ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยชีวิตผู้คน ปลูกต้นกล้วย2ข้างถนน ลดอุบัติเหตุ  (อ่าน 494 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
อย่าลืมว่า...อุบัติเหตุย่อมป้องกันได้ และหลีกเลี่ยงได้ หากไม่ประมาท ขณะที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ต่างพยายามหาทางแก้ไข พร้อมทุ่มงบก้อนโตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป “รณรงค์ป้องกัน”

อีกเพียงเดือนเศษ ๆ ก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์กันอีกแล้ว หลังจากเพิ่งผ่านเทศกาลปีใหม่ได้ไม่นาน...ภาพผู้คนใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมากก็จะปรากฏให้เห็นเช่นเคย ส่งผลทำให้บางพื้นที่รถติดอย่างหนัก แต่สิ่งที่น่ากลัว และเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีคือ “อุบัติเหตุ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คาดหวัง-ไม่ตั้งใจในเวลา และสถานที่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความเป็นจริง...หาเป็นเช่นนั้นไม่

อย่าลืมว่า...อุบัติเหตุย่อมป้องกันได้ และหลีกเลี่ยงได้ หากไม่ประมาท ขณะที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ต่างพยายามหาทางแก้ไข พร้อมทุ่มงบก้อนโตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป “รณรงค์ป้องกัน” อย่างต่อเนื่องทุกปี ทั้งยังประกาศให้ช่วงวันหยุดยาวดังกล่าวเป็น “7วันอันตราย” เพื่อหวังเตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ให้ประมาท ถือเป็นประกาศหนึ่งเดียวในโลก ที่ไม่มีใครคิดเลียนแบบ แต่ที่ผ่านมา...การรณรงค์เพื่อต้องการลดอุบัติเหตุ ไม่ได้ดีขึ้นเลย ยังคงมียอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมากจากอุบัติเหตุในช่วงวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลสงกรานต์เช่นเคย

พูดถึงเรื่องอุบัติเหตุ หากใครเคยขับผ่านเส้นทางสายนาบอน-แก้วแสน ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะถึง รพ.นาบอน ก็จะสังเกตเห็นตลอดสองข้างถนนมี “ต้นกล้วย” ขึ้นอยู่เต็มไปหมด แรกๆ หลายคนคิดว่า เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า “ทำไม” ถึงได้ขึ้นเป็นแนวยาวข้างถนนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยที่ไม่มีใครหรือเจ้าหน้าที่การทางหลวงมามาตัดทิ้ง

เพื่อความกระจ่าง “เหยี่ยวขาว” จึงไปสอบถามชาวบ้านละแวกนั้น จึงทราบว่า “ต้นกล้วย” ที่ขึ้นอยู่สองฝั่งถนนไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่อย่างใด แต่เป็นฝีมือการปลูกของชาวสวนชื่อว่า “จำรัส แซ่อื้อ” อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 254/1ถนนสาย นาบอน-แก้วแสน หมู่ 2ต.นาบอน อ.นาบอน

“ลุงจำรัส” อธิบายสาเหตุของการปลูกต้นกล้วยว่า มีอาชีพทำสวนยางพารา อาศัยอยู่กับภรรยามีลูกด้วยกันหลายคน แต่ละคนเติบโตแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว ที่ปลูกต้นกล้วยไว้ริมสองฟากถนน เพราะเห็นข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สิน และชีวิตผู้คนจำนวนมาก สร้างความโศกเศร้าให้กับญาติ-พี่น้องของผู้ประสบเหตุ ประกอบกับเคยไปเที่ยวที่ประเทศจีนมา สังเกตเห็นว่าพื้นที่สองข้างถนนเขาไม่ปล่อยให้พื้นที่ว่าง มีการปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นพืชล้มลุก และพืชกินได้...เต็มไปหมด จึงคิดว่าเป็นการใช้ที่ดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่หลังจากกลับมาเมืองไทย ข่าวคราวการเกิดอุบัติเหตุก็ยังมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว และมักจะเกิดขึ้นบน “ถนนสายรอง” มากกว่าสายหลัก

“พอกลับมาบ้าน...ลุงมองเห็นสองฟากถนนใกล้บ้านตัวเองยังว่างเปล่า จึงเกิดแนวความคิดว่าน่าจะปลูกต้นกล้วยเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุทางหนึ่ง เนื่องจากเวลารถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ วิ่งมาด้วยความเร็วจะเกิดเสียหลักพุ่งตกลงไปข้างถนน แทนที่จะชนต้นไม้ใหญ่ ทำให้คนที่ขับขี่หรือโดยสารมากับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส หรืออาจเสียชีวิต แต่เมื่อมี 'ต้นกล้วย' เป็นกำบังอยู่ กลับผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ มีหลายรายแล้วที่รถเสียหลักตกข้างทางพุ่งไปชนต้นกล้วยของลุง ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักหรือเสียชีวิต เป็นเรื่องที่น่าดีใจมากที่เราได้ช่วยคนเหล่านั้นเอาไว้ได้”

ลุงจำรัส เล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจต่อว่า เริ่มปลูกต้นกล้วยเหล่านี้มาตั้งแต่ปี 2547 โดยใช้เวลาว่างจากงานประจำคือกรีดยางฯ เสร็จก็จะลงมือปลูกต้นกล้วย แต่ละวันจะปลูก 3-4 ต้นเป็นประจำ สำหรับพันธุ์ต้นกล้วยจะไปขอมาจากเพื่อนชาวสวนด้วยกัน ไม่ก็หาซื้อมาปลูกเอง และเมื่อต้นกล้วยออกลูกผล ชาวบ้านก็สามารถจะมาเก็บไปกินได้โดยไม่ต้องซื้อ แต่ขออย่างเดียวอย่าตัดหรือทำลายทิ้ง ที่สำคัญ...หากจะมาช่วยปลูกต้นกล้วยก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“การที่ได้ปลูกต้นกล้วยเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือสังคม หากใครจะเอาแนวทางปฏิบัติไปทำบ้างก็จะดีใจมาก อะไรที่ช่วยเหลือกันได้ต้องรีบทำ”

จากชาวบ้านธรรมดา ๆ ซึ่งเห็นความสำคัญของ “ชีวิตเพื่อนมนุษย์” ในการใช้รถใช้ถนน จนเกิดไอเดีย “ปลูกต้นกล้วยข้างถนน” เพื่อรับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ ถือว่าเป็นแนวคิดพื้นบ้านที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ “เหยี่ยวขาว” ขอชื่นชม-ยกย่อง “ลุงจำรัส” ให้เป็น “คนดีของสังคม” ที่ช่วยเหลือสังคมด้านความปลอดภัยบนท้องถนนด้วยใจจริง.

…...........................

คอลัมน์ : คนดีของสังคม
“เหยี่ยวขาว”

เดลินิวส์  5 กุมภาพันธ์ 2558