หมวดหมู่ทั่วไป > ข่าวสมาพันธ์

แถลงการณ์สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ กรณี รพ.ขอนแก่น

<< < (2/13) > >>

story:
หมอชาญชัย”พร้อมงัดหลักฐานทางการเงินการบัญชีแสดงความบริสุทธิ์ ยันไม่เคยเรียกรับเงินจากบ.ยา เผยรพ.จัดซื้อยาราคาถูกกว่าราคากลางร่วม 30 % สัดส่วนราคาที่ลดลงไม่สัมพันธ์เงินบริจาค ย้ำพ.ย.61 ปิดกองทุนทั้งหมด เหลือแต่เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่นถือเป็นเงินบำรุง

จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูนย์ขอนแก่น และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ล่าสุด เวลา 14.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่สำนักบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชาญชัย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทางมารายงานตัวในการปฏิบัติราชการตามคำสั่งดังกล่าว มีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่นี่จึงมารายงาน โดยได้รับมอบหมายจากผอ.สำนักบริหารการสาธารณสุขให้รับผิดชอบงานระบบบริการรพ.เกี่ยวกับservice plan ซึ่งตนเป็นข้าราชการ ทำงานที่ไหนก็ได้ อย่างไรก็ตาม ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้วเป็นไปตามสิทธิ์ และในวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย.2563 จะยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมแล้วและระบุว่าหากมีหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ให้นำมาแสดงได้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า หากท่านให้โอกาสก็จะนำหลักฐานไปแสดงกับท่าน โดยเป็นหลักฐานเกี่ยวกับระบบการการเงินการบัญชี การหมุนเวียนทางการเงินและข้อมูลทั้งหมด การนำส่งทางบัญชี การสรุปบัญชีและการแจกแจงรายการรายจ่าย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลักฐานนี้ได้เคยแสดงต่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมาก่อนหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เท่าที่ทราบ คณะกรรมการฯได้ไปไม่ครบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชีทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ต่อข้อถามกรณีเพจชมรมแพทย์ชนบทเผยแพร่รายรับ-รายจ่ายของกองทุนพัฒนารพ.ศูนย์ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวตนเป็นคนนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเองในการแถลงข่าวที่รพ.ขอนแก่นเมื่อวันก่อน เพราะต้องการแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเงินที่ได้รับบริจาคเข้ากองทุนฯดังกล่าวมีการนำไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ต่อรพ.ขอนแก่นทั้งสิ้น นี่คือความจำเป็นของการที่จะต้องมีกองทุนเพื่อพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการบริการผู้ป่วย 2.ครุภัณฑ์และเวชภัณฑ์การแพทย์ และ3.พัฒนาบุคลากร

“รพ.ขอนแก่นมีนักเรียนแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางใน 9 สาขา และได้มีการลงนามความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในการถ่ายทอดวิชาการซึ่งกันและกัน โดยปีแรกมีการประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่รพ.ขอนแก่น และปีที่ 2 เชิญรพ.ขอนแก่นไปที่ประเทศญี่ปุ่นจึงมีทีมนักวิชาการของรพ.ไปนำเสนอผลข้อมูลวิชาการแต่ตนเองไม่ได้ไปด้วย และอีกครั้งไปประเทศไต้หวันเพื่อรับรางวัลระดับโลก เกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์(รพศ.)แห่งเดียวที่ได้รับการรับรองระดับเอเซียแปซิฟิก จึงเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ได้ไปเที่ยว และรายจ่ายทั้งหมดเป็นการใช้เพื่อประโยชน์รพ.ขอนแก่นโดยแท้ และข้อมูลก็ออกจากการงานการบัญชีของรพ.เองไม่มีอะไรที่หมกเม็ด ยืนยันว่าผมโปร่งใส ตรวจสอบได้”นพ.ชาญชัยกล่าว

ต่อข้อถามฝ่ายตรวจสอบยืนยันว่าเงินบริจาคไม่ว่าจะรับมาเพื่อการใดก็ไม่สามารถดำเนินการได้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคแล้วแต่ผู้บริจาคว่าจะเข้ากองทุนไหน ไม่อย่างนั้นมูลนิธิรพ.ขอนแก่นก็ห้ามรับบริจาคด้วยหรือ โดยระเบียบระบุว่าใครบริจาคก็เข้าสู่กองทุนบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งระเบียบไว้ประมาณเดือนมิ.ย. 2561 แต่กองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่นเปิดมาก่อนหน้านั้นในปี 2560 และมติป.ป.ช.ที่ฝ่ายตรวจสอบนำมาอ้างนั้นออกเมื่อมี.ค.2561 โดยระเบียบเงินบริจาคที่ออกเดือนมิ.ย.นั้น เนื่องจากการบริจาคจากโครงการก้าวของตูน บอดี้แสลม กว่าเงินจะโอนเข้าประมาณเดือนส.ค.2561 และกว่าจะทำระเบียบการรับการจ่าย การตั้งกรรมการ และเมื่อเดือนพ.ย.2561 ได้มีการปิดกองทุนทั้งหมดให้ไปอยู่ในร่มของเงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งถือเป็นเงินบำรุง

นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ตรงนี้ชัดเจนว่าตนมีเจตนาที่จะดำเนินการตามระเบียบโดยเคร่งครัดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้คลางแคลงใจเพราะระเบียบบมันเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งการบริจาครพ.ขอนแก่นตอนนี้มี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินบริจาคตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2.เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ที่ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และ3.เงินมูลนิธิ รพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และรพ.ขอนแก่นยังมีมูลนิธิอื่นอีก ทุกอย่างสามารถบริจาคได้หมด

“เราไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าระเบียบเดือนมี.ค.2561 การเรียกรับผลประโยชนืก็คือต้องมีเงื่อนไขในการที่จะรับ ซึ่งแปลว่าถ้าเขาไม่บริจาค เราไม่ซื้อยาเขา อันนี้ไม่มีเด็ดขาดเพราะการจัดซื้อจัดจ้างกับการบริจาคที่โต๊ะการเงินเป็นคนละเรื่องกัน โดยไม่ได้เชื่อมโยงกัน”นพ.ชาญชัยกล่าว



ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าฝ่ายตรวจสอบระบุว่าเงินบริจาคกับการจัดซื้อยาเชื่อมโยงกัน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า อันนี้ไม่แน่ใจว่าบริษัทไหนมีงบประมาณเท่าไหร่แล้วจะบริจาคเท่าไหร่ ก็สุดแท้แต่ผู้บริจาค แต่การจัดซื้อจัดจ้างที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนนั้น คือ การที่ว่าถ้าเขาไม่บริจาคเราไม่ซื้อยานั่นคือเงื่อนไข แต่เราไม่มีเงื่อนไขใดๆ รพ.จะซื้อหรือไม่ซื้อขึ้นกับการประมูล การสอบราคายาโดยพัสดุ โดยเภสัชกร เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่าง สามารถตรวจสอบได้ ทำตามระเบียบพัสดุ

“กองทุนนี้ตั้งมาเพื่อรับบริจาค ใครก็ได้บริจาค เพราะว่าความขาดแคลนของรพ.กระทรวงสาธารณสุขมีมาก ไม่ว่าจะระดับไหน ซึ่งเป็นคุณูปการของตูน บอดี้แสลม และนพ.เจษฎา โชคดำรงสุขสมัยเป็นปลัดสธ.ที่ไปหารือกับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เงินบริจาคลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า จะได้ให้เงินบริจาคเข้าระบบทั้งหมด และตั้งแต่พ.ย.2561 รพ.ขอนแก่น ผมทำตามระบบระเบียบหมดทุกอย่าง”นพ.ชาญชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดซื้อยาของรพ. นพ.ชาญชัย กล่าวว่า นี่เป็นประเด็นที่ถามว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนคืออะไร ซึ่งรพ.ขอนแก่น สามารถซื้อยาในราคาต่ำกว่าค่ากลางของประเทศไทย และมีซื้อถูกที่สุดในประเทศ 30 % หมายความว่ายา 100 ตัว ซื้อถูกที่สุดในประเทศ 30 ตัว ตรงนี้จะบอกได้อย่างไรว่ารพ.ขอนแก่นเรียกรับผลประโยชน์ ไม่มีแน่นอน นอกจากนั้น ยังมีการจัดซื้อยารวมระดับเขตสุขภาพที่ 7 โดยจ.ในเขตมีการซื้อยาราคากลางเท่ากันตามรพ.ขอนแก่น จึงชัดเจนว่าไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกล่าวหาฉ้อราษฎร์บังหลวงและข่มขู่พยาน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่เคยข่มขู่ใคร และข้อหาตนว่าแรงเกินไป เพราะตนไม่เคยเอาเงินเข้าส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว เนื่องจากกองทุนนี้อยู่ในร่มกองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และมีระเบียบว่ากองทุนอื่นใดที่เป็นกองทุนย่อยให้ถือใช้ตามระเบียบสำนักนายกฯที่เป็นกองทุนสวัสดิการ แต่ถ้าเป็นการจัดสวัสดิการเจ้าหน้าที่ก็แยกหมวดต่างหากแต่ถือเป็นหมวดหนึ่งในการพัฒนารพ.

ต่อข้อถามมีข้อกังวลใดหรือไม่ที่มีการตั้งรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวลอย่างเดียว่าจะมีการทำหลักฐานเท็จใส่ร้ายตน ในส่วนที่ว่าตนจะทำลายหลักฐานนั้น ขอถามกลับไปว่าอาจจะมีผู้ไม่หวังดีหาพยานและหลักฐานเท็จ เป็นสิ่งที่กังวลใจอยู่

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่ามีการซื้อยาถูกกว่าราคากลาง 30 % นพ.ชาญชัย กล่าวว่า มีหลักฐาน โดยส่วนที่ซื้อถูกลง ไม่ได้สัมพันธ์กับเงินบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท เพราะชนะประมูล

ถามต่อว่าเงินส่วนที่จัดซื้อยาได้ถูกลงสัมพันธ์กับเงินที่บริจาคหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่ งบประมาณของบริษัทแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เข้าใจว่าบริษัทมีงบประมาณอยู่ 5 % แต่ตรงนี้ไม่รู้ บางบริษัทอาจจะมีน้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นกับนโยบายของบริษัท และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่า 5 %อีก การต่อรองราคาถูกลงช่วยให้รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว มีหลักฐานทางเภสัช 3 -5 ปีย้อนหลัง

ต่อข้อถามกังวลหรือไม่หากนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.ตั้งนพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวล จึงอยากให้มีการตั้งประธานตามลำดับบัญชีรายชื่อการเป็นประธาน ซึ่งจะเป็นธรรมาภิบาลของกองวินัย
5 มิย 2563
กรุงเทพธุรกิจ

story:
                    หมอชาญชัย ยื่นอุทธรณ์ คำสั่งปลัด สธ.โยกพ้น รพ.ขอนแก่น พร้อมหอบหลักฐาน ส่งถึง “อนุทิน” หลังเปิดช่องให้ความเป็นธรรม เผย 8 มิ.ย.เดินหน้าร้อง ก.พ.ค.ต่อ แจงยิบ การจัดซื้อยารพ.ผ่านระบบแข่งขัน พร้อมแจงไทมไลน์ เปิดกองทุนรพ.ขอนแก่น
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข  นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น เดินทางเข้ามารายงานตัวที่กองบริหารการสาธารณสุข หลังถูกย้ายจาก รพ.ขอนแก่น เพื่อเปิดทางให้มีการสอบวินัยร้ายแรงกรณีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องรับเงิน 5 % จากบริษัทยาเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น โดยนพ.ชาญชัย ใช้เวลาในการรายงานตัวประมาณ 10 นาที ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

นพ.ชาญชัย กล่าวว่า วันนี้มีคำสั่งให้มาปฏิบัติงานที่กองบริหารงานสาธารณสุข และได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขในกรณีนี้ด้วย เป็นการอุทธรณ์ตามสิทธิ ส่วนวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จะไปยื่นขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ต่อไป ทั้งนี้ความพยายามในการย้ายตนออกจากขอนแก่น 2 ครั้งนั้น ไม่กล้ามองว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ตนเป็นข้าราชการทำงานที่ไหนก็ได้ แต่การตั้งข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ข่มขู่พยาน ถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ซึ่งขอยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้น ไม่เคยเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว

ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ระบุว่ายินดีให้ตนได้นำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ ถ้าท่านให้โอกาสก็จะนำหลักฐานไปแสดงให้ท่านทราบ อาทิ หลักฐานทางการเงิน การบัญชี ข้อมูลการไหลเวียนทางบัญชี ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ไปไม่ครบตั้งแต่แรก ซึ่งไม่ใช่หลักฐานใหม่ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว ทางการเงินเป็นผู้จัดทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นข้อมูลน่าจะยื่นต่อกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปแล้วเหมือนกัน 

เมื่อถามว่าเงินบริจาคไม่สามารถรับเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคอยู่ที่ผู้บริจาค ใครบริจาคก็จะเข้าสู่กองทุนบริจาครพ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งระเบียบไว้ในเดือน มิ.ย.2561 แต่กองทุนพัฒนารพ. เปิดตั้งแต่ปี 2560 และมติ ครม. ซึ่งเสนอโดยป.ป.ช. ออกมาเดือนมี.ค.2561 ทั้งนี้การที่ระเบียบเงินบริจาคออกช่วงเดือน มิ.ย.2561 เนื่องจากเงินโครงการวิ่งก้าวคนละก้าว แต่กว่าเงินนั้นจะโอนก็ประมาณ ส.ค. และกว่าจะทำระเบียบการรับการจ่ายก็ต้องใช้เวลา ซึ่งเดิมเปิดบัญชีผิดใช้ชื่อว่า ก้าวคนละก้าว ก็เปลี่ยนเป็นเงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งตอนแรกคณะกรรมการบริหารกังวลว่า เงินที่วิ่งได้ 100 กว่าล้านบาทจะนำมาเข้ากองทุน และจะมีเงินอื่นมาปนหรือไม่ จึงยังไม่เอามาเข้า แต่เมื่อเดือน พ.ย. 2561 ก็ได้ปิดกองทุนทุกกองทุนให้ไปอยู่ในรวมของกองทุนบริจาค รพ.ขอนแก่นทั้งหมด

ซึ่งตนเจตนาทำตามระเบียบโดยเคร่งครัด แต่จะเห็นได้ว่าระเบียบเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน  โดยการบริจาคจะมี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินสวัสดิการตามระเบียบสำนักระเบียบนายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2.เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ลดหย่อนได้ 2 เท่า และ 3.เงินมูลนิธิรพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และยังมีมูลนิธิอื่นๆที่ไม่ใช่ตนเป็นประธาน  เช่น มูลนิธิสมเด็จพระพุฒจารย์(อาจ อาสภมหาเถร”  ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหว กรรมการส่วนหนึ่งเป็นพระ

เมื่อถามถึงกรณีมีการตรวจสอบพบว่ายอดบริจาคของบริษัทยามีความสัมพันธ์กับยอดการจัดซื้อยา นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เราไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ ถ้าตามระเบียบมี.ค. 2561 การเรียกรับผลประโยชน์ต้องมีเงื่อนไขในการรับ แปลว่าถ้าไม่จ่าย เราจะไม่ซื้อยา ตรงนี้ไม่มีเด็ดขาด เพราะการจัดซื้อจัดจ้าง กับการรับบริจาคคนละโต๊ะกัน  ไม่ได้เชื่อมโยงกัน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าบริษัทไหนจะมีงบประมาณเท่าไหร่ที่จะบริจาค สุดแท้แต่เขา บางบริษัทก็มี 5% บางแห่งน้อย หรือมากกว่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ทราบ แต่การจะซื้อหรือไม่ซื้อยาของรพ.ขอนแก่น จะขึ้นอยู่กับการประมูล การสอบราคายาโดยพัสดุ โดยเภสัช และเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่า 5 % อีก ช่วยให้รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว มีหลักฐานทางเภสัช 3 -5 ปีย้อนหลัง

“จากการประมูล ทำให้การซื้อยา 100% ของ รพ.ขอนแก่น ต่ำกว่าค่ากลางของประเทศไทย และยาที่ราคาถูกที่สุดในประเทศ มี 30% แล้วจะบอกว่าเรียกรับเงินได้อย่างไร ที่มากกว่านั้น คือเรามีการจัดซื้อยาร่วมระดับเขตสุขภาพ คือราคาเท่ากันทั้งร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ เป็นต้น และส่วนที่ถูกลงก็ไม่ได้สัมพันธ์กับยอดบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท  เพราะชนะประมูล” นพ.ชาญชัย กล่าว และว่า กังวลกรณีมีรายงานว่าจะตั้งนพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เป็นคนสอบวินัย อยากให้ทำตามธรรมาภิบาลของกองวินัยอยู่แล้วดีกว่า 

ส่วนกรณีที่เพจชมรมแพทย์ชนบทได้โพสต์รายละเอียดการนำเงินบริจาคไปใช้จ่ายที่มีรายการเดินทางไปต่างประเทศนั้น นพ.ชาญชัย ชี้แจงว่า เป็นข้อมูลที่ตนออกมาเอง ซึ่งเงินนี้จะมีการนำไปใช้ 3 ด้านคือ 1.ด้านครุภัณฑ์ และเวชภัณฑ์การแพทย์ 2.ด้านอาคารสถานที่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย  และ3. ด้านพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะมีบุคลากรมาฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ

ที่ผ่านมามีการเอ็มโอยูกับประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู่กัน ซึ่งได้นักวาการเราได้นำเปเปอร์ไปนำเสนอที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนไม่ได้ไปด้วย ส่วนที่ไปไต้หวันเพื่อประชุมวิชาการ และรับรางวัลเกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือน HA เมืองไทย ตรงนี้ตนเดินทางไปด้วยในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน ย้ำว่าไปตามภารกิจ เพื่อรพ.ขอนแก่น ไม่ใช่ไปเที่ยว ไม่มีอะไรหมกเม็ด.
5 มิถุนายน 2563
 https://www.dailynews.co.th/politics/778393

story:
“อนุทิน”รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของ“หมอชาญชัย” สั่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ยึดกฎหมาย-ระเบียบราชการ ย้ำมีหลักฐานยันความบริสุทธิ์ให้นำมาแสดง ลั่นไม่มีญาติโยม ใครแกล้งใครจะซวยเอง ปลัดตั้งผู้ตรวจฯเขต 11 เป็นประธานคกก.สอบสวนวินัยร้ายแรงคนใหม่

      จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูนย์ขอนแก่น และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง รวมถึงแต่งตั้งนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี รักษาการผอ.รพ.ศูนย์ขอนแก่นเทนนั้น
      ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า นพ.ชาญชัยได้ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมาที่ตนแล้ว โดยหนังสือส่งถึงแล้ว เพียงแต่ยังไม่เจอตัวเท่านั้น ซึ่งตนได้เชิญที่ปรึกษากฎหมายทำสรุปให้ตนทันที ไม่มีการดองเรื่อง เพราะพร้อมให้ความเป็นธรรม และพิจารณาว่าตนมีอำนาจขอบข่ายอะไรในการดำเนินการเรื่องนี้ได้บ้าง ซึ่งอำนาจการตัดสินใจไม่มีเลย มีแต่อำนาจให้ความเป็นธรรม ก็คือ ไปสืบหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม การหักล้างข้อกล่าวหา การแก้ข้อกล่าวหา เปิดโอกาสเสมอ เพียงแต่ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช้ความรู้สึก ไม่ใช่ความชอบความเกลียด ดูที่หลักฐาน ยึดระเบียบกฎหมายเป็นหลัก จะมีการดำเนินการโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักนพ.ชาญชัย เป็นการส่วนตัว จึงพร้อมให้ความเป็นยุติธรรมอยู่แล้ว
         “หลังจากนพ.ชาญชัยร้องขอความเป็นธรรมมา ก็จะมีการดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด ผมไม่ปล่อย ไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองดีที่สุด นี่คือหน้าที่บริหาร อย่างเช่น นพ.ชาญชัยถูกกล่าวหาและมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็เอาหลักฐานมายัยความบริสุทธิ์ของตัวเอง และถ้าเอาหลักฐานมายันแล้วพบว่าถูกต้องทุกอย่าง คนที่กล่าวหานั่นแหล่ะซวย คนที่ไปสืบห้าข้อเท็จจริงแล้วเขียนเรื่องที่ไม่ตรงตามหลักฐานที่นพ.ชาญชัยเอามาแก้ข้อกล่าวหาก็จะซวย นี่คือหลักของความยุติธรรม ที่มาบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วจะมาสอบคนนี้ จะเกิดความไม่เป็น อย่าไปกังวล เพราะทุกคนไม่มีใครเกษียณปีนี้เลย หน้าที่ผมก็คือใครทำอะไรไม่ดี ก็ไม่ต้องขึ้นกัน”นายอนุทินกล่าว
         ต่อข้อถามนพ.ชาญชัย จะมีการฟ้องกลับนพ.สุขุม นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้มีคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปชุด 1 แล้ว ต่อมาก็มีคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่ประธานคนเดิมขอถอนตัว และปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้ง นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 เป็นประธานคณะกรรมการแทน ซึ่งสิทธิตามกฎหมายของทุกคนมีอยู่ สิทธิในการเรียกร้องความชอบธรรมก็มีอยู่
        “สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยืนยันคือ มาอยู่ตรงนี้ผมก็มีพรรคมีพวกเยอะแยะ แต่เรื่องความเป็นธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าผมอยากเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับทุกฝ่าย ก็ต้องไปเข้าข้างใครไม่ได้ ต้องอยู่บนความยุติธรรม เอากฎหมายกฎระเบียบเป็นที่ตั้ง ไม่ฟังเรื่องอื่น ไม่ฟังถึงความเหมาะสม ไม่เหมาะสม ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ กฎหมาย หลักเกณฑ์ที่มีการเขียนเอาไว้ในระเบียบบริหารราชการเป็นธรรม นี่คือ ความเป็นธรรมที่ผมจะมอบให้”นายอนุทินกล่าว
        ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีองค์กรแพทย์รพ.ศูนย์ขอนแก่นระบุว่าหากรมว.ไม่ดำเนินการใดๆจะเข้าข่ายการเพิกเฉยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็สามารถพูดได้ทุกเรื่อง สมัยที่อยากจะล้วงลูกก้าวก่าย ก็บอกว่าเข้าไปยุ่งไม่ได้ ถึงตอนนี้บอกว่าไม่รู้ไม่ก้าวก่าย ซึ่งตนมาสนใจตรงนี้ สนใจที่หน้าที่ตนต้องให้ความเป็นธรรม วันนี้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะรักใครเกลียดใครไม่ได้ ไม่เคยเอาความรู้สึกส่วนตัวมาพูดว่า คนนี้ดีหรือไม่ดี ยึดกฎหมายกฎระเบียบเป็นหลัก ใครก็แกล้งคุณหมอชาญชัยไม่ได้ ถ้าคุณหมอทำถูกต้อง
       ต่อข้อถามว่าจะเป็นนโยบายของรมว.เลยหรือไม่ว่าหากรพ.ใดมีหลักฐานก็สามารถยื่นเป็นบัตรสนเท่ห์ให้มีการตรวจสอบกรณีการรับบริจาคคล้ายกันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีมติครม. มีระเบียบอยู่ว่า การจัดตั้งคณะกรรรมการสอบเป็นอย่างไร จะต้องทำอย่างไร
        เมื่อถามว่าไม่รู้จักนพ.ชาญชัยเป็นการส่วนตัวแต่รู้จักนพ.เกรียงศักดิ์เป็นการส่วนตัว นายอนุทิน กล่าวว่า รู้จักนพ.เกรียงศักดิ์มา 10 ปี แต่คนอย่างตน ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน หากใครคิดแบบนั้นก็แสดงว่าไม่รู้จักคนชื่อ อนุทิน มาอยู่ตำแหน่งนี้ไม่มีญาติโยมอยู่แล้ว ถ้าเล่นญาติเล่นพวกเล่นพ้องก็ไม่ต้องบริหารงานกันพอดี ซึ่งที่ผ่านมาปลัดสธ.โยกย้ายผอ.รพ.ก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย ไม่เคยรู้ เพราะว่าหน้าที่ใครหน้าที่มัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยกเว้นใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ก็จะมีคนมาร้อง ทุกคนมีสิทธิตามกฎหมาย ใครใช้ไม่ถูกต้องก็ต้องรับผิดชอบ
5มิย2563
กรุงเทพธุรกิจ

story:
ผอ.รพ.แถลงโต้เดือด เรื่องถูกกล่าวหารับเงินบริจาคจากบริษัทยาไม่เป็นความจริง ยันไม่รู้จักบริษัทยาและไม่มีบริษัทยาบริจาคเข้ากองทุนโรงพยาบาล ตั้งข้อสังเกตทำไมต้องเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้ารักษาการแทน เตรียมส่งเรื่องให้ทีมนักกฎหมายดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อกู้ศักดิ์ศรี ขณะที่ปลัด สธ.แจงตั้ง รอง ผอ.รพ.ขอนแก่น รักษาการแทนไม่ได้ อ้างมีส่วนเกี่ยวข้องการรับบริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หลั่งน้ำตาส่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น ด้วยความอาลัย

ยังจบไม่ลงปมขัดแย้งวงการเสื้อกาวน์กรณี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เซ็นคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังมีผู้ส่งบัตรสนเท่ห์ร้องเรียน นพ.ชาญชัยรับเงินจากบริษัทยา 5% เข้ากองทุน รพ.ขอนแก่น โดยให้ นพ. เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการแทน ล่าสุด นพ.ชาญชัย แถลงโต้ระบุเรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ประกาศดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อกู้ศักดิ์ศรี
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ห้องประชุมแก่นเพชร รพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น แถลงถึงเรื่องที่ถูกสั่งย้ายว่า ตั้งแต่มาทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการ ไม่เคยสั่งให้เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรท่านใดเรียกรับเงิน อีกทั้งการซื้อขายยาก็ไม่รู้จักกับบริษัทไม่รู้จักกับคนขาย การที่ รพ.ขอนแก่น หรือโรงพยาบาลต่างๆรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีงบประมาณน้อย การจะสร้างหรือดำเนินการในเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ สร้างอาคาร และการจ้างแพทย์ ก็ต้องมีงบประมาณ ซึ่งเงินบริจาคทั้งหมดได้นำเข้ากองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่นทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ ยืนยันว่าไม่มีการรับบริจาคจากบริษัทยา
นพ.ชาญชัยกล่าวอีกว่า เรื่องที่มีการร้องเรียนในบัตรสนเท่ห์ การข่มขู่พยาน และไม่ให้ความร่วมมือในการให้ปากคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้เข้าให้ปากคำ ในวันที่ 7 ม.ค. พร้อมกับเจ้าหน้าที่รวม 5 คน ใช้เวลารวม 3 ชั่วโมง เป็นการให้ปากคำด้วยวาจาเพราะไม่รู้ตัว ได้ขอเวลาต่อคณะกรรมการสอบในการที่จะชี้แจงด้วยหลักฐานที่เป็นเอกสาร แต่ไม่ทันกำหนดเวลา 15 วัน ขอขยายเวลารวม 2 ครั้ง ถึงได้ส่งหลักฐานให้คณะกรรมการสอบ ไม่ได้มีการข่มขู่พยาน เพราะไม่รู้ว่าพยานคือใครบ้าง

ผอ.รพ.ขอนแก่นกล่าวต่ออีกว่า ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีสิทธิ์ที่จะขอเอกสารจากการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ชี้มูลว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ตนได้ทำหนังสือเพื่อขอให้เปิดเผยเอกสารดังกล่าวแต่ยังไม่ได้รับ นอกจากนี้ ตามระเบียบการแต่งตั้งรักษาการ ผอ.รพ. สามารถตั้งรองผู้อำนวยการ หรือ ผอ.รพ.ในเขตเดียวกันคือสำนักงานเขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จ.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม แต่กลับมีคำสั่งให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ให้มารักษาการแทน เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมต้องเป็นบุคคลดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเอกสารปรึกษานักกฎหมาย เพื่อจะมีการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ด้าน พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น กล่าวในฐานะตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ว่า การรวมตัวกันจัดกิจกรรมต่างๆและการออกมาเคลื่อนไหวในทุกกรณีที่เกี่ยวข้องกับ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ทุกๆคนมีความคิดความเห็นที่ตรงกันว่า การย้ายหรือการตรวจสอบต่างๆต้องยุติธรรมโปร่งใส และอยากให้เกิดธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข ทุกๆคนที่ออกมาร่วมกันแสดงพลังในแต่ละครั้งไม่ได้บังเบียดเวลางาน หรือละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง มาร่วมกันในช่วงพักเที่ยงและหลังเลิกงานเท่านั้น มีการส่งข้อความเชิญชวนร่วมกิจกรรม ลงทะเบียนผ่านคิวอาร์โค้ด ไปยังกลุ่มไลน์โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ

“วันนี้ขอเชิญชวนพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกท่านร่วมกันแสดงพลังสีขาว ด้วยการแต่งเครื่องแบบชุดกาวน์พร้อมกันทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข ในเวลา 17.45 น. ที่โรงพยาบาลหรือสถานที่ปฏิบัติงาน จากนั้นก็ร่วมกิจกรรม ร่วมกันร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” และกล่าวคำว่า “SAVE ธรรมาภิบาล” #คนดีต้องมีที่ยืน พร้อมกัน 3 ครั้ง ให้ดังกึกก้องทั่วประเทศ” พญ.กนกวรรณกล่าว
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการโยกย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น ออกจากพื้นที่ และการแต่งตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า มารักษาการ ว่า ได้สอบถาม นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. ทราบว่าเคยมีการสลับตำแหน่งมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่สุดท้ายได้มีการกลับคำสั่ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆฝ่าย เท่าที่ทราบมีการตั้งคณะกรรมการอยู่แล้ว โดยช่วงแรกมีการตั้ง นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์ เป็นประธานตรวจสอบ
ส่วนเรื่องที่บุคลากร รพ.ขอนแก่นมองว่า การตั้งประธานสอบและรักษาการผู้อำนวยการไม่เป็นธรรม จะมีการเปลี่ยนประธานและรักษาการหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้หารือกับ นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการ สธ. ที่เป็นประธานสอบสวนวินัย ซึ่ง นพ.สุเทพบอกว่า มีภารกิจมากมาย ขอถอนตัวไปแล้ว ต้องหาคนใหม่มา อยู่ที่อำนาจปลัด สธ. ส่วนคนรักษาการก็ต้องถามปลัด สธ. ขอให้มั่นใจคณะกรรมการที่ตั้ง ซึ่งรู้หน้าที่อยู่ระดับซี 10 ทั้งนั้น คงไม่ทำอะไรซี้ซั้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าอย่าให้มีการกลั่นแกล้งกันในกระทรวง ส่วนที่ทางโรงพยาบาลจะแสดงสัญลักษณ์ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบราชการ เมื่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีความเห็นว่ามีมูลก็จะต้องดำเนินการตามกระบวนการหากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ส่วนเหตุผลที่ตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ เป็นรักษาการแทน เพราะพื้นเพเป็นคน จ.ขอนแก่น เคยเป็น ผอ.รพ.ชุมแพ ที่สำคัญไม่สามารถตั้งรอง ผอ.รพ.ขอนแก่น เป็นรักษาการได้ เพราะ นพ.ชาญชัย พูดชัดเจนว่า รอง ผอ.รพ.และคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลก็มีส่วนรู้เห็นในการรับเงินบริจาค จึงจำเป็นต้องตั้งคนอื่นมารักษาการแทน ส่วนจะพิจารณาตั้งรักษาการ ผอ.เป็นคนอื่นแทนหรือไม่ก็ต้องดูว่าเมื่อ นพ.เกรียงศักดิ์ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นอย่างไร
เย็นวันเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ รพ. ขอนแก่น จำนวนมากรวมตัวกันบนทางเดินภายใน รพ. กระทั่ง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล เดินออกจากห้องทำงานเพื่อกลับบ้าน ถือเป็นการทำงานในตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น เป็นวันสุดท้ายก่อนไปรายงานตัวที่กระทรวงสาธารณสุขตามคำสั่งใน วันที่ 5 มิ.ย. จากนั้นทั้งหมดได้มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้า รวมถึงร้องเพลงคนดีไม่มีวันตายและเพลงความฝันอันสูงสุด ก่อนเดินไปส่งขึ้นรถที่ทางเข้า รพ.ระยะทางประมาณ 1 กม. ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ ได้โบกมืออำลาเป็นครั้งสุดท้าย หลายคนหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ ซึ่ง นพ.ชาญชัยกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่มาส่งว่าขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน ดูแลรักษาประชาชนให้ดีที่สุด และขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกัน หากมีโอกาสพบเจอกันก็ขอให้ทักทายกัน
สำหรับปมย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น เคยเป็นข่าวดังมาแล้วเมื่อต้น ต.ค.2561 โดยแพทย์ พยาบาล และบุคลากรฝ่ายต่างๆ กว่า 50 คน แต่งชุดดำคัดค้านคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ลงนามโดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น มาเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่น ผู้ชุมนุมเห็นว่า นพ.ชาญชัย มีผลงานในการบริหารจัดการแก้ปัญหาการขาดทุนของโรงพยาบาลจากหลายร้อยล้านบาทจนพ้นจากภาวะขาดทุน กระทั่งมีคำสั่งให้ นพ.ชาญชัยกลับมาเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่น โดยให้ นพ.เกรียงศักดิ์ ไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี
5มิย2563
ไทยรัฐฉบับพิมพ์

story:
ขอนแก่น – “หมอชาญชัย” นำทีมองค์กรแพทย์ฯ เปิดใจไม่ได้รับความเป็นธรรม ระบุไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์บริษัทยา เตรียมต่อสู้กลับทางกฎหมาย
วันนี้ (4 มิ.ย.63) ที่ห้องแก่นเพชร อาคารสมเด็จพระเทพฯ รพ.ขอนแก่น  นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น  พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น และผู้แทนกลุ่มบุคลากรโรงพยาบาล ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรด้านสาธารณสุข ร่วม กันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีถูกกล่าวหาข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และคำสั่งย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่นที่ไม่เป็นธรรม
หลังมีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนไปยังผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า นพ.ชาญชัย มีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับเงินจำนวน 5% จากบริษัทจำหน่ายยาเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น ในช่วงเดือนเมษายน 61-ตุลาคม 61 ซึ่งถือว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง กระทั่งต่อมากระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคำสั่งย้ายด่วน นพ.ชาญชัย ไปปฏิบัติราชการที่กองบริหารการสาธารณสุข สำนักปลัดงานกระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มาปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รพ.ขอนแก่น แทน

ผอ.รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า คำสั่งของกระทรวงสาธารณสุขแจ้งข้อกล่าวหาตนว่า “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ซึ่งถือเป็นข้อหาที่ร้ายแรง และขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ตนปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทนใดๆ จากบริษัทจำหน่ายยา การรับบริจาคต่างๆ กระทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ข้อกล่าวหานี้จึงถือว่าไม่เป็นธรรมสำหรับตน

นอกจากนี้ ตนได้ทำหนังสือขอทราบข้อกล่าวหากรณีมีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ในขณะนี้ตนได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเพื่อพิจารณาว่าควรจะดำเนินการฟ้องร้องกลับหรือไม่ อย่างไร
“ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะมีการตั้งข้อกล่าวหาผม โดยที่ผมก็ยังไม่ทราบว่า ตนเองทำผิดตรงไหน ไม่เข้าใจว่า ถูกย้ายออกจาก รพ.ขอนแก่น ด้วยสาเหตุใด แต่เชื่อว่า การที่โดนตั้งข้อหาที่รุนแรงเช่นนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ต้องการให้มีการย้ายตัวผมออกนอกพื้นที่ และอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เสียผลประโยชน์อะไรบางอย่างในระบบ” นพ.ชาญชัย กล่าว

ด้าน พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น กล่าวชี้แจงกรณีมีข้อกล่าวหาว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรแพทย์เป็นการขัดขวางกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงเพราะกิจกรรมของทางองค์กรฯ มีเพียงการยื่นหนังสือต่อ ผวจ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมาและกิจกรรมการรวมตัวให้กำลังใจ ผอ.รพ.ขอนแก่น ไม่มีการประท้วงหรือขัดขวางกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด อีกทั้งกระบวนการสอบสวนยังไม่เกิดขึ้น จึงไม่เข้าใจว่าการเคลื่อนไหวขององค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น จะขัดขวางกระบวนการสอบสวนได้อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเรื่องของผู้ที่จะมารักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ก็คือ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี  โดยทั่วไปกระทรวงสาธารณสุขสามารถตั้ง รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ หรือ ผอ.รพ.ในพื้นที่เขต สปสช.เดียวกันมารักษาการณ์ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติงาน จึงไม่เข้าใจว่า นพ.เกรียงศักดิ์ซึ่งมาจาก รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี จะสามารถบริหาร งานโรงพยาบาลขนาดใหญ่พร้อมๆ กันทั้งสองแห่งได้อย่างไร
ขอนแก่น บุคลากร รพ.ขก.รวมตัวให้กำลังใจ “หมอชาญชัย” หลังมีคำสั่งย้ายด่วน
ขอนแก่น ผอ.รพ.ขอนแก่น เปิดใจทำงานด้วยความโปร่งใส แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ขอนแก่น ม็อบแพทย์ร้อง ผวจ.เหตุย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น อย่างไม่เป็นธรรม
การเคลื่อนไหวขององค์กรแพทย์ครั้งนี้ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สามารถกระทำได้ แต่อย่างไรก็ดี บุคลากรของ รพ. มีความสำนึกในหน้าที่ตน ทุกคนก็จะกลับไปทำหน้าที่ของตน ไม่ว่า ผอ.ที่มาปฏิบัติงานจะเป็นท่านใด

4มิย2563
https://www.77kaoded.com/news/aekkapongputta/1700486

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version