ผู้เขียน หัวข้อ: ดีเอสไอประมวลคดีซูโด โยงสถานพยาบาลรัฐ-เอกชน 13 แห่ง  (อ่าน 934 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9803
    • ดูรายละเอียด
ดีเอสไอประมวลผลสอบคดียาแก้หวัด ล็อตนัมเบอร์ส่งซูโดผลิตยาบ้าโยงสถานพยาบาลรัฐ-เอกชน 13 แห่ง ยังไม่พบขรก.ระดับสูงสธ.มีเอี่ยว

พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทร์ขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบโรงพยาบาล ว่า จากข้อมูลการตรวจสอบโรงพยาบาลที่พบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาแก้หวัดจำนวน 12 แห่ง พบว่าขณะนี้มียาแก้หวัดที่มีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีนหายออกไปจากสถานพยาบาลจำนวนกว่า 11,602,514 เม็ด ยาแก้หวัดสูตรน้ำอีก 6,500 ขวด

ส่วนยอดยาที่หายออกจากระบบรักษาพยาบาลทั้งประเทศยังต้องตรวจสอบต่อไป โดยดีเอสไอยังคงเดินหน้าการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อตรวจสอบโรงพยาบาลทั้งรัฐ เอกชน และคลินิก ที่มีความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำงานร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ)และสำนักนิติวิทยาศาสตร์ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบแผงยาแก้หวัดที่คนร้ายนำมาทิ้งไว้ ซึ่งคาดว่าสามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ เพราะนอกจากแผงยาแก้หวัดแล้วยังพบถุงมือและที่แคะยา ซึ่งสามารถตรวจสอบดีเอ็นเอบุคคลได้ พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ลายมือผู้ลงนามสั่งซื้อยา ซึ่งรพ.บางแห่งอ้างว่ามีการปลอมลายเซ็นผอ.รพ.สั่งซื้อยาด้วย

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนคดีซูโดอีเฟดรีน เปิดเผยว่า ดีเอสไอเริ่มต้นการสอบสวนกรณีดังกล่าวจากการพบซองยาและแผงยาจำนวนมากถูกทิ้งไว้ที่กองขยะ ด้านหลังหมู่บ้านธารทิพย์วิลล่า ม. 3 ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับแผงยาและเม็ดยาจำนวนมากทั้งที่ถูกฉีกออกแล้วและที่อยู่ในแผงภายในบ้านเลขที่ 111/1 ม. 2 ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายอุดร การสมพรต มาขอเช่าบ้านพร้อมกับนายสมชัย รักยอดยิ่ง โดยมีการทำสัญญาเช่าเดือนละ 10,000 บาท

โดยนายอุดร เคยถูกให้ออกจากงานเพราะต้องคดียาอีมาแล้วที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ศาลจึงอนุมัติหมายจับนายอุดรและนายสมชัยข้อหาร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ไว้ในครอบครองเกินกว่ากฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนสอบสวนพบว่าการที่ยาหายออกจากระบบทั้งจากรพ.อุดรธานี จ.อุดรธานี รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และรพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด และน่าเชื่อว่าจะมีการนำยาดังกล่าวไปสกัดเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า จากการตรวจยึดยาและแผงยาที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ตำรวจได้พบกล่องยาแก้หวัดและแผงยาแก้หวัดเช่น ซูโดอีเฟดรีน ไวตาเฟด แอ็คติเฟด ไซนูเซด ไตรเฟด และไตรโป จำนวนมาก อีกทั้งยังพบแผงยาแก้หวัดที่ถูกตัดละเอียดแล้วนำไปทำลายพร้อมกล่อง

ซึ่งตรวจสอบพบหลักฐานการส่งผู้รับห้างหุ้นส่วนจำกัด มิราเคิล แฟชั่นเฮ้าส์ และเมื่อตรวจค้นที่หจก.ดังกล่าวพบว่านายอุดร อดีตพนักงานเป็นผู้รับกล่องยาไป ส่วนที่รพ.อุดรธานี พบว่ามียาหายไปประมาณ 7.2 ล้านเม็ด โดยมีนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกรชำนาญการเป็นผู้นำออกไป ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับไว้แล้ว

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธร ทองแสนขัน พบว่ารพ.ดังกล่าวมีการสั่งซื้อยาจำนวน 1.2 ล้านเม็ด แต่ยาไม่เข้าระบบคลังยา แต่ไปพบกล่องบรรจุยาระบุชื่อรพ.ดังกล่าวอยู่ที่บ้านเช่าในเขต ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ. เชียงใหม่ โดยการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทางตำรวจพบว่ามีนายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน เภสัชกรชำนาญการประจำรพ. และนพ.สาโรจน์ ใจนุช ผอ.รพ. มีการกระทำผิดต่อหน้าที่โดยขณะนี้ได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไปแล้ว

แหล่งข่าวจากชุดสอบสวน เปิดเผยต่อว่า ส่วนการสอบสวนรพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ พบยาหายออกจากระบบ 20,000 เม็ด จากจำนวน 90,000 เม็ด ส่วนรพ.นวมินทร์ 1 ตรวจสอบพบว่าบริษัทยาได้แอบอ้างชื่อรพ.สั่งซื้อยากว่า 90,000 เม็ด ก่อนนำไปขายต่อให้ร้ายขายยาหลายแห่ง สำหรับคลินิกเอกชนที่ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงว่าเจ้าของคลินิกเป็นอดีตผอ.รพ.ดอยหล่อ และปัจจุบันเป็นรองผอ.รพ.แห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่ และเป็นข้าราชการระดับ 9 มีการสอบสวนพบว่ามีการสั่งซื้อยาสูตรซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวมากถึง 100,000 เม็ด และเมื่อตรวจสอบสต๊อกยากลับพบว่าเหลือเพียง 4,000 เม็ด

โดยไม่มีการทำรายงานการใช้ยา และเมื่อสอบถามถึงบริษัทที่จำหน่ายยาก็ไม่สามารถตอบได้และไม่มีเบอร์ติดต่อ จึงได้ประสานให้ตำรวจอายัดยาไว้ตรวจสอบต่อไป ดังนั้น จึงสรุปได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการทางสถานีตำรวจทั้ง 3 แห่ง จึงส่งสำนวนให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)สอบสวนแล้ว

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบความเชื่อมโยงการตรวจยึดยาและแผงยาได้ที่อ.สันกำแพง พบว่า ใน รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธ์ พบมียาหายจากรพ. 3.5 แสนเม็ด โดยน.ส.สดชื่น วิโทจิต เภสัชกรประจำคลังยาระบุว่าได้ส่งยาให้นางสุภคนิจ หรือนิจ ศรีพนา เพื่อส่งยาไปที่จ.ร้อยเอ็ด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเอกสารระบุว่ากรณีดังกล่าวมีการให้ผลประโยชน์ข้าราชการระดับสูงและมีการอ้างว่าพบเอกสารเชื่อมโยงไปยังข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข จากการตรวจสอบของดีเอสไอยังไม่พบความเชื่อมโยงดังกล่าว ดังนั้น พฐ. และสถาบันนิติวิทย์ฯจะลงไปตรวจสอบพิสูจน์ลายมือในเอกสารอีกทางหนึ่ง สำหรับที่รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอย.ระบุว่ามียอดการซื้อ 3.7 แสนเม็ด แต่ในระบบของรพ. บันทึกยอดการสั่งซื้อเพียง 1.2 แสนเม็ดเท่านั้น

สำหรับรพ.ฮอด เชียงใหม่ รพ.แจ้งว่ามียอดยาหายออกจากระบบ 20,000 เม็ด เช่นเดียวกับที่รพ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พบว่ามีการแอบอ้างชื่อรพ.สั่งซื้อยาทั้งสูตรเม็ดและน้ำจำนวนมาก นอกจากนี้ในส่วนของรพ.สยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่ พบว่าหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อของรพ.ปลอมลายเซ็นผอ.รพ.สั่งซื้อยาสูตรเดี่ยวซูโดอีเฟดรีนถึง 200,000 เม็ด และสูตรผสมอีก 220,000 เม็ด โดยกรณีนี้พบว่ามีนางเพ็ญศรี ตาเถื่อน ผู้แทนบริษัทยาเอสบีแอล มาติดต่อให้น.ส.นิสสรณ์ พรวัง หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อรพ.สยามราษฎร์ สั่งซื้อยาแก้หวัดสูตรผสมจากบริษัทมิลาโน่ ซึ่งมีน.ส.สุธิณี ทองเที่ยง เป็นผู้แทนบริษัทยามิลาโน่ โดยนางเพ็ญศรีเป็นผู้ออกเงินให้และให้นางนิสสรณ์เป็นผู้ปลอมลายเซ็นให้

สำหรับการตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างล็อตนัมเบอร์ของรพ.ที่ตรวจพบความผิดปกติกรณีการจับกุมยาแก้หวัดล็อตใหญ่มีที่อ.สันกำแพง เมื่อวันที่ 18 ก.พ. พบมีความเกี่ยวเนื่องกันดังนี้
คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี พบ 1.6 แสนเม็ด
คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ พบ 2.3 หมื่นเม็ด
คลินิกแห่งหนึ่งในจ.นครศรีธรรมราช 7.9 หมื่นเม็ด
คลีนิคเวชกรรมแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร 60,000 เม็ด
คลินิกเวชกรรมด้านสูตินารีเวช จ.เชียงใหม่ 1.1หมื่นเม็ด
คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม 1.4 แสนเม็ด
ร้านเภสัชกรแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี ไม่ระบุจำนวน
รพ.นวมินทร์ 1 จำนวน 100,000 แสนเม็ด
รพ.ดอยหล่อ ไม่ระบุจำนวน ทองแสนขัน 2.5 หมื่นเม็ด
รพ.ศูนย์อุดรฯ 7.5 หมื่นเม็ด
คลินิกหู คอ จมูก จ.ชลบุรี 5.2 หมื่นเม็ด และ
คลินิกแพทย์แห่งหนึ่งจ.ลพบุรี 8.1 หมื่นเม็ด


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์  12 เมษายน 2555