ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เดินหน้าพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนตั้งเป้า!!ไทยต้องผลิตวัคซีนใช้เองได้  (อ่าน 1019 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
วัคซีน เป็นเครื่องมือทางสาธารณสุขที่สำคัญในการควบคุมป้องกันโรค ช่วยลดอัตราการเกิดโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ ทำให้คนมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ ทั้งโรคติดต่อ โรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ โรคปกติที่พบเจอในปัจจุบัน อย่างเช่น โรคมะเร็ง หรือ โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ และอีกหลาย ๆ โรคที่คาดว่าจะมีการระบาดทั่วโลกก็สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าการได้รับวัคซีนนับเป็นแนวทางในการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่สำคัญ เป็นวิธีการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มทุนสูง เพราะถ้าไม่มีวัคซีน ประชาชนอาจต้องพิการและเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหรือติดเชื้อที่รุนแรงหลาย ๆ ชนิด ซึ่งโรคบางโรค ยาปฏิชีวนะก็ไม่สามารถรักษาได้ หรือยาปฏิชีวนะอาจจะฆ่าเชื้อโรคได้แต่ไม่สามารถแก้ไขความพิการที่เกิดขึ้นได้ ในอดีตประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้ 8–9 ตัว จนเป็นที่ศึกษาดูงานของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าระยะเวลาที่ผ่านมา การพัฒนาวัคซีนเพื่อการพึ่งตนเองของประเทศไทยยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร วัคซีนที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศ ปัจจุบันเหลือแค่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีและวัคซีนป้องกันวัณโรค ซึ่งเป็นวัคซีนที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีพื้นฐานเท่านั้น รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศวาระแห่งชาติด้านวัคซีนและกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติขึ้น เพื่อผลักดันศักยภาพด้านวัคซีนของประเทศไทย

ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนค่อนข้างสูง มีบุคลากรที่ทำงานด้านวัคซีนในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนค่อนข้างมาก แต่ยังขาดการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนอย่างจริงจัง ขาดการประสานผลักดันและการบริหารจัดการงานด้านวัคซีนแบบครบวงจร ขาดปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ เช่น โรงงานผลิตวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรม สถานที่เลี้ยงสัตว์ทดลองที่จำเป็น ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนที่ทันสมัย ขาดแคลนบุคลากรด้านวัคซีนทุกระดับ และการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ อย่างจริงจัง

“กรมควบคุมโรคได้มีคำสั่งจัดตั้ง “สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” ขึ้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 53 เพื่อเดินหน้าวาระแห่งชาติด้านวัคซีนของประเทศไทยตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ “สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” เป็นหน่วยงานกลางด้านวัคซีน ทำหน้าที่ในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันศักยภาพด้านวัคซีนของประเทศไทยที่มีอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย หรือบริษัทวัคซีนในประเทศไทย ให้ร่วมมือกันในการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปี 2548 ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วและให้ดำเนินการต่อไปได้ และจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาจัดตั้งเป็นองค์กรมหาชนในเร็ว ๆ นี้ เพื่อขับเคลื่อนงานการพัฒนาวัคซีน และผลักดันโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ตั้งเป้าให้ประเทศ

ไทยสามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลให้ได้อย่างน้อย 9 ชนิด ให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ สามารถพัฒนาประเทศก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้นำด้านวัคซีนของภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีนและสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว

ดร.นายแพทย์จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่าภารกิจสำคัญของ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขณะนี้ก็คือการเดินหน้าวาระแห่งชาติด้านวัคซีนของประเทศไทย ด้วยการดำเนินโครงการที่สำคัญหลายโครงการ ได้แก่ โครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัคซีนโดยหน่วยงานกลางแห่งชาติด้านวัคซีน โครงการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนแบบครบวงจร โครงการพัฒนาโครงสร้างที่จำเป็น โครงการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีน และได้ขอความร่วมมือกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งมหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการรับเป็นหน่วยงานจัดการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนอย่างเป็นระบบรองรับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามวาระแห่งชาติด้านวัคซีน โดยในขั้นต้นได้จัดทำโครงการฝึกอบรมระยะสั้นในการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนให้มีความรู้ ความสามารถในการผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีน เป็นการเริ่มต้นสร้างความร่วมมือกัน ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ที่ปฏิบัติการตามหน่วยงานต่าง ๆ เข้าอบรมร่วมกันจากหลายหน่วยงาน เพื่อฝึกปฏิบัติการผลิตวัคซีนเบื้องต้นและการควบคุมคุณภาพวัคซีนให้ได้มาตรฐานสากล และยังหวังไปถึงการส่งออกวัคซีนไปช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกอีกด้วย

ด้าน รศ.ดร.วงศ์วิวัฒน์ ทัศนียกุล คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า วัคซีนถือว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังทางการแพทย์ ที่สามารถใช้ป้องกันโรคติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีโรคติดเชื้อเกิดใหม่จากไวรัสหรือแบคทีเรียต่าง ๆ วัคซีนถือเป็นยาชนิดหนึ่งแต่เป็นยาที่ได้จากแหล่งกำเนิดที่เป็นชีวะวัตถุ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากสารเคมีในเรื่องของวิธีการ กระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพ เพราะเป็นสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติจะมีความแปรปรวนและหลากหลายได้ง่าย จึงจำเป็นต้องอาศัยผู้รู้และห้องปฏิบัติการที่มีขีดความสามารถสูง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านวัคซีน มีความพร้อมทางด้านห้องปฏิบัติการ และได้ร่วมมือกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติจัดทำโครงการฝึกอบรมระยะสั้นในการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีน ให้มีความรู้ ความสามารถในการผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีน ด้วยการจัดการฝึกอบรมหลักสูตร “การผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีนจากไวรัสไข้หวัดใหญ่” ขึ้นเมื่อวันที่ 11–22 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา โดยใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิดเชื้อเป็นและเชื้อตายเป็นตัวอย่างในการศึกษา ซึ่งโครงการนี้นับว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการเดินหน้าพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศ

น.ส.ดาราพร พิทยขจรวุฒิ นักวิจัยจากบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย หนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร “การผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีนจากไวรัสไข้หวัดใหญ่” กล่าวว่า การได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอบรมสัมมนาครั้งนี้ ที่จัดขึ้นโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นผลดีต่อการดำเนินงานด้านวัคซีน และในแง่ของประชาชนทั่วไป การอบรมในครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวมของประเทศต่อไป...