ผู้เขียน หัวข้อ: อังกฤษหนุนนโยบายนักท่องเที่ยวซื้อประกันสุขภาพก่อนเดินทางเข้าไทย  (อ่าน 759 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   9 มีนาคม 2556 12:51 น.   

   


       อังกฤษหนุนนโยบายไทยให้นักท่องเที่ยวเมืองผู้ดีซื้อประกันสุขภาพการเดินทางก่อนเข้าไทย เพื่อความสะดวกในการรักษาพยาบาล เผยสนใจวิจัยร่วมกันเชิงเทคนิควัคซีนมะเร็งปากมดลูก
       
       นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังให้การต้อนรับนายมาร์ค แอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนท์ (H.E. Mr. Mark Andrew Geoffrey Kent) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยและคณะ ว่า ตนได้มีการหารือความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักร เกี่ยวกับกลไกการเฝ้าระวังโรคติดต่อ การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ จุดยืนของ สธ.เกี่ยวกับเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ยุโรป และการดูแลสุขภาพคนต่างด้าว
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับการดูแลสุขภาพคนต่างด้าว สธ.มีแผนรองรับในอนาคตเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่อยู่ตามชายแดน โดยเรียกเก็บเงินเป็นรายครั้ง เพราะหากขายประกันสุขภาพจะมีความเสี่ยงสูง 2.กลุ่มแรงงานต่างด้าวและผู้ติดตาม จะขายประกันสุขภาพในราคาถูก และกลุ่มผู้ลี้ภัย เช่น ชาวโรฮิงญา รัฐบาลไทยจะให้การดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามหลักมนุษยธรรม โดยจัดระบบการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคด้วย และ 3.กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยรัฐบาลอังกฤษได้เห็นด้วยกับนโยบายที่ สธ.จะให้มีการซื้อประกันสุขภาพการเดินทาง (Travel Insurance) เพื่อความสะดวกในการรักษาพยาบาล และลดภาระค่าใช้จ่ายของสถานทูตอังกฤษที่ต้องให้การดูแลหากเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างอยู่ในประเทศไทย โดยสหราชอาณาจักรยินดีที่ไทยได้มีการรณรงค์การสวมหมวกกันน็อกในผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรยังมีการประชาสัมพันธ์การสวมหมวกกันน็อกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอีกด้วย
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุชาวอังกฤษที่มาพำนักอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพในไทย สธ.จะส่งเสริมให้ซื้อประกันสุขภาพของภาคเอกชนหรือภาครัฐ โดยอัตราค่าประกันสุขภาพของภาครัฐในกลุ่มผู้สูงอายุ จะแตกต่างจากผู้ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยสูง จึงต้องปรับอัตราเบี้ยประกันต่างกันให้เหมาะสมตามความเสี่ยงทางสุขภาพที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรยังได้กล่าวถึงความสนใจในการวิจัยร่วมกันเชิงเทคนิคของวัคซีนมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยด้วย