ผู้เขียน หัวข้อ: เตรียมพร้อม อีคิวเด็กไทย ก้าวสู่อาเซียน  (อ่าน 950 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- เสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2555 00:00:17 น.
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมวิชาการสุขภาพจิตและจิตเวชเด็ก ครั้งที่ 1 และการประชุมวิชาการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย ครั้งที่ 9"เด็กไทย...ก้าวไกลสู่อาเซียน" เมื่อเร็วๆ นี้ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กทม. เผยเด็กไทย EQ เฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ในรอบ 10 ปี มีความมุ่งมั่นพยายามน้อย เร่งสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านเด็ก เสริมปัจจัยการเรียนรู้ให้เด็กและครอบครัว


 
น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่งต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต การที่เด็กจะเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพนั้น เด็กจะต้องมีพัฒนาการที่สมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา จึงมีความจำเป็นที่เด็กจะต้องได้รับการพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาและต่อเนื่องไปจนถึงวัยรุ่น โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสติปัญญาและอารมณ์ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งกรมสุขภาพจิตตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเฝ้าระวัง ส่งเสริม และพัฒนาความฉลาดทางสติปัญญาควบคู่ไปกับการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า สถานการณ์และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบันเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนไทย มีทั้งเรื่องน่ายินดีที่เด็กไทยมีความสามารถแข่งขันด้านต่างๆ ในเวทีระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็ยังพบพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนบางส่วนที่สร้างความรุนแรง สร้างความเสียหายขึ้นในสังคม คุณธรรมและจริยธรรมลดลง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ทั้งนี้ โครงการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เด็กและเยาวชน ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548-2554 การดำเนินงานที่ผ่านมามีการสำรวจความฉลาดทางอารมณ์ ในปี 2550 เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เด็กไทย และปี 2554 เป็นการสำรวจติดตามสถานการณ์ระดับความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กนักเรียนไทยอายุ 6-11 ปี ระดับประเทศ เป็นครั้งที่ 2 การสำรวจครั้งนี้ใช้ขนาดตัวอย่างกลุ่มเด็ก อายุ 6-11 ปี จำนวน 5,325 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ใช้สำรวจ IQ ปี 2554 จากตัวแทนกรุงเทพมหานคร และ 4 ภาค รวม 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ระยอง สมุทรสาคร อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด กระบี่ ปัตตานี ใช้แบบทดสอบวัดความฉลาดทางอารมณ์ฉบับกรมสุขภาพจิต พบว่า คะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ปี 2554 มีค่าต่ำสุดอยู่ที่ 169.72 จาก 179.58 ในปี 2550 และ 186.42 ในปี 2545

พ.ญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผอ.สถาบันราชานุกูล กล่าวเสริมว่า ผลสำรวจความฉลาดทางอารมณ์เด็กนักเรียนไทยอายุ 6-11 ปี ปี 2554 มีคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เฉลี่ยระดับประเทศอยู่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ คือ มีค่าคะแนนอยู่ที่ 45.12 จากค่าคะแนนปกติ 50-100 ซึ่งมีจุดอ่อนทั้ง 3 องค์ประกอบใหญ่ คือ ดี เก่ง สุข และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบย่อยในแต่ละด้าน จะพบว่าการปรับตัวต่อปัญหา มีค่าคะแนนอยู่ที่ 46.65 การควบคุมอารมณ์ 46.50 การยอมรับถูกผิด 45.65 ความพอใจในตนเอง 45.65 ความใส่ใจและเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น 45.42 การรู้จักปรับใจ 45.23 และที่เป็นจุดอ่อนมาก ได้แก่ ความมุ่งมั่นพยายาม ซึ่งมีค่าคะแนนอยู่ที่ 42.98 รองลงมา คือ ความกล้าแสดงออก 43.48 และความรื่นเริง เบิกบาน 44.53

ผอ.สถาบันราชานุกูล กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณารายภาค จะพบว่าภาคใต้มีคะแนน EQ เฉลี่ยสูงสุด อยู่ที่ 45.95 ซึ่งใกล้ค่าปกติมากที่สุด รองลงมา คือ ภาคเหนือ 45.84 กรุงเทพมหานคร 45.62 ภาคกลาง 44.38 และต่ำสุด คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44.04 และเมื่อพิจารณาคะแนนเฉลี่ยความฉลาดทางอารมณ์ตามเกณฑ์ปกติ ที่มีค่าคะแนนอยู่ที่ 50-100 พบว่า ภาคใต้มีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 30.4 รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 23.2 ภาคเหนือ ร้อยละ 22.9 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 21.4 และภาคกลางน้อยที่สุด ร้อยละ 19.7 และมีกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนา (ค่าคะแนนต่ำกว่า 40) เป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 32.3 ภาคกลาง ร้อยละ 28.8 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.3 ภาคเหนือ ร้อยละ 22.3 และภาคใต้ ร้อยละ 21.4

"จากผลการสำรวจที่ได้ กรมสุขภาพจิตจะร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านเด็ก เสริมปัจจัยการเรียนรู้ให้เด็กและครอบครัว ดังนี้ 1.ส่งเสริมพ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก สนับสนุนให้เด็กได้เรียนรู้เต็มศักยภาพ ภายใต้บรรยากาศที่มีความสุข เด็กต้องการการสัมผัส โอบกอด และการให้กำลังใจ 2.พัฒนาระบบการเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตเด็กในระดับอำเภอ เพื่อประเมิน สนับสนุน ส่งเสริม ช่วยเหลือเด็กที่มีความบกพร่องด้านสุขภาพจิตให้ได้รับการดูแล และเข้าถึงบริการสุขภาพจิตสำหรับเด็ก" อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว