การพลีทุกอย่าง เพื่อให้ "กทม." รอดพ้นจากน้ำท่วมตอนนี้
จะสูญเปล่า เป็นเพียง "การพลี" เพื่อสังเวยให้ "น้ำ" ดังที่เกิดขึ้นกับนครสวรรค์ แล้วไล่เรียงมาจนถึงปทุมธานี นนทบุรี หรือไม่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
แต่หวาดเสียวว่าจะเป็นการพลีที่สูญเปล่า
เพราะโอกาสที่เราจะพ่ายแพ้แก่ธรรมชาติสูงมาก
หากเป็นเช่นนั้น คงเปล่าประโยชน์ที่จะไปชี้หน้ากล่าวโทษใคร
นอกจาก "ทำใจ"
ขนาดญี่ปุ่น ที่ว่ากันว่ามีระบบป้องกันสึนามิดีที่สุดในโลก มีแผนรับมือวิกฤตจากภัยธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็ยังย่อยยับ
แล้วประเทศไทย ซึ่งประชดประเทียดกันเองว่า ฝากความหวังไว้ที่ "กระสอบทราย"
ไม่มีความหวังอื่น นอกจากต้องยอมรับความจริงว่า ความมั่นคงแข็งแรงเพื่อรับมือกับ "มหาน้ำ" ของเราก็ไม่ต่างกับ "ปราสาททราย" เท่านั้น
ปราสาททรายที่ "ไม่เหลืออะไรเลย" เมื่อเจอน้ำซัดเข้าใส่
อาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปบ้าง
แต่อย่างที่บอก ตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรีบทำใจรับสภาพ เพื่อที่จะเหลือเรี่ยวแรง และความนึกคิดว่าจะทำอะไรเพื่อประคับประคองให้อยู่กันต่อไปได้
เมื่อ "พออยู่ได้" แล้วค่อยสรุปบทเรียนเพื่อที่จะค่อยๆ ลุกเพื่อเดินต่อไป
ซึ่งถ้าหากมีมติชน ฉบับวันที่ 20 ตุลาคม 2554 อยู่ในมือ ช่วยตัดข่าวเล็กๆ ที่หน้าเศรษฐกิจใส่ถุงพลาสติกกันเปียกเก็บเอาไว้หน่อย
เผื่อยังพออยู่ได้ และมีเรี่ยวแรงสรุปบทเรียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น อาจหยิบเอามาพิจารณาด้วย
ข่าวว่าไว้อย่างนี้
"เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แจ้งให้ทราบผลการตรวจสอบการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำของประเทศ
ทั้งปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และน้ำเน่าเสีย
โดยการบริหารจัดการลุ่มน้ำ 25 ลุ่มน้ำหลัก ที่รัฐได้ทุ่มงบประมาณไปกว่า 160,591.86 ล้านบาท ระหว่างปี 2548-2552
พบว่าโครงการส่วนใหญ่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำได้อย่างเป็นระบบและไม่เกิดความยั่งยืน
การจัดทำแผนงบประมาณการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเชิงบูรณาการยังไม่เกิดผลสัมฤทธิ์
ทำให้การใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพและไม่คุ้มค่า
จากการตรวจสอบโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำในระดับพื้นที่ ได้แก่ ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม คุณภาพน้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สุ่มตรวจสอบ 171 โครงการ ใน 35 จังหวัด พื้นที่ 14 ลุ่มน้ำหลัก 68 ลุ่มน้ำสาขา ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2548-2552 งบประมาณ 1,637.34 ล้านบาท
พบว่ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพื้นที่ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รวมจำนวน 96 โครงการ
คิดเป็น 56.14% ของจำนวนโครงการเข้าตรวจสอบ
สาเหตุเกิดจากหลายประการ
อาทิ องค์กรการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ชุมชน เป็นตัวแทนจากภาคประชาชนยังขาดความเข้มแข็ง ไม่สามารถดำเนินงานตามบทบาทที่กำหนดได้อย่างแท้จริง
หน่วยงานเกี่ยวข้องยังขาดการบูรณาการและวางแผนการทำงานร่วมกัน
ตลอดจนไม่มีระบบการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน"
ช่วยขีดเส้นใต้ ส่วนที่ระบุว่า "รัฐได้ทุ่มงบประมาณไปกว่า 160,591.86 ล้านบาท ระหว่างปี 2548-2552" ให้ชัดๆ
จะได้ตระหนักว่าประเทศนี้ได้ "พลี" อะไรไปมากมายเกี่ยวกับน้ำ
แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือ "ไม่มีประสิทธิภาพและไม่คุ้มค่า"
นี่จึงอาจเป็นคำตอบสำคัญ ว่าทำไมเราจึงจมกันทั้งประเทศขณะนี้
ส่วนจะแก้กันยังไงค่อยว่ากัน ตอนนี้เอาตัวให้รอดก่อน
เป็นกำลังใจให้กันและกัน
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 23 ตุลาคม 2554)