข้าวตามแพทย์บอก จากนั้น ก็มาตรวจซ้ำอีกครั้งด้วยการอัลตร้าซาวด์ ถึง 3 ครั้ง ก็พบว่าเด็กในครรภ์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แพทย์จึงแจ้งว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์เสียชีวิตแล้ว ทำให้ตอนนั้นเธอตกใจมาก จึงมาบอกญาติที่รอ ซึ่งทุกคนก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาการฝากครรภ์นั้นก็เป็นไปตามปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร จากนั้น จึงขอร้องให้แพทย์ทำการผ่านำเด็กออกมา เพื่อป้องกันอันตรายแก่แม่เด็ก และจะได้นำเด็กไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต แต่แพทย์ก็ไม่ได้รีบดำเนินการผ่าตัดให้ ยังคงให้เธอนอนรอ ตั้งแต่ช่วงเช้า จนกระทั่ง 15.00 น. ซึ่งแพทย์ได้บอกกลับมาทางญาติว่า "เด็กที่อยู่ในท้องแม่ไม่เน่าอยู่ได้ 48 ชั่วโมง" และแพทย์ก็ให้ลูกสะใภ้เธอรอจนถึงเวลาเที่ยงคืนของอีกวัน (เข้าวันที่ 15 ก.พ.) ลูกสะใภ้เริ่มมีอาการเจ็บท้องและปากมดลูกเริ่มเปิดแล้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้ทางญาติและครอบครัวนั้นเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ต้องสูญเสียทั้งลูกสะใภ้และหลานไปพร้อมกัน จากนั้น เธอจึงไปสอบถามสาเหตุกับทางโรงพยาบาลก็ไม่มีคำตอบให้และไม่ได้แสดงความรับผิดชอบกลับมา ทั้งที่ลูกคนแรกและคนที่สองก็ได้มาคลอดที่โรงพยาบาลนี้ แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้รอนานขนาดนี้ แต่ครั้งนี้นานเกินไป
16 ก.พ. 2565
https://news.ch7.com/detail/550654.................................
ครอบครัวคาใจ 2 แม่ลูกตายทั้งกลมหลังทำคลอด รพ.ดังสระบุรี ยืนยันจะเรียกร้องขอความเป็นธรรม
ครอบครัวคาใจ 2 แม่ลูกตายทั้งกลมหลังทำคลอด รพ.ดังสระบุรี ยืนยันจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมโดยยังไม่ยอมเผาจนกว่าจะได้รับคำตอบจาก รพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่ นายบัณฑิต ปานนาศรี สามี และนางสายใจ ปานนาศรี แม่ และญาติๆ พากันร้องสื่อว่า 2 แม่ลูกดับหลังทำคลอด รพ.ดังใน จ.สระบุรี โดย น.ส.กรรณิกา รัตกุล อายุ 31 ปี ได้มาทำคลอด จากนั้นลูกน้อยได้เสียชีวิตภายในครรภ์ โดยหมอไม่ยอมผ่าเด็กออก ปล่อยให้แม่นั่งรอจนแม่เสียชีวิต ญาติพากันคาใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงได้นำแม่และเด็กผ่าพิสูจน์ที่ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต จากนั้นได้นำศพ 2 แม่ลูกมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเลขที่ 43/1 ม.6 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี เป็นเวลา 4 คืน
ล่าสุด วันนี้ (20 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดโนนสภาราม ม.2 ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งจัดพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.กรรณิกา รัตกุล และลูกน้อยที่เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งภายในงานมีญาติพี่น้อง มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก พร้อมด้วย นายวิเชียร ระดมสุทธิศาล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสระบุรี จากนั้นเวลา 16.00 น.จึงได้เริ่มพิธีทางศาสนา เมื่อเสร็จพิธีทางญาติได้นำศพของ 2 แม่ลูกเก็บไว้เพื่อที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ 2 แม่ลูกที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้
นางสายใจ ปานนาศรี แม่สามีเผยว่า วันนี้ตนได้นำศพของลูกสะใภ้มาทำพิธีทางศาสนา จากนั้นจะนำศพบรรจุ และเก็บไว้ก่อน เนื่องจากว่าเรื่องการเยียวยาทาง รพ. หรือหน่วยงานต่างๆ ยังไม่ได้เข้ามารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียง รพ.สระบุรี ที่เข้ามาฟังสวดพระอภิธรรม และร่วมเป็นเจ้าภาพในคืนที่ผ่านมา พร้อมกับร่วมแสดงความเสียใจ ในส่วนที่ตนเอง และลูกชายได้ไปร้องที่รัฐสภานั้น เพื่อที่จะเร่งรัดผลการผ่าพิสูจน์ของลูกสะใภ้ เนื่องจากผลการผ่าพิสูจน์นั้นยังไม่ออกมา ต้องรอผล 15 วัน ถึง 2 เดือน จึงจะทราบ ตนจึงได้ไปยื่นเอกสาร
ส่วนสาเหตุที่เก็บศพไว้ก่อนนั้น สิ่งที่ต้องการ คือ อยากทราบสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสะใภ้ และหลาน เรื่องเวชระเบียง ซึ่งทาง รพ.นำมาให้แล้ว เรื่องการเยียวยา การดูแล เราต้องการทราบว่า หลานของตนเสียชีวิตเพราะอะไร ซึ่งยังไม่มีใครให้คำตอบได้ แม้กระทั่งตัวหมอเองยังไม่ได้เข้ามาชี้แจง ซึ่งในใบแจ้งตายลงไว้ว่ายังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ทำให้ตนเองสงสัย โดยหลังจากเสร็จงานในวันนี้ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนเองและลูกชายจะเดินหน้าต่อ ซึ่งอาจต้องนำโลงศพลูกสะใภ้ และหลานไปตั้งหน้า รพ.สระบุรี เพื่อแจ้งให้เราทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
20 ก.พ. 2565 ผู้จัดการออนไลน์