ผู้เขียน หัวข้อ: กทม.แจงไม่พบรพ.ในสังกัดเบิก'ซูโด'ผิดปกติ  (อ่าน 846 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
กทม.ระบุยังไม่พบความผิดปกติเบิกจ่าย"ซูโด"ในสถานพยาบาลสังกัด กทม. เรียกร้องคนปูดข่าวรับผิดชอบในคำพูด เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร ขณะที่ ผอ.วชิรพยาบาล เผยหารือกับ “พสิษฐ์” แล้ว ยืนยันไม่เคยระบุชี้ชัดวชิรพยาบาลเข้าไปเกี่ยวข้อง...

พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายยาซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลในสังกัดกทม.ทั้ง 8 แห่ง และ 1 มหาวิทยาลัยในกำกับ เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ โดยในส่วนของวชิรพยาบาลได้มีการรายงานผลการใช้ยา และยาที่เหลือในคลังยาขณะนี้ 16,000 เม็ด ซึ่งในพรุ่งนี้ (2 เม.ย.) โรงพยาบาลในสังกัดจะมีการรายงานผลมาเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง  ที่ผ่านมา กทม.ปฏิบัติตามการประสานมาของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้มีการตรวจสอบการเบิกจ่ายยาซูโดอีเฟดรีนแต่ละโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนกรณีที่มีการด่วนสรุปว่าโรงพยาบาลในสังกัด กทม.เข้าข่ายยาซูโดอีเฟดรีนหายนั้น ต้องการให้มีการรับผิดชอบคำพูดที่ออกไปทุกครั้ง เพราะสถานพยาบาลที่เปิดรายชื่อได้กลายเป็นจำเลยสังคม บางแห่งที่ระบุว่าเข้าข่ายดังกล่าวเป็นโรงเรียนแพทย์ อาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร เพราะไม่ได้มีแค่ผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังมีนักศึกษาแพทย์ นักศึกษาพยาบาล จึงขอให้มีการตรวจสอบที่แน่ชัดก่อนมีการเปิดเผยรายชื่อสถานพยาบาล ทุกอย่างควรทำอย่างมีหลักการ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการพูดบนเวทีเสวนา ส่วนจะมีการฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าวหรือไม่คงต้องปล่อยให้สถานพยาบาลที่ได้รับความเสียหายจากเรื่องดังกล่าวพิจารณา ว่าจะดำเนินการเช่นไรต่อไป

ด้าน นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการวชิรพยาบาล กล่าวว่า ได้มีการหารือกับนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยยืนยันว่าไม่เคยมีการเอ่ยชื่อว่า วชิรพยาบาลเกี่ยวข้องกับยาซูโดอีเฟดรีนหาย จึงขอให้ความเป็นธรรมกับทั้งวชิรพยาบาลและนายพสิษฐ์ด้วย  การจัดทำข้อมูลยาของวชิรพยาบาลมีการจัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และมีการจำกัดการใช้ยาดังกล่าวด้วยควรระมัดระวังมาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งตนและนายพสิษฐ์จะขอให้สื่อเปิดเผยรายชื่อแหล่งที่กล่าวอ้างที่ทำให้เกิดความเสียหาย หากทำไม่ได้ก็จะดำเนินการฟ้องร้อง

ไทยรัฐออนไลน์  2 เมย 2555