ผู้เขียน หัวข้อ: จาก “โคตรนาฬิกา” ถึง “โคตรไมค์”  (อ่าน 968 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
จาก “โคตรนาฬิกา” ถึง “โคตรไมค์”
« เมื่อ: 14 กันยายน 2014, 18:50:51 »
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -น่าสงสัยใครเป็นไอ้โม่งวางยาครม.พล.อ.ประยุทธ์จนทำให้ “หม่อมเหลน” ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกพิษไมค์แพงเล่นงานกระทั่งไปไม่เป็น ไม่ว่าจะสวมวิญญาณนักแถระดับชาติ หรือปัดสวะ โยนขี้ ก็หนีไม่พ้น หนำซ้ำเรื่องนี้ยังอาจจะสะเทือนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศตัวชัดเจนว่า ตั้งมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริต และใครก็ทุจริตไม่ได้
       
       หากสปอตไลต์ฉายจะจับไปเห็นแต่ “หม่อมเหลน” และข้าราชการกรมโยธาฯ กระทรวงมหาดไทย กับบริษัทเอกชน เพราะเป็นเจ้าของงาน ผู้ว่าจ้างและผู้รับงานแล้ว ต้องขอบอกว่ายังมีอีกคนที่มีส่วนนำเสนอเรื่องนี้ต่อ คสช.ซึ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และสปอร์ตไลท์สมควรส่องให้เห็นพร้อมกันด้วย ก็คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. และรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เป็นผู้ชงเรื่องให้ที่ประชุม คสช. เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2557 อนุมัติการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล วงเงิน 252 ล้านบาท
       
       แต่ถึงวันนี้ น่าแปลกใจที่ พล.ต.อ.อดุลย์ ผู้ซึ่งเคยได้ดิบได้ดีในตำแหน่ง ผบ.ตร. ด้วยการสนับสนุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับลอยตัวไม่ต้องชี้แจง ไม่ต้องตอบคำถามอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นผู้เสนอโครงการ และเป็นผู้จัดแจงในการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลเคียงคู่กับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ซึ่งถ้าว่ากันตามความรับผิดชอบในเนื้องาน พล.ต.อ.อดุลย์ ต้องออกมาชี้แจงแถลงไขเรื่องราวความอื้อฉาวไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นด้วย
       
       ไม่ใช่ว่าทุกคำถามทุกความสงสัยต่างพุ่งเป้าไปที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล และบริษัทเอกชนเครือข่ายกลุ่มก๊วน “นกหวีด” ที่เชื่อมโยงผ่านหนึ่งในผู้ถือหุ้น บริษัท อัศวโสภณ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายไมค์ดังกล่าว คือ นางมยุรี วศินานุกร ภรรยา ของ นพ.ประเสริฐ วศินานุกร แพทย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกลุ่มผู้สนับสนุน กปปส. เท่านั้น
       
       แต่ไม่ว่าใครจะเป็นคนวางหมากอยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวดิสเครดิต ม.ล.ปนัดดา กระทบชิ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ก็ชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงไปถึงการชี้นิ้วกล่าวหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ของม.ล.ปนัดดา ทำนองว่ามีผู้นำอปท.บางคนนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส ซดไวน์ขวดละแสน หยั่งเชิง จนมีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าอาจจะมีรายการยุบเลิก อปท.ตามมา ด้วยเหตุเพราะเป็นฐานเสียงกลุ่มอำนาจการเมืองเก่าที่เข้มแข็ง จนเป็นเรื่องให้ต้องเคลียร์ใจก่อนจะเลิกรากันไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นยุบเลิก อปท. แต่คำสั่งคสช.ที่ 85/2557 ลงวันที่ 15ก.ค.2557 ที่ให้หันมาใช้วิธีการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแทนการเลือกตั้งก็ถือว่าคุมได้ระดับหนึ่ง
       
       กล่าวสำหรับงานปรับปรุงห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้มีการเผยแพร่ประกาศราคากลางงานครุภัณฑ์จัดซื้อ งานติดตั้งระบบห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2557 ผ่านเว็บไซต์ของกรมฯ ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบราคาเทียบกับท้องตลาดแล้วพบว่าผิดปกติ แพงเวอร์ หลายรายการ ที่หนักสุดคือ ไมค์พร้อมก้าน ราคาแสนห้า ตามมาด้วยจอภาพพลาสม่ารุ่นเก่า 5 แสน และโคมไฟเฉลี่ยชุดละแสน กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง
       
        “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้ตรวจสอบในเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการปรับปรุงห้องประชุมทำเนียบฯ ครั้งนี้ พบว่า มีการประกาศราคากลางงานครุภัณฑ์จัดซื้อ งานติดตั้งระบบห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2557 รายละเอียดตามลิงก์http://www.dpt.go.th/eprocurement_v3/special/dptauction_specialinfo.php?special_no=257
       
       การประกาศราคากลางดังกล่าว เป็นงานติดตั้งระบบเสียง ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบ video conferrence ห้องประชุม 501, 301 และ 302 ของตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล มีรายชื่อกรรมการราคากลาง ประกอบด้วย นายอธิราช กนกเวชยันต์ ผู้อำนวยการกองมาตรฐานกลาง นายวรสันต์ อิฐรัตน์ นายช่างโยธาอาวุโส นายอดิสัย ศิริถาพร นายช่างโยธาชำนาญงาน ประมาณราคาเมื่อวันที่ 30 ก.ค.  2557 แบ่งเป็นค่าวัสดุและค่าแรงงาน 63,540,450 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,447,831.50 บาท รวมทั้งสิ้น 67,988,282 บาท
       
       เมื่อแยกเป็นแต่ละห้องพบว่า ห้อง 501 ประมาณราคาทั้งสิ้น 32,095,480 บาท แบ่งเป็นระบบเสียงประมาณ 1.2 ล้านบาท ระบบภาพ (vdo wall) 9.2 ล้านบาท ระบบไมโครโฟนชุดประชุม 19,234,450 บาท ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง 2.46 ล้านบาท, ห้อง 301 ประมาณราคาทั้งสิ้น 20,540,910 บาท แบ่งเป็นระบบเสียงประมาณ 4.9 แสนบาท ระบบภาพ (vdo wall) 6.9 ล้านบาท ระบบไมโครโฟนชุดประชุม 11,719,370 บาท ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง 1.397 ล้านบาท, ห้อง 302 ประมาณราคาทั้งสิ้น 8,534,080 บาท แบ่งเป็นระบบเสียงประมาณ 4.9 แสนบาท ระบบภาพ (vdo wall) 3.5 แสนบาท ระบบไมโครโฟนชุดประชุม 6,969,980 บาท ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง 7.2 แสนบาท และ ระบบ video conferrence รวม 3 ชุด 2,369,980 บาท
           
           สำหรับประมาณราคาระบบไมโครโฟนชุดประชุมที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ พบว่า เป็นไมโครโฟนยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-MMD ราคาประมาณชุดละ 139,690 บาท ก้านชุดละ 18,300 บาท รวมไมโครโฟนพร้อมก้านชุดละ 157,990 บาท ติดตั้งในห้องประชุม 501 จำนวน 100 ชุด ห้องประชุม 301 จำนวน 56 ชุด ห้องประชุม 302 จำนวน 25 ชุด รวมทั้งหมด 181 ชุด เป็นเงินทั้งสิ้น 28,596,190 บาท
       
       นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ประมาณราคากลางระบบภาพ (vdo wall) ของแต่ละห้องประชุมนั้น เป็นจอพลาสมา C60PW120 ขนาด 60 นิ้ว ราคาจอละ 529,870 บาท ติดตั้งที่ห้องประชุม 501 จำนวน 16 จอ ห้องประชุม 301 จำนวน 12 จอ รวมทั้งหมด 28 จอ เมื่อรวมราคาจอพร้อมขาตั้งยึดผนังอันละ 19,270 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 15,375,920 บาท
       
       จากการตรวจสอบ พบว่า จอพลาสมา C60PW120 ขนาด 60 นิ้ว ดังกล่าว เป็นของยี่ห้อ LG และเป็นรุ่นที่ไม่ได้มีการทำตลาดแล้ว เนื่องจากเป็นจอที่ใช้เทคโนโลยีเก่า ให้ความละเอียดของภาพเพียง 1,365 x 768 พิกเซล ขณะที่ในปัจจุบัน LG มีการวางจำหน่ายจอภาพขนาด 60 นิ้วหลายรุ่น ซึ่งมีความละเอียดสูงกว่า แต่ราคาต่ำว่า เช่น รุ่น 60PA6500 ซึ่งเป็นจอพลาสมาเช่นเดียวกันแต่ให้ความละเอียดระดับ Full HD หรือ 1980x 1080 พิกเซล ราคาเพียง 49,900 บาท หรือ รุ่น 60LB582T ขนาด 60 นิ้ว เป็นจอแอลอีดี ความละเอียด Full HD หรือ 1980 x 1080 พิกเซล มีราคาเพียง 52,559 บาท หรือแม้กระทั่งรุ่นที่มีความละเอียดระดับ 4K ซึ่งเป็นความละเอียดสูงสุดของจอภาพที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบัน อาทิ รุ่น UHD 65LA9650 ขนาดจอ 65 นิ้ว ก็มีราคาเพียง 70,900 บาทเท่านั้น
       
       ในส่วนของประมาณราคาระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ประกอบด้วย โคมไฟ ยี่ห้อDIMMABLE LED พร้อมไดร์ฟเวอร์ จำนวน 3 ขนาด ตั้งแต่ราคา 95,380 บาท 65,510 บาท และราคาสูงสุด 139,690 บาท รวมราคา 300,580 บาท นอกจากนี้ ยังมีราคาเครื่องควบคุมสวิตซ์เปิดปิด รวมถึงระบบวีดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ 3 ชุดมูลค่ารวม 2,080,950 บาท ก็ถูกมองว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป
       
       การจัดซื้อไมโครโฟนห้องประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาลซึ่งถูกวิจารณ์ว่าโคตรแพงคราวนี้ มีคำอธิบายว่า นี่เป็นไมค์สุดยอดไฮเทคเพราะมีความพิเศษนอกจากเสียงจะชัดใส ป้องกันเสียงรบกวน จะมีทั้งไมค์แบบธรรมดาและแบบมีออฟชั่นพิเศษสามารถเชื่อมต่อกับเชิร์ฟเวอร์ ระบบบบันทึกข้อมูล มีระบบล็อคข้อมูลและการป้องกันการแฮ็กข้อมูล โดยมีซอฟแวร์พิเศษการควบคุม ส่วนหน้าจอมีขนาด 7 นิ้ว มีลำโพงในตัว เป็นระบบสัมผัสเหมือนกับแท็บเล็ต โดยจะเป็นระบบแอนดรอยด์พิเศษ ที่ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถเข้าชมเว็บไซต์ หรือ ท่องอินเตอร์เน็ตได้ด้วย
       
       ราคาค่าวัสดุและอุปกรณ์ที่แพงเว่อร์ ทำให้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ทำหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อไมโครโฟนประจำทำเนียบรัฐบาล ในราคาตัวละกว่า 145,000 บาท ว่าแพงเกินเหตุหรือไม่ หลังจากมีการตรวจสอบพบว่าไมโครโฟนดังกล่าวมีราคาเพียง 1981.95 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 63,422 บาทเท่านั้น ซึ่งการจัดซื้อจัดหาไมโครโฟนในราคาแพง ถือเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักความประหยัดค่าใช้จ่ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. พูดมาโดยตลอด
       
       หลังจากเรื่องราวลุกลามบานปลายใหญ่โต ม.ล.ปนัดดา ก็ปัดสวะพ้นตัวว่าเรื่องยังไม่ได้มีการส่งผ่านมาถึงตน และโยนไปยังอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีการลงนามทำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นปัญหาใดทั้งหลายจะเกิดขึ้นไม่ได้ ความโปร่งใสในช่วงนี้ต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครจะไปกล้าทุจริตคดโกง เพราะคนเกรงใจนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.
       
       ขณะที่ นางสาวศิระภา วาระเลิศ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง รับผิดชอบงานกำกับดูแลบูรณะทำเนียบรัฐบาล ออกมาปฏิเสธว่า ไมโครโฟนตัวละ 145,000 บาท ไม่เป็นความจริง และไม่ใช่ราคาสุดท้าย ซึ่งกรมโยธาธิการฯ จะต่อรองให้ได้ราคาที่ต่ำที่สุดในราคาพิเศษของทำเนียบรัฐบาลและยืนยันว่ากรมโยธาธิการฯ ดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอนแล้ว       
       
       แต่ไม่ว่าจะปัดสวะ ปฏิเสธกันอย่างไรก็ไม่อาจทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เงียบลงได้ กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วยตัวแทนบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ระบบโสตทัศนูปกรณ์ ร่วมแถลงชี้แจงว่า ราคาไมค์ 145,000 บาท เป็นเพียงราคาประมาณการที่ตั้งขึ้นเพื่อขออนุมัติงบ แต่เมื่อมีการต่อรองราคาแล้ว ได้ข้อสรุปจัดซื้อในราคา 94,250 บาท และยืนยันว่า ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะยังไม่มีการลงนามในสัญญากับเอกชน แต่ยอมรับว่าบริษัทเอกชนได้ดำเนินการติดตั้งแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบใช้งาน พร้อมชี้แจงเหตุผลในการจัดซื้อไมโครโฟน รุ่น DCNM-MMD ของบริษัท Bosch Security Systems เนื่องจากเป็นรุ่นล่าสุดและมีคุณภาพดีที่สุดในโลก ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานราชการใดในประเทศไทยติดตั้ง
       
       ส่วนการติดตั้งจอพลาสมา ในราคาสูง ขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นการติดตั้งระบบLED แทน เนื่องจากมีความคมชัดและมีราคาต่ำกว่า โดยมีราคาจัดซื้อประมาณ 300,000 บาท แต่ยังไม่มีการสรุปตัวเลข เพราะอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง พร้อมกับยืนยันว่า การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส และพร้อมรับการตรวจสอบทั้งทางอาญาและทางวินัยหากพบการทุจริตเกิดขึ้น
       
       อธิบดีกรมโยธาธิการฯ ประกาศชัดว่า “...พร้อมรับการตรวจสอบทั้งทางอาญาและทางวินัย...” นั่นอาจหมายความว่า เร็วๆ นี้คงมีรายการเชือดแพะสังเวย เพื่อให้คำมั่นสัญญาต่อประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ คงความขลังและศักดิ์สิทธิ์
       
        “นับจากวันนี้ คสช.ขอยืนยันว่าจะไม่มีการทุจริต หรือเรียกร้องผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว หากใครพบหรือถูกเรียกรับใดๆ ให้แจ้งมา จะดำเนินการตรวจสอบและลงโทษทันที” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ครั้งที่ 1/2557 วันที่ 1 ก.ค. 2557
       
       “...การทุจริตจะต้องไม่มี จะต้องหยุดให้ได้ในระยะเวลานี้และต่อไป...”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. /  รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ”  วันที่ 7มิ.ย. 2557
       
       “...ผมต้องใช้การตรวจสอบที่ดี ผมต้องวางแผนตรงนี้ไว้แล้ว ผมคงไม่ให้มีการอนุมัติโดยการที่เรียกว่ายัดไส้อะไรทำนองนี้ ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมอยู่แล้ว ตัวผมเองตั้งมั่นว่าเราไม่ทุจริต แต่ใครก็ทุจริตไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี / รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ" 29 ส.ค. 2557
       
       จะว่าไปแล้ว การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยราชการที่แพงเวอร์เกินเหตุ ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างปกติหรือการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด แม้แต่หน่วยงานที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยอย่างทำเนียบรัฐบาลหรือรัฐสภา ศูนย์กลางอำนาจก็ยังไม่เว้น
       
       คงจำกันได้เรื่องนาฬิกาโคตรแพงของรัฐสภา ที่ปูดขึ้นมาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงเรื่องการผลาญงบของสภาผู้แทนราษฎร อาทิ การปรับปรุงห้องสื่อมวลชน 5 ล้านบาท เปลี่ยนไมโครโฟนในห้องประชุมสภา 80 ล้านบาท ติดกล้องวงจรปิด 30 ล้านบาท ค่าเก็บขยะ 2.3 ล้านบาทต่อปี
       
       ที่สำคัญคือ การจัดซื้อนาฬิการะบบดิจิตอล ที่ติดผนัง 240 เรือน เรือนละ 7.5 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 15 ล้านบาท ทำให้เกิดคำถามว่ามันโคตรนาฬิกาหรือไรทำไมถึงแพงนัก และทำไมต้องซื้อถึง 240 เรือน จะเอาไปติดตั้งตรงไหนหนักหนา กระทั่งนายนุกูล สัณฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่โฆษกสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ออกมาชี้แจงถึงความอัจฉริยะของโคตรนาฬิกา รวมค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุมเวลาและการบริหารเวลาภายในรัฐสภาทั้งระบบซึ่งเป็นเรื่องเทคโนโลยีชั้นสูง
       
       คำอธิบายของนายนุกูล ถึงความไฮเทคโนโลยีของระบบนาฬิกาไม่ต่างกับการอธิบายความไฮเทคของไมค์ทำเนียบรัฐบาลว่าอุปกรณ์ที่เป็นตัวแสดงผลที่มีความเที่ยงตรงตลอดเวลา มีการเชื่อมต่อกับดาวเทียม และระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อส่งสัญญาณเวลาให้กับนาฬิกาเครื่องลูกข่ายทั้งหมด รวมถึงมีการ Back Up ระบบเวลาให้กับชุดควบคุมนาฬิกาหลัก ให้สามารถรักษาเวลาต่อเนื่องในกรณีไฟฟ้าดับ ได้ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง และยังมีคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชั่น และระบบการเชื่อมต่อกับมาตรฐานเวลาในระบบของสำนักมาตรวิทยา กระทรวงวิทยาศาสตร์ อุปกรณ์ และระบบการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้สายใยแก้วนำแสง Fiber Optic สำหรับเชื่อมโยงระหว่างอาคารที่มีความเสถียรสูง
       
       เวลานั้น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 ว่า "นาฬิกาดังกล่าวติดอยู่ทั่วพื้นที่ของรัฐสภา มีทั้งติดอยู่เหนือประตูห้องสูบบุหรี่ของ ส.ส. ใกล้ห้องอาหาร นาฬิกานี้มีมูลค่า 75,000 บาทต่อเรือน แน่นอนว่าเป็นราคาที่ "สูงมาก" และผมก็ไม่เห็นเหตุผลใดที่จะต้องซื้อนาฬิกาเรือนละ 75,000 บาท เพื่อเอามาแขวนเหนือประตูห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องสูบบุหรี่ หรือห้องน้ำ ผมไม่อยาก "โต้เถียง"  ถึงการสิ้นเปลืองเงินจากผู้เสียภาษี แต่นี่มันมากเกินไป นาฬิกาไซโก้ ราคา 1,500 บาท ก็ใช้แขวนได้ เดินตรงเวลาและทนทาน"
       
       หลังจากนั้น ไม่นาน นาฬิกาโคตรแพงก็เดี้ยง หยุดเดินไปเฉยๆ หลายเรือน สร้างตำนานอื้อฉาวให้เล่าขานต่อเนื่องมาถึงไมค์ไฮเทคแห่งทำเนียบรัฐบาล ณ เวลานี้
       
       หากจะปราบโกงคงต้องฟังข้อคิดจากคนๆ นี้ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น “อยากฝาก คสช.เอาไว้ในคำพูดของลอร์ดแอคตันว่า อำนาจนำมาซึ่งการคอร์รัปชั่น อำนาจที่เบ็ดเสร็จยิ่งทำให้คอร์รัปชั่นได้อย่างไม่จำกัด อยากฝาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าถ้าจะแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นต้องใช้อำนาจเบ็ดเสร็จอย่างผู้นำจีน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเอาตนเองเป็นต้นแบบ ไม่เช่นนั้นหาวิธีแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไปอีกกี่ปีก็ไม่สำเร็จ...."

ASTVผู้จัดการรายวัน    13 กันยายน 2557