แพทย์เปิดผลศึกษาชายไทยอายุระหว่าง 40-70 ปีมีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงถึง 42% ขณะนี้ได้พัฒนาสมุนไพรที่หาได้ในประเทศ ทำเป็นยาเสริมสมรรถภาพสำเร็จ
กรุงเทพฯ * ตะลึง ชายไทย 42% นกเขาไม่ขัน พบอายุ 35 ปีขึ้นไปก็มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แพทย์ไทยเผยผลงานวิจัยกลุ่มยาสมุนไพรจีนหลายชนิดช่วยอวัยวะเพศแข็งตัวปึ๋งปั๋ง คิดค้นสูตรเฉพาะเพิ่มสมรรถภาพทางเพศทดแทนนำเข้ายาไวอะกร้าจากต่างประเทศ หลังทดลองกับผู้ป่วยแล้วเห็นผล ไร้อาการข้างเคียง
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นพ.สรรชัย วิโรจน์แสงทอง ศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนวัตกรรม ซีไออาร์ดี ศูนย์วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสมุนไพรตะวันออก เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่า ชายไทยอายุระหว่าง 40-70 ปี พบภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) หรือนกเขาไม่ขัน 42% ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาการเล็กน้อยจนถึงรุนแรง วิธีการรักษาในปัจจุบันมีการใช้ยาสังเคราะห์ในการบำบัด ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาแพง รวมทั้งมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นจึงได้นำเอาภูมิปัญญาด้านศาสตร์สมุนไพรมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้ได้คุณสมบัติของสมุนไพรที่เชื่อถือและปลอดภัย โดยร่วมมือกับนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการศึกษาวิจัยกลุ่มยาสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว ขณะนี้ผ่านขั้นตอนการวิจัยทางคลินิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นพ.สรรชัยกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการวิจัยกลุ่มยาสมุนไพรตะวันออกเป็นการแพทย์ทางเลือก ในการป้องกันและรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทดแทนการใช้ยาเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ ตัวยาสมุนไพรที่สำคัญ เช่น เขากวาง, สอเอี้ยง, อิมเอี้ยคัก, เม็ดเก๋ากี้, ปาเก็กเทียน, เก้ากุ๊กเฮี้ยง, เน็กฉ่งยัง เป็นต้น ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่มีรายงานการวิจัยสรรพคุณทางวิชาการเผยแพร่ในระดับนานาชาติ โดยนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ แล้วทดสอบกับผู้ป่วยจำนวน 60 ราย ด้วยการให้รับประทานยาจริงและยาหลอก ผลการทดลองพบว่า ช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ป่วยโดยไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ ขณะนี้ได้จดสิทธิบัตรสูตรยาสมุนไพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยโดยตรง และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ในที่สุด แต่ที่จริงแล้วพบได้ในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าสมรรถภาพทางเพศส่วนมากขึ้นกับอายุ สาเหตุของอวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวไม่เต็มที่ขณะมีเพศสัมพันธ์เกิดได้หลายปัจจัย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.ภาวะทางกายภาพ ได้แก่ โรคเบาหวาน ทำให้เส้นเลือดเสื่อม ไม่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศ และ 2.ภาวะจิตใจ เช่น ความเครียดกังวล นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสภาพร่างกายไม่พร้อม เพราะทำงานหนักเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งจะมีผลทำให้การผลิตฮอร์โมนเพศชายลดลง
"ปัจจุบันมีการใช้ยาสังเคราะห์ในกลุ่ม PDE5-Inhibitor เพื่อรักษาอาการดังกล่าว เป็นยาเคมีที่มีอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ในระดับสูง เช่น ความดันโลหิตต่ำ ปวดศีรษะ คัดจมูก อีกทั้งยากลุ่มนี้มีราคาสูง หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงก็ต้องใช้วิธีการฉีดยาและการผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน" นพ.สรรชัยเผย
ส่วนการวิจัยทางคลินิกได้ดำเนินการที่ห้องทดลองจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคัดเลือกผู้ป่วยที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง อายุ 35 ปีขึ้นไป พบว่า ผู้ป่วยมีภาวะการแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น โดยใช้เวลาทดสอบประมาณ 1 ปี เสร็จสิ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ กลุ่มยาสมุนไพรที่วิจัยขึ้นมาไม่ใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือผู้มีภาวะหลั่งเร็ว เพราะสรรพคุณของยาตัวนี้ คือ ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้นและบำรุงร่างกาย เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
ด้านนายสุเมธ นิรเพียรนันท์ ผู้พัฒนาสูตรยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว กล่าวว่า สมุนไพรจีนเหล่านี้มีฤทธิ์ร้อน ช่วยให้เลือดในร่างกายสูบฉีดและไหลเวียนดีขึ้น ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว ยกตัวอย่างสรรพคุณสมุนไพรที่มีรายงานวิจัยอย่างเป็นทางการ เช่น เขากวาง ช่วยบำรุงเลือด, สอเอี้ยง ช่วยบำรุงไต, อิมเอี้ยคัก ซึ่งเป็นพระเอกของกลุ่มยาสมุนไพรสูตรนี้ ช่วยในเรื่องการขยายหลอดเลือด ในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรปและจีน นำไปใช้เป็นส่วนประกอบตัวหลัก, เม็ดเก๋ากี้ ที่ใช้ต้มยาในบ้านเรา ช่วยบำรุงร่างกาย, เน็กฉ่งยัง ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเชื้ออสุจิ นอกจากนี้ยังมีดอกคำฝอย ซึ่งช่วยขับปัสสาวะและเหงื่อเพื่อไม่ให้ตัวยาตกค้างในร่างกาย
"กลุ่มยาสมุนไพรนี้ผลิตขึ้นในประเทศไทย และต้องการให้คนไทยหันกลับมาใช้สมุนไพรในการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ทดแทนการซื้อยาไวอะกร้า รวมทั้งยาปลอมที่มีผลอันตรายต่อสุขภาพ และในอนาคตจะมีการวิจัยสมุนไพรพื้นบ้านในประเทศไทยต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือกวิจัยสมุนไพรจีน เพราะมีสรรพคุณสำคัญต่อสมรรถภาพทางเพศดีกว่าสมุนไพรไทย" นายสุเมธกล่าวในที่สุด.
ไทยโพสต์ 31 สิงหาคม 2554