แพทยสภา (ตอนที่ 2) (พินิจ-พิจารณ์)
ผมปวดหัวและกลุ้มใจมากที่พอเป็นกรรมการแพทยสภาวาระแรก ก็ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการทันที ผมไม่กลัวเรื่องทำงานหนัก แต่กลัวไม่มีความรู้ที่จะทำหน้าที่สำคัญนี้ให้ดี สมกับที่ท่านนายกและกรรมการท่านอื่นๆ (รวมทั้งประชาชน) กรุณามอบความไว้วางใจให้ แน่ละผมถือเป็นเกียรติ เป็นตำแหน่งที่สูงสุดในชีวิตตอนนั้น ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะตำแหน่งนี้ดูแลแพทย์และประชาชนทั้งประเทศ!
แต่ผมเป็นคนขยัน เป็นคนสู้ คุณพ่อ(พล.ต.อ.พิชัย กุลละวณิชย์)สอนไว้เสมอว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น และผมเป็นคนช่างคิด วางแผน(เช่นคุณพ่อสั่งให้เป็นหมอ ทั้งๆที่ผมอยากเป็นตำรวจ ผมจึงไปวางแผนจนได้เรียนแพทย์ โดยคุณพ่อหรือใครๆก็ตาม ไม่ได้ช่วยผมคิดเลย ต่อมายังวางแผนการสอบ MRCP หรือ Board Medicine ของอังกฤษ ตามที่คุณพ่อสั่งอีก(!) ซึ่ง 100 คนสอบจะผ่านเพียง 30 คนในสมัยนั้น
ผมจึงมาคิด หาข้อมูล วางแผนว่า จะทำอย่างไร ผมจึงจะเป็นเลขาธิการแพทยสภาที่ดี ที่ทำให้ทั้งแพทย์ ประชาชน NGO และรัฐบาล พอใจผลการทำงาน พูดง่ายๆว่า ทำให้มี win-win situation สำหรับประชาชน และแพทย์ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย รัก เคารพ ศรัทธาซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพราะแพทย์จะอยู่โดยไม่มีประชาชนไม่ได้ และประชาชนก็ต้องมีแพทย์
เหตุผลที่ได้เป็นเลขาฯคงเป็นเพราะผมเคยเป็นรองคณบดีที่จุฬาฯ นายกสมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย, ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, สอนวิชาแพทย์ และการสร้างเสริมสุขภาพ อาหาร ออกกำลังกาย พฤติกรรมต่างๆสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีทั่วประเทศ ปีละ 20-30 ครั้ง โดยไม่ได้ทำคลินิกส่วนตัวหรือทำที่โรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่อายุ 38 ปีตอนเป็นรองคณบดี และยังเป็นประธานมูลนิธิแพทย์เพื่อประชาชนรวม 4 ปีอีกด้วย ซึ่งหลักการคือ เชิญแพทย์ที่มีความรู้ ที่สามารถพูดสื่อกับประชาชนได้ดี ที่ไม่เป็นนักธุรกิจการแพทย์(มากเกินไป)มาบรรยายให้ประชาชนฟังฟรี 70 ครั้งๆ ละ 500-1,000 คน ซึ่งผมต้องไปพูดเปิด และปิดทุกครั้ง จนเป็นที่รู้จักพอสมควรของสื่อมวลชน
ผมมีเวลาบ้างก่อนจะเริ่มงานจริงๆ จึงไปหาข้อมูลด้วยการดู พรบ.แพทยสภา 2525 ซึ่งผมไม่เคยอ่านมาก่อน และได้ไปหาท่านเลขาธิการตอนนั้นคือ ท่าน ศ.นพ.ประมวล วีรุตมเสน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จุฬาฯ เป็นอาจารย์ทางสูตินรี ที่ผมเคยทำงานด้านต่างๆกับท่านมาบ้าง ก็คุยถึงงาน หน้าที่ ผมถามท่านบางประเด็น เช่น ให้ความรู้ประชาชนบ้างหรือไม่ ออกไปเยี่ยมแพทย์ต่างจังหวัดบ้างหรือไม่ มีประชุมผู้บริหารแพทยสภา นอกเหนือจากประชุมประจำเดือนทุกวันพฤหัสที่ 2 หรือไม่ ฯลฯ คำตอบทั้งหมดคือ ไม่ (เท่าที่ผมจำได้เพราะนี่ก็ 8 ปีมาแล้ว) ไม่ไปเยี่ยมแพทย์เพราะไม่มีงบฯและไม่มีเวลา ฟังดูคล้ายๆ ท่านทำงานอยู่คนเดียวในฐานะเลขาธิการ
จาก พรบ.แพทยสภา พ.ศ.2525 ซึ่งถือเป็นคู่มือของแพทยสภา เป็นคัมภีร์ ผมอ่านทั้งเล่มอย่างรวดเร็ว แต่ประเด็นที่คิดว่าสำคัญที่สุดอยู่ที่มาตรา 7 ซึ่งอยู่ในหมวด 1 โดยแพทยสภามีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) ควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
(2) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพในทางการแพทย์
(3) ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
(4) ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข
(5) ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
(6) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
ถ้าท่านอ่านให้ดี อ่านแล้วอ่านอีก นำทั้ง 6ข้อมายำ พอที่จะสรุปได้ว่า แพทยสภามีหน้าที่ดูแล "ความดี" และ "ความเก่ง (วิชาการ)" ของคุณหมอทั้งหลาย ผมจึงถือเอาทั้ง 6 ข้อเป็นแนวทางการทำงาน
โอกาสหน้าจะขอเล่าการทำงานของผมต่อไป
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
สมาชิกวุฒิสภา