ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เผยข้อมูลน่าตระหนก ไทย6แสนคน 'ป่วยจิต' เหมือนแม่มูเซอ  (อ่าน 969 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
รมช.สาธารณสุข เผยพบคนไทยพบผู้ป่วยจิตเภททั่วประเทศเกือบ 6 แสนคน มีทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ เตรียมแผนป้องกันสุขภาพจิตทุกจังหวัด อบรมแพทย์พยาบาล เน้นทำประวัติคนไข้ไม่ให้ขาดยา...

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่โรงพยาบาลสวนปรุง (กรมสุขภาพจิต) ถนนช่างหล่อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข พร้อมนายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้เดินทางมาติดตามและตรวจเยี่ยมอาการของ นางนามไหม จะกู่ อายุ 26 ปี ชาวเขาเผ่ามูเซอ ราษฎร อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่มีอาการป่วยทางจิตฆาตกรรมลูกสาวของตัวเอง พร้อมกับใช้มีดสับเป็นท่อนๆ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น โดยมี นพ.วุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล ผอ.รพ.สวนปรุง เชียงใหม่ นพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รอง นพ.สสจ.เชียงใหม่ นำคณะไปตรวจเยี่ยมคนไข้ในห้องดูแลผู้ป่วย โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปแต่อย่างใด หลังจากนั้นจึงออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ห้องประชุมของโรงพยาบาล

นพ.สุรวิทย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาเยี่ยมผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฆ่าลูกตัวเอง 2 ศพ ขณะนี้เป็นคนไข้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.สวนปรุง จากการเยี่ยมคนไข้มาก่อนหน้านี้ พบว่าขณะนี้อาการของคนไข้เริ่มมีสติสัมปชัญญะที่จะพูดคุยกันรู้เรื่อง ตนได้ทำทีสอบถามว่า คิดถึงลูกไหม คนไข้บอกว่า คิดถึงและรักลูกมาก แล้วย้อนถามไปอีกว่าลูกไปไหน เขาบอกว่ามีคนบอกว่าเขาฆ่าลูกตาย จึงสอบถามไปอีกว่าทราบหรือไม่ว่าได้ทำอะไรกับลูกไป เขาบอกว่าไม่ทราบ แต่ทราบว่าบิดาของเขาสั่งให้ฟันลูก หรือพูดเป็นภาษาเหนือว่า "โบ๊ะลูก" ซึ่งมาทราบภายหลังว่าพ่อเขานั้นเสียชีวิตไปแล้ว

"ถ้าฟังแค่นี้ผมก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นประสาทหลอนว่าบิดาเขาสั่งให้ทำร้ายลูกตัวเอง ซึ่งโดยภาพรวมพบว่าคนไข้ยังมีอาการซึมเศร้าอยู่พอสมควร ซึ่งทางคณะแพทย์ผู้รักษาได้เฝ้าติดตามดูอาการและพฤติกรรมอาการของคนไข้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับรายงานสรุปให้ทางศาลทราบต่อไป" นพ.สุรวิทย์ กล่าว

รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลรักษาคนไข้คนนี้ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ได้หามาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งขณะนี้ทางกรมสุขภาพจิตได้ร่วมกับทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจะให้มีบริการด้านสุขภาพจิตทุกจังหวัด ตั้งแต่โรงพยาบาลศูนย์ประจำตำบล รพ.ชุมชน ประจำอำเภอ และ รพ.ประจำจังหวัด ซึ่งขณะนี้ทางกรมสุขภาพจิตได้มีการเพิ่มคลินิกให้คำปรึกษาในด้านจิตเวชในทุก รพ. 800 กว่าแห่งทั่วประเทศ และเตรียมขยายไปยัง รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล 9,750 แห่งทั่วประเทศ โดยจะให้การอบรมพยาบาลประจำ รพ. ให้มีความรู้ด้านจิตเวช โดยมี อสม.ในชุมชนเฝ้าติดตาม โดยเน้นในเรื่องประวัติของคนไข้ที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชทุกคน ว่าใครบ้างที่ขาดยาจะต้องติดตามพร้อมกับมีประวัติของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคจิตเวชในชุมชนและญาติ โดยจะมีการประสานติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้คนไข้ขาดยา เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

"เชื่อว่าคนไข้รายนี้มีอาการขาดยาร่วม 2 เดือน ทำให้มีอาการกำเริบและมีอาการประสาทหลอน ทางเรามีข้อมูลและประวัติของคนไข้ เมื่อทราบว่าคนไข้ขาดยา ทางกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่รับผิดชอบ สามารถที่จะติดตามหาญาติคนไข้ให้มารับยา ซึ่งก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นมาได้อีก"

นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า ที่น่าเป็นห่วง ขณะนี้พบว่าในประเทศไทย มีคนไทยป่วยเป็นโรค 'จิตเภท' แบบคนไข้รายนี้อยู่ทั่วประเทศเกือบ 6 แสนคน ในจำนวนนี้มีทั้งคนที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ รวมทั้งคนจรจัดด้วย และมีผู้นอนป่วยนอนรักษาตัวใน รพ.ถึง 3 แสนคน ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ออกไปสำรวจและให้ความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ให้เข้ามาสู่ระบบการักษาอาการทางจิตเวชแล้ว

เมื่อถามว่าผู้ป่วยรายนี้ ก่อนที่จะมีอาการป่วยทางจิตเวชเคยเสพยาบ้ามาก่อนใช่หรือไม่ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับคนไข้รายนี้ จากการที่แพทย์ตรวจร่างกายที่มารักษาตัวอยู่ รพ.สวนปรุง ไม่พบว่ามีสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด แต่ประวัติเดิมพบว่าคนไข้เป็นคนไข้จิตเวชของ รพ.ฝาง มาได้ 5 ปีเศษ เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่พบว่ามีประวัติเดิมเท่านั้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่การตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าสาเหตุที่คนไข้รายนี้ก่อเหตุนั้น น่าจะมาจากการขาดยา

ด้านอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า คนไข้รายนี้ เนื่องจากได้กระทำผิดในคดีอาญา ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการผัดฟ้องของชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งตามกฎหมายถือว่าการเจ็บป่วยของคนไข้นั้นจะมีผลต่อรูปคดี เพราะมีกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 65 คนไข้ที่ก่อเหตุลงไปด้วยความไม่รู้ผิดชอบ เนื่องมาจากการเจ็บป่วยทางจิต ก็อาจได้รับการยกเว้นโทษ หรือลดหย่อนโทษ อันนี้ก็แล้วแต่การพิจารณาคดีในชั้นศาล ซึ่งทางคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาจะสรุปผลการรักษาผู้ป่วย รายงานเบิกความต่อศาลต่อไป

ขณะที่ นพ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่ทาง รพ. รับตัวคนไข้มารักษาที่นี่ได้ 6 วัน อาการก็เริ่มดีขึ้น พูดจาตอบโต้กันได้ดีขึ้น ขณะนี้ก็มีปัญหาในเรื่องของอารมณ์ ซึ่งทางแพทย์ได้ให้การรักษาดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิด ส่วนสาเหุตุที่ผู้ป่วยกระทำความผิดนั้น น่าจะมาจากการขาดยาร่วม 2 เดือน ซึ่งคนไข้จิตเวชหากขาดการกินยาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเกิดอาการทางจิตกำเริบขึ้นมาได้ ขณะนี้คนไข้นอกจากอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาช่วยดูแลคนไข้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา.