ผู้เขียน หัวข้อ: เสนอขึ้นทะเบียนยาทำแท้ง ตั้ง “คลินิกปรับประจำเดือน”  (อ่าน 1654 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
เสนอตั้ง “คลินิกปรับประจำเดือน” ทุก รพ. พร้อมแนะเปิดช่องทาง ขึ้นทะเบียนยาทำแท้ง แฉ รพ.ส่วนใหญ่ยังใช้เครื่องมือขูดมดลูกโบราณอยู่ ทั้งที่เครื่องดูดราคาแค่ 1,500 บาท เผย หญิงทำแท้ง 44% มีปัญหาทางจิต บางคนมีความผิดปกติถึงขั้นบ้า
       
       ที่โรงแรมสยามซิตี้ วันนี้ (5 เม.ย.) มีการจัดเวทีเสวนา “ปัญหาการทำแท้งในประเทศไทย” โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.กำแหง จาตุรจินดา ประธานมูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรี (แห่งประเทศไทย) กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ปัจจุบันยังมีการขูดมดลูกเพื่อทำแท้งกันอยู่ ทั้งๆ ที่เครื่องขูดซึ่งเป็นเหล็กใช้มานับ 100 ปีแล้ว แถมมีราคาแพงกว่าเครื่องดูด ในขณะที่เครื่องดูดราคาเพียง 1,500 บาทเท่านั้น ถูกกว่า และปลอดภัยกว่า เหมาะกับอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และเครื่องมือดูดยังสามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ด้วย เช่น เก็บเนื้อเยื่อโพรงมดลูกมาตรวจกรณีเลือดออกผิดปกติ แต่ รพ.ทั่วประเทศใช้เพียงประมาณ 200-300 แห่งเท่านั้น ทั้งนี้ จากการสำรวจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีแพทย์ประมาณ 25% ที่สามารถใช้เครื่องดูดได้
       ศ.เกียรติคุณ นพ.กำแหง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยาที่ใช้ยุติการตั้งครรภ์ราคาเพียงเม็ดละไม่กี่บาท แต่มาขายในประเทศไทยราคาหลายพันบาท และยายังไม่ได้รับการจดทะเบียน เพราะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ไปทำวิจัยต่ออีก แม้จะจดทะเบียนแล้วแต่ถ้าคนเข้าไม่ถึงก็ไม่มีประโยชน์ ผู้หญิงจำนวนมากจึงยังเข้าไม่ถึงการบริการที่ปลอดภัย มีการเสียชีวิตจากการทำแท้งไม่ปลอดภัยอยู่
       
       ศ.นพ.รณชัย  คงสกนธ์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์สูงมาก วัยรุ่นไทยตั้งครรภ์สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่ไม่ได้รับการดูแล เพราะระบบไม่เปิด ตนเคยเจอแม่พาลูกสาวมาหา เพราะประจำเดือนขาด แต่ไม่รู้จะส่งไปไหน จะส่งไปแถวสุขุมวิท ก็มีปัญหาอีก ตนคิดว่า รพ.ทั้งหลายควรมีคลินิกปรับประจำเดือน พอประจำเดือนไม่มาก็ไปหาคลินิกปรับประจำเดือน
       
       ศ.นพ.รณชัย กล่าวต่อว่า กรณียารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศสามารถซื้อได้ทั่วไป แต่ยายุติการตั้งครรภ์กลับไม่ให้ซื้อ จึงอยากให้มีการเปิดเรื่องนี้ เนื่องจากต่างประเทศก็ใช้ยาตัวนี้ ยิ่งปิดราคายิ่งแพง ปัญหาที่ตามมาคือ เราจะเห็นทารกถูกทิ้งตามถังขยะ และถูกส่งไปสถานสงเคราะห์เต็มไปหมด หรือเด็กเกิดมาแล้วถูกทำร้าย เพราะแม่ไม่ต้องการ แต่สังคมบังคับให้ต้องมี พอมีลูกแม่ก็เกิดความคับแค้นใจ กดดัน นอกจากนี้ เด็กที่เกิดมาโตขึ้นก็มีโอกาสเป็นปัญหาของสังคม
       
       “จากการศึกษาผู้หญิงที่ทำแท้งเถื่อนหลังทำ 8 อาทิตย์ พบว่า 44% มีปัญหาทางจิตใจ 36% นอนไม่หลับ 31% เศร้า เสียใจ และ 11% มีความผิดปกติทางจิตบางคนถึงขั้นบ้า เนื่องจากคนที่ไปทำแท้งเถื่อนไปทำด้วยความรู้สึกผิด แต่ถ้ามีการเปิดคลินิกปรับประจำเดือนใน รพ.ต่างๆ การพูดคุยกับคนไข้ให้เข้าใจ จะทำให้เขามีทางออก ดังนั้น หมายถึงยุติการตั้งครรภ์เป็นแนวทางหนึ่งที่ต้องพูดคุยกัน ควรอนุญาตให้ทำได้ และหลายฝ่ายต้องช่วยกัน“ ศ.นพ.รณชัย กล่าวและว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจาก อย. เพื่อให้มีการขึ้นทะเบียนยาทำแท้งได้
       
       รศ.ดร.กฤตยา  อาชวนิจกุล สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เรื่องการทำแท้งนอกจากจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้วกลับถอยหลังแย่ลง เพราะตั้งแต่มีข่าวทารก 2,000 ศพ และมีข่าวดาราไปทำแท้ง ทำให้คนเข้าใจผิดว่า การทำแท้งผิดกฎหมายทุกกรณี แม้แต่ผู้ถือกฎหมายอย่างตำรวจด้วย ดังนั้น อย่าไปหวังว่าจะได้รับการแก้ไข อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขไม่เคยนำเรื่องนี้มาทำอย่างเป็นระบบ เชื่อว่า หมอจำนวนมากอยากให้บริการแต่ให้บริการไม่ได้ เพราะในระบบไม่เอื้อต่อการทำแท้ง
       
       ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อดีตนายกแพทยสภา กล่าวว่า การใช้ยายุติการตั้งครรภ์ถือว่ามีปลอดภัย ดังนั้น ต้องพยายามผลักดันเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมาย ถ้ายาทำแท้งถูกกฎหมายจะมีราคาถูกราคาไม่กี่สิบบาทแทนที่จะเป็นหลักพันบาท และมีการลักลอบจำหน่าย โดยยาที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด ชนิดหนึ่งมีสรรพคุณบีบมดลูก อีกชนิดยับยังการสร้างฮอร์โมน ทำให้ทารกไม่สามารถเจริญเติบโตได้


ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 เมษายน 2555