ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.ระดมสมอง 9 หน่วยงาน หาทางออกสาวญวน'อุ้มบุญ'ในไทย  (อ่าน 1510 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
 สธ.ระดมสมอง 9 หน่วยงาน ประชุมแก้ปัญหา กรณีสาวญวนรับจ้างอุ้มบุญในไทย เตรียมหารือ รวมสถานทูตเวียดนามหาทางออกแก่หญิงท้องที่เหลือ หลังพบสาวท้องเด็กแฝด 2 รายขอรีดลูก ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯ ชี้ เด็กเป็นสิทธิของหญิงเวียดนาม เพราะยังไม่มี กม.อุ้มบุญในไทย

 วันนี้ (25 ก.พ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการจัดการประชุมร่วมกันระหว่าง 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) มูลนิธิพิทักษ์สิทธิสตรี โรงพยาบาลนพรัตน์ บ้านเกร็ดตระการ และแพทยสภา เพื่อพิจารณาหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ด้วยวิธีอุ้มบุญ จากกรณีการจับกุมบริษัทนายหน้ารับหาหญิงเพื่ออุ้มบุญให้แก่ครอบครัวที่อยาก มีบุตร และมีหญิงชาวเวียดนามเป็นผู้รับอุ้มบุญ
       
       นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 28 ก.พ.จะมีการเชิญ พม. ดีเอสไอ กระทรวงต่างประเทศ และสถานฑูตเวียดนาม เข้าหารือ เพื่อพิจารณาถึงแนวทางที่เหมาะสมกับหญิงชาวเวียดนามที่อยู่ในกระบวนการนี้ ทั้งหมด ว่าจะสามารถทำอย่างไรได้ เพราะประเทศไทย และเวียดนาม มีการลงนามข้อตกลงระหว่างกันในเรื่องป้องกันการค้ามนุษย์ ซึ่งขณะนี้ยังมีหญิง ชาวเวียดนามที่ตั้งครรภ์ 6 คน โดย 2 คนตั้งครรภ์ 18 และ 20 สัปดาห์ เป็นครรภ์แฝดร้องขอทำแท้ง ส่วนอีก 4 คนตั้งครรภ์อยู่ที่ 6-8 เดือน จึงต้องร่วมกันพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ทำแท้งได้หรือไม่ และเด็กที่เกิดมาจะดูแลอย่างไร
       
       นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับข้อสรุปของที่ประชุม คือ 1 บริษัทที่กระทำการดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว 2 สถานพยาบาลที่รับผสมเทียมในครั้งนี้ ถือว่าเข้าข่ายมีความผิด เนื่องจากมีการว่าจ้าง ซึ่งผิดเกณฑ์ของแพทยสภา ซึ่งปัจจุบันดีเอสไอ กำลังสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหาผู้กระทำผิด และ 3 การแก้ปัญหาหญิงชาวเวียดนาม ซึ่งมีทั้งประสงค์จะทำแท้ง และไม่ทำแท้ง จะนำข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่าสามารถดำเนินการทำแท้งให้ได้ หรือไม่และเด็กที่เกิดมาจะต้องทำอย่างไร ซึ่งน่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า
       
       ศ.นพ.สมบูรณ์ คุณาธิคม ประธาน ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของเด็กที่เกิดจากสาวชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นสิทธิของผู้คลอด เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทาง การแพทย์ พ.ศ..... ของไทยที่ระบุว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของเซลล์และรังไข่ถือว่ามีสิทธิในตัวเด็ก ยังไม่บังคับใช้ ตามกฎหมาย ดังนั้นเด็กจึงเป็นบุตรของผู้คลอดโดยสมบูรณ์ แต่หากจะมีการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเหตุผลอื่นก็เป็นกระบวนการต่อไป และหากผู้อื่นจะขอเด็กไปเลี้ยงก็เป็นเพียงพ่อ แม่บุญธรรมเท่านั้น นอกจากนี้ หญิงชาวเวียดนาม ไม่เข้าข่ายความผิดใดของกฎหมายไทย เนื่องจากไม่มีกฎหมายบังคับใช้ มีเพียงเกณฑ์ของแพทยสภาที่ใช้บังคับแพทย์เรื่องจริยธรรมเท่านั้น
       
       นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า แพทยสภาจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการสอบสวนจริยธรรมภายในสัปดาห์หน้า โดยจะนำข้อมูลที่ได้จากดีเอสไอ ที่ขณะนี้มีภาพถ่ายแล้วว่าเป็น ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ที่มีส่วนกระทำ โดยจะตรวจสอบว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่ และได้รับการอนุญาติจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์หรือไม่ ซึ่งจะต้องสอบสวนว่าการกระทำดังกล่าวหากเป็นแพทย์ มีส่วนรู้เห็นต่อขบวนการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ จะเรียกข้อมูลจาก รพ.เสรีรักษ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำคลอดเพิ่มเติมว่ามีหลักฐานใดเชื่อมโยงกันหรือไม่

ASTVผู้จัดการออนไลน์    25 กุมภาพันธ์ 2554