การมีรูปร่างหน้าตาดีนั้นถือได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งอาชีพคุณหมอหรือแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความสวยความงาม อย่างเช่น แพทย์ผิวหนัง แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตา เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า หรืออีกนัยหนึ่งคือเพื่อสร้างความน่าไว้วางใจ และความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการนั่นเอง และนอกจากเรื่องของความสวยความหล่อแล้ว การทำตนเองให้ดูดีเพื่อภาพพจน์ขององค์กรก็
เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะคุณหมอเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นหน้าตาให้กับองค์กรก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม เหล่าบรรดาแพทย์รุ่นใหม่จากหลากหลายสถานประกอบวิชาชีพ ได้เผยให้ทราบถึงมุมมองของตนเอง ที่มีต่อกระแส
สวยหล่อมาก่อน ความสามารถเป็นเรื่องรองที่ต้องพิสูจน์ โดย นายแพทย์เริงศักดิ์ แสนสุขแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป จากอินทัชเมดิแคร์ คลินิกเวชกรรมรักษาโรคทั่วไป กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วไม่มีความจำเป็นที่แพทย์จะต้องสวยหรือดูดีเพื่อเรียกคนไข้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานว่าเป็นแพทย์ด้านไหน เพราะถ้าทำงานเกี่ยวข้องกับความสวยความงามนั้น หน้าตาหรือบุคลิกดีก็เป็นส่วนสำคัญที่สร้างแรงจูงใจให้กับคนไข้ เพราะคนไข้ที่มารักษาเกี่ยวกับความสวยความงามนั้น ก็อยากสวย ดูดีเหมือนแพทย์ที่รักษาตนนั่นเอง
คุณหมอกล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวนั้นการที่จะทำให้คนไข้ไว้วางใจและเชื่อถือ ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาเพียงอย่างเดียว เพราะการที่มีบุคลิกหน้าตาดีนั้น เป็นเพียงกำไรหรือต้นทุนที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นมากกว่า แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติตนด้วยความสุภาพอ่อนน้อม และการสื่อสารที่ดีกับคนไข้ เพราะหากแพทย์ที่เรียนเก่งและได้รับเกียรตินิยมนั้น แต่ไม่สามารถสื่อสารข้อมูลกับคนไข้ได้ ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด ส่วนการคงความสวยหล่อเพื่อสร้างภาพพจน์ให้กับองค์กรนั้น คุณหมอรุ่นใหม่ให้เหตุผลว่า หากเป็นแพทย์ที่ประกอบอาชีพด้านความงามก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้แล้ว ยังสร้างความมั่นใจให้กับแพทย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งการดูแลตนเองให้ดูดีนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ยาก สำหรับแพทย์ที่รู้วิธีและดูแลตนเองเป็นประจำอยู่แล้ว
ด้านแพทย์ศึกษาต่อเฉพาะทาง ชั้นปีที่ 1 นายแพทย์ปิติพร พริคัมพันธุ์นิพ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า สำหรับหมอยุคใหม่ที่จะต้องดูสวยหล่อนั้น มองว่าน่าจะเป็นแพทย์ที่ทำงานด้านความสวยความงาม เช่น แพทย์ผิวหนัง แพทย์ศัลยกรรมมากกว่า เพราะหากแพทย์ที่ทำการรักษาไม่ดูแลผิวพรรณตนเอง ปล่อยให้ผิวพรรณหมองคล้ำหรือดูไม่ค่อยสะอาด ก็จะทำให้ความไว้วางใจหรือความน่าเชื่อถือนั้นลดลง พูดง่ายๆ ว่ารูปร่างหน้าตาของแพทย์ด้านความงาม มีผลต่อการตัดสินใจเข้าไปรักษานั่นเอง นอกจากนี้การแต่งกายให้สุภาพ เหมาะกับกาลเทศะ และสื่อสารกับคนไข้ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะเข้าใจง่าย ก็สามารถช่วยสร้างความอบอุ่นและความสบายใจ และทำให้คนไข้ไว้วางใจได้มากขึ้น ส่วนถ้าเป็นแพทย์ที่เกี่ยวกับเวชกรรมหรือรักษาทั่วไป เรื่องของหน้าตานั้นไม่จำเป็นต้องเน้น แต่ควรเน้นให้เวลากับคนไข้ให้มากที่สุดในการรับฟังปัญหา เพื่อนำมาซึ่งการรักษาที่ตรงจุดต่อไปจะดีกว่า
ส่วนมุมมองในเรื่องของดูแลตนเองให้ดูดีของแพทย์ที่ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับความสวยความ เพื่อช่วยสร้างภาพพจน์ให้กับองค์กรนั้น คุณหมอให้แนวคิดว่า ขึ้นอยู่กับองค์กรว่าเป็นองค์กรประเภทใด เพราะถ้าเป็นองค์กรรัฐบาล มองว่าอาจจะไม่จำเป็น แต่ถ้าเป็นองค์กรเอกชน และดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนไข้ที่มาใช้บริการแล้ว ยังช่วยทำให้สุขภาพของแพทย์ดีไปพร้อมกัน เพราะได้ดูแลตนเองในระยะยาว และคาดว่าคงไม่เป็นการเสียเวลาหรือยุ่งยากสำหรับแพทย์ด้านความสวยความงาม ที่มักดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป รพ.ขอนแก่น และดีกรีรองนางสาวไทยอันดับหนึ่ง ปี 2552 อย่าง พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี เผยว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่า การศึกษาด้านการแพทย์นั้น เป็นศาสตร์ที่เน้นในเรื่องของการรักษา มากกว่ามองเป็นเรื่องของเชิงพาณิชย์หรือเชิงธุรกิจ ดังนั้นตนจึงมองว่าหน้าตาไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญที่ดึงดูดลูกค้าสำหรับคนเป็นแพทย์ เพราะสิ่งที่จะดึงดูดและสร้างความน่าเชื่อถือจากคนไข้ไปสู่แพทย์นั้น มองว่าอยู่ที่การใช้ความรู้ความสามารถที่มี ถ่ายทอดไปสู่
คนไข้ด้วยถ้อยคำที่ง่ายที่สุด เพื่อนำมาสู่การร่วมมือ และช่วยทำให้โรคภัยที่เป็นอยู่บรรเทาลง เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
คุณหมอดีกรีนางงามกล่าวต่อว่า แม้ว่าเรื่องของความสวยความงาม จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่แพทย์ต้องมี แต่ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกินไป พูดง่ายๆ ควรแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่ตามแฟชั่นมากจนเกินไป เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนไข้นั่นเอง ส่วนเรื่องของการคงความสวยงาม เพื่อสร้างภาพพจน์ให้กับองค์กรนั้น พญ.กอบกุลยากล่าวว่า โดยส่วนตัว
มองว่าการควบคุมเรื่องของบุคลิกภาพ และลักษณะของการเป็นแพทย์ เช่นเรื่องความสะอาด การมีบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนไข้
ด้วยความอ่อนโยนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการคงความหน้าตาสวยหล่อ.
ไทยโพสต์ 11 มกราคม 2555