ผู้เขียน หัวข้อ: เด้งไร้เหตุผล-ได้ไม่คุ้มเสีย ย้าย พ.ต.อ.สังเวย “ม็อบหมอ”  (อ่าน 517 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
สน.พระอาทิตย์
       
        สถานการณ์ของตำรวจ(ไทย)เท่าที่เป็นอยู่ก็ต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมาว่าอุจจาระขึ้นสมองกันทั่วทุกคน หลายรายพากันเข้าเกียร์ว่างไม่อยากจะขยับอะไรกันแล้ว และถ้ามองด้วยความเป็นธรรมกรณีม็อบหมอแม้จะเข้าข่ายล่อแหลม หรืออาจผิดต่อกฎอัยการศึกแต่ในทางปกครองต้องดูถึงเจตนา และพฤติการณ์ต่างๆ ด้วย คล้ายกับกลุ่มที่เคยรวมตัวกันให้กำลังใจนายกฯ ถ้าเถรตรงกันขนาดนั้นมันเข้าข่ายผิดด้วยหรือเปล่า
       
       ตีสามครึ่งวันที่ 20 พ.ค. 2557 หรือประมาณ 10 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้นประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ฉบับที่ 1/2557 เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง มาถึงวันนี้ “ตำรวจ” ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลทหารเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย และที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุดก็คือบรรดาธุรกิจสีเทา อบายมุข ส่วยต่างๆ อันเป็นสาเหตุทำให้สังคมเสื่อมทราม กลายเป็นของต้องห้าม
       
       ไม่ว่าจะเป็นตู้ม้าไฟฟ้า บ่อนการพนันขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก จับหยี่กี หวยปิงปอง โต๊ะพนันบอล หรือการพนันออนไลน์ รวมทั้งบรรดาสถานบริการที่แอบแฝงค้าประเวณีต่างถูกกวดขันอย่างหนัก
       
       จากความอ่อนแอไม่เป็นระเบียบ ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายบางคนกลับฉวยโอกาสนำไปใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินระเบียบ ระบบต่างๆถูกทำลายโดยความร่วมมือระหว่างนักการเมือง และผู้รักษากฎหมายซึ่งก็คือตำรวจนั่นเอง ต้อง
       
       ยอมรับว่า 10 ปีที่ผ่านมานับเป็นยุคทองของอบายมุขทุกชนิด ศักดิ์ศรีของตำรวจ (บางคน) ถูกซื้อได้ด้วยเงิน จนมาถึงปัจจุบันแม้สถานการณ์จะดีขึ้นมากแต่มิได้หมายความว่า “ตำรวจ” ประเภทหนึ่งที่ยังคงคุ้นเคยกับวัฒนธรรมเก่าๆ จะหมดไป พวกนี้ยังไม่เคยลืม “ส่วย” หรือเงินบาปที่มาจากสิ่งผิดกฎหมายโดย
       
       จะเห็นได้ว่า แม้มีการย้ายล้างบางตำรวจสายอำนาจเก่าจนหมดสิ้นไปแล้ว ตำรวจที่เชื่อว่าเป็นพวกน้ำดี สนับสนุนโดยตำรวจดีๆหรือรัฐบาลคนดีก็ยังคงมีพวกน้ำเน่าปะปนเข้ามาจำนวนหนึ่งถึงไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ดังที่เห็นเป็นข่าวคราวถูกเชือด ถูกเด้งแทบไม่เว้นแต่ละวัน
       
       ประเดิมช่วงต้นปีนี้ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผวจ.อุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ปิดปิดล้อมจับซ่องในดงโลกีย์ประจำจังหวัดย่านซอยกิจขยัน หรือซอยเสาไฟแดง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ผลได้สาวลาววัยขบเผาะเกือบครึ่งร้อยคนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 คน และต่อมามีตำรวจจากส่วนกลาง (ปคม.) ไปจับซ่องรั้วหลังชนกับโรงพักสามหมอ จ.อุดรฯ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 จึงตัดสินใจสั่งย้ายด่วน พล.ต.ต.ชัยณัติ สายถิ่น ผบก.จว.อุดรฯกับบรรดา 5 เสือทั้ง สภ.เมืองอดุรฯ และ สภ.สามหมอ
       
       ต่อจากนั้นตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ยังไปตรวจค้นคาราโอเกะแอบแฝงไม่มีชื่อ ตั้งอยู่เลขที่ 177/34-35 ซอยโรงแรมตำหนักดาว ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ตัวสาวลาว 6คนพร้อมสมุดบันทึกเขียนปกด้วยหมึกแดงระบุว่าเป็นสมุด “ชำระค่าบริการของรัฐ” มีรายชื่อตำรวจชั้นประทวน และสัญญาบัตรจำนวนหนึ่งต่อมาวันที่ 31 ม.ค. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.จว.ปทุมธานี กับ 5 เสือแห่งโรงพักธัญบุรี
       
       และยังมีอีกหลายท้องที่ เช่น สภ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ และในกรุงเทพมหานครภายใต้ความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล อีกหลายโรงพัก เช่น สน.บุคคโล และ สน.โชคชัย เป็นต้น
       
       จากส่วยน้ำกามมาถึงคิวบ่อนการพนัน ประเดิมบ่อน ส.ก.อ้วน บางนา จนต้องเด้ง 5 เสือ สน.บางนายกชุด แต่ที่ฮือฮากันมากและถือเป็นจุดจบของความพยายามระหว่างผู้ประกอบการกับตำรวจเลวๆ บางคนที่แอบปิดตาข้างรับส่วยจากขบวนการบ่อนก็คือปฏิบัติการทหารที่จู่โจมคืนเดียวลุยจับ 3 บ่อนรวดเหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาท้องที่ สน.บางเขน สน.โคกคราม และ สน.ลาดพร้าว ซึ่งนอกจากจะสั่งเด้ง 5 เสือตำรวจท้องที่แล้วยังลามไปถึงระดับผู้การอีกสองพระหน่อ คือ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 เพื่อนคนสนิท นรต.35 ของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล ผบช.น.และพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.น.4 เพื่อนคนสนิท พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ที่สังคมทราบกันดีว่าทั้ง นรต.35 และ 36 คือขั้วอำนาจสำคัญในยุคตำรวจลายพราง หรือยุค ทหารคืนความสุขก็ยังไม่อาจพ้นกฎเหล็กที่ตั้งเอาไว้
       
       เฉพาะ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 เจอเด้งที่สองจากการบุกเข้าตรวจค้นบ่อนเตาปูน ในวันต่อมาซึ่งก่อนหน้ามีศึกวิวาทะระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงผบ.ตร.กับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล นายตำรวจคนดังเรื่องความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับบ่อนอมตะดังกล่าว แต่ ผบ.ตร.โต้กลับไปเพราะเชื่อข้อมูลที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานมาว่าบ่อนแห่งนั้นได้ปิดตัวลงนานแล้วเมื่อไปตรวจก็พบแต่ยักไย่ ฝุ่นจับเขรอะแต่เมื่อกำลังทหารที่ไปตรวจค้นแม้ไม่ได้ตัวนักพนันแต่ของกลางต่างๆไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนพกหลายกระบอก ไพ่กว่า 1 พันสำรับและอื่นๆย่อมเป็นสัญญาณที่ดีว่าบ่อนแห่งนี้เปิดหรือปิดซึ่งจนถึงวันนี้แม้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหณกุล ผบช.น.พยายามโน้มน้าวให้เห็นว่าลูกน้องของตนทำหน้าที่ถูกต้องและขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงแต่ พล.ต.อ.สมยศ ยังคงยืนกรานให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงจากจเร ตำรวจให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
       
       จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทั้งบรรดานายทุนธุรกิจสีเทา และตำรวจบางคนที่ยังกระหายส่วยต่างพากันล้มเลิกความตั้งใจอย่างฉับพลันเพราะทหารยังคงเอาจริง จะเห็นจากการปราบปรามอย่างต่อเนื่องแต่ก็มีข่าวบางกระแสระบุว่าในบางพื้นที่เช่นกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 อันเป็นพื้นที่ของนักการเมืองชื่อดังยังคงมีตำรวจกล้าตายบางโรงพักรู้เห็นเป็นใจกับนายทุนสีเทาเปิดบ่อนท้าทายกฎอัยการศึก และกฎเหล็กของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
       
       เช่นบ่อนจับหยี่กี แม่อวบ สน.ภาษีเจริญ และอีกหลายแห่งรวมไปทั้งพื้นที่ต่างจังหวัดเช่น จ.ขอนแก่น สภ.เมือง มีบ่อนออนไลน์บาคาร่ารอบๆศูนย์การค้าแฟร์รี่ กว่า 30 จุด จ.นครราชสีมา สภ.โพธิ์กลาง มีบ่อนโต๊ะบอลกว่า 20 โต๊ะโดยตั้งอยู่รอบๆตลาดเซฟวัน
       
       นี่คือข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในหมวดหมู่ตำรวจกล้าตาย...กล้าแอบรู้เห็นเป็นใจกับสิ่งต้องห้ามที่ทราบกันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รังเกียจที่สุด ดังนั้นเมื่อถูกจับได้ไล่ทันชะตากรรมตั้งแต่การถูกสั่งย้าย หรืออาจร้ายแรงไปจนถึงสำรองราชการย่อมเป็นสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนต้องยอมรับ
       
       หรือแม้แต่การสั่งย้าย พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรีผบก.จว.นครราชสีมา กับ พ.ต.อ.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เรื่องบิดเจตนาตั้งด่านความมั่นคงมาเป็นด่านจราจรเพิ่มยอดค่าปรับหาเปอร์เซ็นต์เข้ากระเป๋า ก็มีแต่เสียงตอบรับในทางบวกอย่างอื้ออึงเพราะปัจจุบันด่านกวดขันวินัยการจราจรประเภทนี้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึง จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล สมค่ากับคำขวัญของ ผบ.ตร.ที่ต้องการให้ตำรวจเป็นที่รักของประชาชน
       
        อย่างไรก็ตาม กฎเหล็กด้วยการย้ายง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับ 5 เสือหรือล้ำไปจนถึงระดับผู้บังคับการ หากใช้กันบ่อยๆ ใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อและดูไม่สมเหตุสมผลก็อาจจะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจจนเกิดผลเสียต่อส่วนรวมง่ายๆ
       
       กรณีที่ว่าก็คือ คำสั่งของ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบภ.1 ย้าย พ.ต.อ.พุฒิพัฒน์ วรรธน์จิรัฐ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ด้วยเหตุไม่เข้าไปดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยม็อบ “หมอ”ที่มารวมตัวกันกว่า 500 คนเพื่อให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถูกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้ไปประจำสำนักนายกฯ
       
       แม้การสอบสวนในเบื้องต้นจะพบว่าในวันเวลาดังกล่าวที่มีการชุมนุมฯ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี มิได้ลงพื้นที่และยังยอมรับว่าไม่ทราบว่าจะมีการรวมตัวดังกล่าว แต่ในฐานะผู้บังคับบัญชาฯหากจะมีความผิดกันแล้วก็ต้องฝนตกให้ทั่วฟ้าไปเลยคือฝ่ายสืบสวนทั้งหมดตั้งแต่สารวัตร รอง ผกก. ผกก.และผบก.หรือสืบภาค
       
       การเฉพาะเจาะจงแถมยังให้ พ.ต.ท.พิเชียรยศ อรุณพันธ์กุล รอง ผกก.สส.จว.สระบุรี ย้ายข้ามจังหวัดมารักษาการ ท่าน “นวยทนได้” กินยาลืมเขย่าขวดหรือ?
       
       สถานการณ์ของตำรวจ (ไทย) เท่าที่เป็นอยู่ก็ต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมาว่าอุจจาระขึ้นสมองกันทั่วทุกคน หลายรายพากันเข้าเกียร์ว่างไม่อยากจะขยับอะไรกันแล้ว และถ้ามองด้วยความเป็นธรรมกรณีม็อบหมอแม้จะเข้าข่ายล่อแหลม หรืออาจผิดต่อกฎอัยการศึกแต่ในทางปกครองต้องดูถึงเจตนา และพฤติการณ์ต่างๆ ด้วย คล้ายกับกลุ่มที่เคยรวมตัวกันให้กำลังใจนายกฯ ถ้าเถรตรงกันขนาดนั้นมันเข้าข่ายผิดด้วยหรือเปล่า
       
       อีกทั้งข้าราชการกว่า 500 ชีวิตและอีกเกินครึ่งก็คือม็อบนกหวีด หรือ กปปส.ในอดีต พวกเขามีวุฒิภาวะพอคำสั่งย้ายที่อาจจะมองอีกทางว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นการปลุกให้ตำรวจลายพรางภายใต้การนำของทหารต้องตื่นตัวอยู่เสมอ วิธีคิดแบบนี้มันได้หรือเสีย ตื่นตระหนกกันจนเกินเหตุ หรือเปล่าล้วนเป็นคำถามที่ระดับเบื้องบนต้องนำไปตรึกตรอง
       
       หรือว่าย้ายเพื่อเอาใจนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนออกคำสั่งย้ายปลัดกระทรวงสาธารณะสุข
       
        ทั้งที่จริงแล้วนี่คือสิทธิพื้นฐาน เป็นการแสดงออกในพื้นที่เฉพาะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครอีกทั้งคู่กรณีจริงๆก็คือ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข มิใช่รัฐบาล-คสช.หรือกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์
       
       และขออย่ายกตัวอย่างกรณีกระตั้วแทงเสือที่ขอนแก่น มาเทียบเคียง
       
       เพราะเรื่องนั้นมันส่อถึงความหละหลวม ถึงขั้นบกพร่องต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยท่านผู้นำ เพราะทราบกันดีว่าเป็นพื้นที่เช่นไร แต่ม็อบหมอครั้งนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่นอกจากการแสดงออกเพื่อให้สังคมรับรู้ปัญหา หรือถ้ามองว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารประเทศให้รับฟังข้อมูลรอบด้านก็สามารถทำได้ไม่น่าเสียหายอะไร
       
       ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรง งานนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.คงปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้จะว่าก้าวก่ายก็ต้องยอมเพราะสิ่งแรกที่ตำรวจทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมในห้วงเวลานี้ก็คือขวัญกำลังใจที่นับวันจะเหือดหายลงไปทุกทีๆ ท่านจึงควรรีบดับไฟก่อนจะลุกลามเป็นแฟชั่นกันไปเรื่อยๆ
       
       ขอย้ำว่า 10 เดือนภายใต้กฎอัยการศึก ผบ.ตร.ต้องรู้ถึงความในใจ รู้ไปถึงก้นบึ้งของความรู้สึกตำรวจทุกคนว่าชีวิต ศักดิ์ศรี ความเป็นอยู่เขาเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
       
       แค่หวังเพียงให้ประชาชนรักยังไม่พอ การครองใจลูกน้อง การเป็นผู้บังคับบัญชาที่ครบเครื่องมีทั้งพระเดชพระคุณ ยังคงใช้ได้ทุกสมัย ผลที่ได้ก็คือความสำเร็จขององค์กรและแน่นอนชาวบ้านย่อมได้อานิสงส์จากการตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทุกๆ นายไปด้วย


ทีมข่าวอาชญากรรม 16 มีนาคม 2558
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000030258