จากผู้สมัครรับเลือกตั้งแพทยสภา จำนวน 117 คน เพื่อชิงเก้าอี้กรรมการแพทยสภาจำนวน 30 ที่นั่ง
มี 5 กลุ่มที่รวมตัวกันส่งผู้สมัครในนามกลุ่ม กับผู้ที่สมัครอิสระ
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้
อันดับ 1 ชมรมแพทย์อาสา ได้มา 10 ที่นั่ง จากการส่งผู้สมัคร 22 คน (อัตราความสำเร็จ 45%)
อันดับ 2 ชมรมแพทย์เพื่อวิชาชีพแพทย์ ได้มา 9 ที่นั่ง จากการส่งผู้สมัคร 25 คน (อัตราความสำเร็จ 36%)
อันดับ 3 กลุ่มเพื่อนแพทย์ ได้มา 8 ที่นั่ง จากการส่งผู้สมัคร 11 คน (อัตราความสำเร็จ 73%)
อันดับ 4 กลุ่ม CHANGE ได้มา 2 ที่นั่ง จากการส่งผู้สมัคร 21 คน (อัตราความสำเร็จ 10%)
มีผู้สมัครอิสระหลุดมาได้ คนเดียว ได้ 1 ที่นั่ง (นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์)
น่าเสียดายสำหรับกลุ่มพลังแพทย์ที่ส่งผู้สมัคร 29 คน หลุดหมด ไม่ได้เก้าอี้เลย
ถ้าแยกแยะผู้สมัครตามสถานที่/สถาบัน/องค์กรที่ปฏิบัติงาน พบว่า
ผู้สมัครที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนแพทย์/มหาวิทยาลัย ได้มา 17 ที่นั่ง (จากการสมัคร 43 คน)
ถัดมา คือ แพทย์เกษียณ/อาวุโส ได้ 5 ที่นั่ง (จากการสมัคร 12 คน)
ถัดมา คือ แพทย์ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มา 5 ที่นั่ง (จากการสมัคร 26 คน)
ส่วนแพทย์จากโรงพยาบาล/คลินิกเอกชน ได้มา 2 ที่นั่ง
ส่วนแพทย์สังกัดกระทรวงกลาโหม/ตำรวจ ได้มาเพียงที่นั่งเดียว คือ พลอากาศตรี นพ.อิทธพร คณะเจริญ
ช่วงอายุสำหรับผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการแพทยสภาในชุดนี้
ช่วงอายุ 50-59 ปี ได้มา 8 ที่นั่ง (จากการส่งผู้สมัคร 41 คน)
ช่วงอายุ 60-69 ปี ได้มา 8 ที่นั่ง (จากการส่งผู้สมัคร 32 คน)
ถัดไป คือ ช่วงอายุ 70-79 ปี ได้มา 6 ที่นั่ง (จากการส่งผู้สมัคร 15 คน)
ส่วนช่วงอายุ 30-39 ปี ได้มา 4 ที่นั่ง และ 40-49 ปี ได้ 3 ที่นั่ง
ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งที่มีอายุมากที่สุด (80 ปี) คือ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งที่มีอายุน้อยที่สุด (34 ปี) คือ นพ.ศุภฤกษ์ ถวิลลาภ