ผู้เขียน หัวข้อ: แฉ! คนงานตายอีก 2 ราย มีประวัติทำ รง.แร่ใยหิน จี้ยืนมติ ครม.เลิกใยหินสิ้นปีนี้  (อ่าน 1091 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด

       T-BAN แฉคนงานตายเพิ่มอีก 2 ราย สัญญาณขาขึ้นผู้ป่วยจากแร่ใยหิน ขณะที่ ก.อุตสาหกรรม เสนอ ครม.ยืดใช้ต่อสวนทางโลกเลิกใช้ใยหิน ด้าน เครือข่ายไม่เอาใยหิน ย้ำ ต้องทำตามมติ ครม.เลิกใยหินสิ้นปีนี้ โดยถาม ก.อุตฯ ไหนว่าจะดำเนินนโยบายอุตสาหกรรมเขียว
       
       วันนี้ (23 ต.ค.) ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายสังคมไทยไร้แร่ใยหิน (T-BAN) จัดแถลงข่าว “เครือข่ายไม่เอาใยหินย้ำต้องทำตามมติ ครม. เลิกใยหินสิ้นปีนี้” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ในการยกเลิกนำเข้าและผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินแอสเบสทอส โดย นพ.อดุลย์ บัณฑุกุล เลขาธิการสมาพันธ์อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเครือข่ายสังคมไทยไร้แร่ใยหิน (T-BAN) กล่าวว่า วารสารแพทยสมาคม เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (Med Assoc Thai Vol. 95 Suppl.8 2012) ได้นำเสนอบทความโดย พญ.พงษ์ลดา สุพรรณชาติ, นพ.ณรงค์ภณ ทุมวิภาต และ นพ.สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ว่า พบผู้ป่วยมะเร็งเยื่อหุ้มปอด และโรคปอดแอสเบสโตซิส ซึ่งมีประวัติสัมผัสแร่ใยหิน หรือแอสเบสทอส เพิ่มอีก 2 ราย หลังจากเคยพบผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดที่มีประวัติสัมผัสใยหินเสียชีวิตรายแรกในปี 2552 โดยบทความนี้ชี้ว่า “แอสเบสทอส” เป็นสารซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพ สามารถก่อให้เกิดโรคในคนทั้งที่เป็นเนื้อร้าย และโรคอื่นๆ ที่มิใช่เนื้อร้าย ซึ่งเป็นโรคที่ป้องกันได้แต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้
       
       “ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายเป็นเพศชาย โดยรายแรกอายุ 51 ปี มาพบแพทย์ในเดือนพฤษภาคม ปี 2551 โดยมีอาการมาแล้ว 1 เดือน แพทย์วินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด มีประวัติทำงานในโรงงานที่ใช้ใยหิน มาตั้งแต่ ปี 2528 และเสียชีวิตภายในเวลา 4 เดือนหลังมาพบแพทย์ ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 2 อายุ 76 ปี มีประวัติสูบบุหรี่และมีโรคร่วมอื่นๆ ป่วยมากว่า 5 ปี ได้มาตรวจในเดือนกรกฎาคม ปี 2554 ทำงานในโรงงานที่ใช้ใยหิน 35 ปีและเกษียณออกจากงานเมื่ออายุ 60 ปี ทั้งนี้ ผู้รายงานเสนอว่าการใช้แอสเบสทอสปริมาณสูงเป็นระยะเวลายาวนานในประเทศไทยจะทำให้โรคซึ่งมีสาเหตุจากแอสเบสทอเป็นปัญหาในอนาคตอันใกล้นี้” นพ.อดุลย์ กล่าว

   

มะเร็งที่เกิดจากแร่ใยหิน (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
       รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ในขณะที่พบผู้ป่วยเพิ่ม แต่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กลับเตรียมเสนอ ครม. ยืดเวลาเลิกนำเข้าและใช้ใยหินจากกระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องยาง ท่อซีเมนต์ เบรก และคลัตช์ ออกไปทุกชนิด อย่างน้อยอีก 2-5 ปี ตามชนิดผลิตภัณฑ์ ทั้งที่ มติ ครม.ปี 2554 กำหนดให้ยกเลิกนำเข้าและผลิตใยหินในปี 2555 และกำหนดให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาแผนการยกเลิกตามเป้าหมายดังกล่าว แต่กรมโรงงานฯ ได้จ้างมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชทำแผนยืดเวลาในการยกเลิกการนำเข้าการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบออกไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับมติ ครม.ซึ่งจนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 1 ปีที่มีมติ ครม.แต่กลับยังไม่มีมาตรการใดๆ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่มีผลต่อสุขภาพ
       
       ด้าน ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เครือข่ายนักวิชาการ 9 สถาบัน กล่าวว่า การที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอยืดเวลาใช้ใยหิน เป็นการสวนทางแนวโน้มของประเทศในโลกที่ยกเลิกใยหิน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอนามัยโลก ภูมิภาคยุโรป ได้ออกรายงานการประชุมเรื่อง การศึกษาและประเมินแผนแห่งชาติในการกำจัดโรคที่เกี่ยวกับแร่ใยหิน ที่ได้ประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 โดยย้ำเตือนอันตรายของแร่ใยหิน รวมทั้งแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์ ที่นอกจากเป็นสาเหตุของมะเร็งปอด มะเร็งเยื่อหุ้มปอด และมีผลต่อการเกิดมะเร็งกล่องเสียง และมะเร็งรังไข่ด้วย ทั้งนี้ การออกกฎหมายยกเลิกการผลิต การใช้ การนำเข้า ถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิผลสูงสุด ในขณะที่ในเอเชียอย่าง ประเทศเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ได้ยกเลิกโดยเด็ดขาด และไต้หวันจะยกเลิกกระเบื้องที่มีใยหินในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2556 ส่วนประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศส่งออกใยหิน ได้หยุดการสนับสนุนการให้เงินกู้แก่โรงงานผลิตใยหินที่จะขยายการผลิตต่อไป
       
       “ตัวอย่างความสำเร็จในประเทศเยอรมนี กลุ่มอุตสาหกรรมๆ ได้ตระหนักถึงปัญหาผลกระทบทางสุขภาพของแร่ใยหิน จึงได้เริ่มผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างไร้แร่ใยหินมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1982 เพื่อรับผิดชอบต่อสังคม โดยผลิตสินค้าทดแทนการใช้แร่ใยหิน คือ ซีเมนต์จากเส้นใย (fibre cement) อาทิ กระเบื้องลอนมุงหลังคา กระเบื้องแผ่นเรียบ แผ่นฝ้ากั้นผนัง ท่อระบายน้ำ ท่อระบายอากาศ ในระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา คุณภาพของผลิตภัณฑ์ไร้แร่ใยหินไม่ได้ด้อยกว่าสินค้าที่มีส่วนประกอบแร่ใยหิน และมีราคาที่ผู้บริโภคสามารถจ่ายได้ ไม่แพงจนคนจนเข้าไม่ถึงผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยตามที่เคยเป็นข่าว และผลิตภัณฑ์ไร้แร่ใยหินมีคุณสมบัติทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรงเช่น หิมะตก ลมพายุ ได้ดีกว่าด้วย” ดร.ไพบูลย์ กล่าว
       
       ขณะที่ นางสมบุญ ศรีคำดอกแค ประธานสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย กล่าว่า เครือข่ายสังคมไทยไร้แร่ใยหิน ได้ยื่นจดหมายเรียกร้องให้นายกฯ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขอให้รัฐบาลยกเลิกการใช้แร่ใยหินทุกชนิดภายในปี 2555 ตามมติครม. เมื่อปี 2554 ที่เสนอโดยมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ซึ่งมี นพ.ประสิทธิ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องแทนนายกฯ และทราบว่า จะมีการประชุมหน่วยงานภาครัฐและจะนำข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมมาพิจารณา ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป ทั้งนี้ เครือข่ายฯ เห็นว่า หากข้อเสนอที่ให้เลิกใยหินในปี 2555 ไม่เป็นผล ถือว่า เป็นการไม่ทำตามมติ ครม.และสวนทางกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ประกาศว่า จะส่งเสริมการดำเนินการอุตสาหกรรมเขียว (Green Industry) แต่กลับการขยายเวลาใช้แร่ใยหินต่อ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   23 ตุลาคม 2555 16:22 น.