ผู้เขียน หัวข้อ: “ ไวรัสระบบลมหายใจสายพันธุ์หายากที่ไม่มีวัคซีนรักษา” ระบาดทั่วอเมริกา  (อ่าน 477 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9790
    • ดูรายละเอียด
 เอเจนซีส์ - หลังจาก EV-D68 หรือ เอ็นเทอโรไวรัส 68 (enterovirus 68) ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจชนิดหายาก และยังไม่มีวัคซีนรักษา ทำให้เด็กอเมริกันแถบมิดเวสต์จำนวนนับร้อยต้องถูกส่งเข้าโรงพยาบาลอย่างกระทันหันตั้งแต่เริ่มต้นระบาดเมื่อวันที่ 8 กันยายน ล่าสุดมีการยืนยันพบการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ระบาดเพิ่มอีก10 รัฐ เริ่มตั้งแต่รัฐนิวยอร์กไปจนถึงรัฐแอละแบมา และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯเชื่อว่าอาจมีผู้ป่วยติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการในรัฐอื่นอีก ทั้งนี้โรคEV-D68 มักพบในเด็กและมีอาการคล้ายไข้หวัดแต่มีอาการรุนแรงมากกว่า
       
       หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้(15)ว่า พบการระบาดของEV-D68 หรือเอ็นเทอโรไวรัส 68 ( enterovirus 68) ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจชนิดหาพบได้ยากในรัฐอื่นๆนอกจากแถบมิดเวสต์ที่ส่งผลให้เด็กนับร้อยต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา
       
       รัฐนิวยอร์กและรัฐแอละแบมาถือเป็น 2 รัฐล่าสุดที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ เมื่อวานนี้(15)แผนกสาธารณสุขประจำรัฐแอละแบมาได้ออกมายืนยันการพบ 4 ตัวอย่างจากทั้งหมด 6 ตัวอย่างที่ถูกส่งมาจากโมบิล เคาน์ตีมีผลบวกติดเชื้อ หลังจากก่อนหน้านี้แผนกสาธารณสุขประจำรัฐนิวยอร์กออกมายืนยันในวันศุกร์(12)พบเด็กชาวนิวยอร์กหลายสิบคนล้มป่วยด้วยไวรัส EV-D68
       
       และสื่อสหรัฐฯยังรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้(15)มีการยืนยันจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (CDC) พบผู้ป่วยติดเชื้อในเพิ่มอีก 10 รัฐใหม่ทั่วสหรัฐฯ ที่นอกจากรัฐนิวยอร์กและรัฐแอละแบมาแล้ว ยังพบโรคระบบทางเดินหายใจชนิดหายากในรัฐอินเดียนา รัฐลุยเซียนา รัฐโคโลราโด รัฐอิลลินอยส์ รัฐไอโอวา รัฐแคนซัส รัฐเคนตักกี และรัฐมิสซูรี
       
       ทั้งนี้ในรัฐส่วนใหญ่ทั่วสหรัฐฯต้องส่งตัวอย่างไปยัง CDC เพื่อตรวจหาเชื้อและต้องรอฟังผล ในขณะที่รัฐนิวยอร์กเป็นรัฐเดียวที่สามารถส่งตัวอย่างไปยังแล็บที่แอลบานีและสามารถทราบผลได้ทันที
       
       อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวัคซีนหรือหนทางการรักษาโรค EV-D68 ซึ่งตามปกติแล้วการล้มป่วยด้วยโรคเอ็นเทอโรไวรัสถือเป็นสิ่งปกติมากที่ทำให้มีคนล้มป่วยราว 10-15 ล้านคนทุกปี และอาการที่พบหลังติดเชื้อคือการเป็นไข้หวัด หรือมิเช่นนั้นก็จะไม่แสดงอาการ แต่สายพันธุ์ที่ 68 ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่พบได้ยาก มักจะไม่ระบาดนับตั้งแต่เกิดระบาดครั้งแรกในรัฐแคลิฟอร์เนียปี 1962 ดังนั้นจึงทำให้ CDC รู้สึกกังวลถึงการระบาดล่าสุดนี้ที่มีความเสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจของเด็ก
       
       นอกจากนี้ NBC News สื่อสหรัฐฯยังรายงานเพิ่มเติมว่า อาการของเด็กส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ EV-D68 จะมีอาการคล้ายกับมีไข้ต่ำ แต่จะเริ่มฟื้นตัวและหายเองได้ในที่สุด ทว่าหากเด็กที่ป่วยด้วยโรคหืดหอบเกิดติดเชื้อไวรัสนี้เข้าไปจะเสี่ยงต่อชีวิตมากที่สุด และถึงแม้หนทางการรักษายังไม่มี ซึ่งแน่นอนที่สุดการใช้ยาปฎิชีวนะจะไม่ได้ผล แต่ CDC ได้ให้คำแนะนำในการป้องกันด้วย “การล้างมือ” เพราะทั้งไอและจามล้วนแต่เป็นวิธีแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ แต่ผู้ป่วยจะไม่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ทางอากาศ
       
       ส่วนในเด็กที่ไม่มีอาการหนัก แพทย์แนะนำให้พักผ่อนให้มากที่สุด พร้อมทั้งให้ของเหลว หรือบางทีอาจใช้ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen ) หรือยาพาราเซตามอล เพื่อลดไข้และแก้ปวด แต่ไม่แนะนำให้ใช้แอสไพลินเพราะอาจส่งผลอันตรายข้างเคียงถึงแก่ชีวิตที่เรียกว่า Reye’s syndrome นอกจากนี้แพทย์ยังไม่แนะนำให้ใช้ยาแก้ไอในการรักษา เพราะจะไม่ได้ผลและอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย แต่หากเด็กที่ติดเชื้อและมีโรคหืดหอบเป็นโรคประจำตัวให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 กันยายน 2557