กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
11
ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ / www.ฟ้องแพทย์ฟ้องโรงพยาบาล.com
« กระทู้ล่าสุด โดย story เมื่อ 12 พฤษภาคม 2024, 11:14:23 »
HALTH TWO NINE
สำนักงานที่ปรึกษาสิทธิผู้ป่วย และความเสียหายทางการแพทย์

ความเสียหายทางการแพทย์
ผู้ป่วย/ญาติ/บุคลากรทางการแพทย์ ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย อันเนื่องมาจากความประมาท เลินเล่อ ในการรักษาพยาบาล ไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ และระบบรับรองคุณภาพโรงพยาบาล/สถานพยาบาล

สิทธิผู้ป่วย
ผู้ป่วย/ทายาท ไม่ได้รับสิทธิ หรือมีสิทธิขั้นพื้นฐาน ในการเข้ารับบริการด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และคำประกาศสิทธิของผู้ป่วย

บริการของเรา
ให้คำปรึกษา แนะนำ เรียกร้องสิทธิผู้ป่วย เจรจา ไกล่เกลี่ยค่าชดเชย เรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายต่อหน่วยงานของรัฐ และศาลยุติธรรม

ให้คำปรึกษา ฟรี 24 ชม.
ให้คำปรึกษา....ด้านสิทธิผู้ป่วย ความเสียหายทางการแพทย์ การวิเคราะห์เหตุแห่งการละเมิด จากกระบวนการดูแลรักษาพยาบาล  การดำเนินการเรียกร้องสิทธิ การขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากภาครัฐ(สปสช./ปกส./ศาลปกครอง/ศาลแรงงาน) การเจรจาเรียกค่าชดเชยกับสถานพยาบาล และผู้ประกอบวิชาชีพ และการฟ้องดำเนินคดีเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อศาลยุติธรรม ฯลฯ

เรียกร้องสิทธิผู้ป่วย
บริการ...รับมอบอำนาจ เพื่อบริหารจัดการ และดำเนินการเรียกร้องสิทธิ การขอเวชระเบียน (ประวัติการรักษาพยาบาล) การขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากภาครัฐ (สปสช./ปกส.) การอุทธรณ์คำสั่งเงินช่วยเหลือเบื้องต้น การยื่นฟ้องเพิกถอนคำสั่ง สปสช./ปกส.ต่อศาลปกครอง และศาลแรงงาน และการเรียกร้องสิทธิอื่นๆ กรณีการไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานจากการรับบริการด้านสุขภาพตามกฎหมาย

เจรจา เรียกร้องค่าชดเชย
บริการ..รับมอบอำนาจ เจราจา ไกล่เกลี่ย เรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายทางการแพทย์ กับผู้ประกอบวิชาชีพ โรงพยาบาลรัฐ/ต้นสังกัด โรงพยาบาลเอกชน และสถานพยาบาลทั่วไป

ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
บริการ...เป็นที่ปรึกษา เสมียน/ผู้ช่วยทนาย และผู้รับมอบอำนาจดำเนินการ การฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยความเสียหาย การประสานงานบุคลากรทางการแพทย์  สหสาขาวิชาชีพ การตรวจวิเคราะห์เวชระเบียน การจัดเตรียมข้อมูล เอกสาร หลักฐานทางการแพทย์ Textbook/CPG/Handbook/ข้อกำหนดระบบรับรองคุณภาพโรงพยาบาล และสถานพยาบาล เพื่อใช้เป็นพยานเอกสารในการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาล ฯลฯ

ค่านิยมหลัก
เรา...ตระหนักและให้ความสำคัญ ต่อบุคลากรทางการแพทย์ ที่ใส่ใจดูแลให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วย ตามมาตรฐานวิชาชีพ และระบบรับรองคุณภาพมาตรฐาน สถานพยาบาล ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน และเสียกำลังใจ...เสมอมา

" อีกหนึ่งความหวังของเรา "
ถ้าคุณเป็นผู้เสียหายทางการแพทย์ที่แท้จริง การเรียกร้องสิทธิ์ความเสียหายของคุณ จะเป็นบทเรียนสำคัญ ให้ผู้ประกอบวิชาชีพและสถานพยาบาล ตระหนักถึงการพัฒนาระบบคุณภาพการรักษาพยาบาล ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อลดความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง และจริงจังต่อไป

หนึ่งการเรียกร้องสิทธิ์ของคุณ คือ อีกหลายบทเรียนสำคัญของสถานพยาบาล และผู้ประกอบวิชาชีพ

อ.อริยวรรธท์
ผู้ชำนาญการงานบริหารโรงพยาบาล และสถานพยาบาล มากว่า 20 ปี ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี 24 ชม.

HEALTH TWO NINE
บริษัท ทูไนน์ เฮลท์ เซอร์วิส จำกัด
http://www.ฟ้องแพทย์ฟ้องโรงพยาบาล.com
E:mail : healthtwonine@gmail.com
สำนักงานเลขที่ 29/29 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว    กรุงเทพมหานคร 10230 Tel : 0-2014-1729 Hotline : 09-1515-2929             
12
'เลขาศาลยุติธรรม' ออกหนังสือด่วนที่สุด แนวทางสืนพยาน 'แพทย์' เบิกความออนไลน์ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาขึ้นศาลแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม มีหนังสือด่วนที่สุด แจ้งเวียนแนวทางการสืบพยานที่เป็นแพทย์โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในคดีแพ่ง โดยมีหลักการสำคัญให้มีการ สืบพยานที่เป็นแพทย์ ผู้ไม่มีส่วนได้เสียในคดีผ่านแอปพลิเคชัน Google Meet แพทย์อาจเบิกความ ณ โรงพยาบาลที่สังกัดอยู่ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ศาล

โดยแนวทางดังกล่าวเกิดจาก สำนักงานศาลยุติธรรม เล็งเห็นว่า แต่ละวันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่รอเข้ารับบริการจากบุคลากรทางการแพทย์ ขณะเดียวกันแพทยฺ์อาจต้องเสียเวลาเดินทางมาเบิกความในฐานะพยานทำให้เสียโอกาสในการตรวจรักษาผู้ป่วย

ดังนั้นสำนักงานศาลยุติธรรม จึงได้มีหนังสือแจ้งแนวปฏิบัติดังกล่าวไปยังศาลทั่วประเทศด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม ซึ่งคำนึงถึงประชาชนที่ต้องได้รับการบริการด้านสาธารณสุขในเวลาเดียวกัน ภายใต้นโยบายสร้างสรรค์ความยุติธรรมที่ยั่งยืน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางของนางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา

9 พ.ค. 2567
https://www.komchadluek.net/news/crime/574407
13
อร่อยเด็ดแซ่บนัว! "ส้มตำ" สร้างชื่อ คว้าอันดับ 11 สลัดที่ดีที่สุดในโลก เมนูอื่นก็ไม่น้อยหน้า "ส้มตำไข่เค็ม-พล่ากุ้ง-ยำวุ้นเส้น" ติดอันดับด้วย

เผยผลเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการจัดอันดับ "สลัด" ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2024 ของทาง TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านอาหารชื่อดัง บอกเลยว่าอาหารไทยอร่อยไม่เป็นสองรองใคร เพราะมีเมนูติดอันดับมากกว่า 4 เมนู ได้แก่ ส้มตำ ตำไข่เค็ม พล่ากุ้งและยำวุ้นเส้น

เมนูสลัดสร้างชื่อได้แก่ "ส้มตำ (Som tam)" สามารถคว้าอันดับที่ 11 โดยเว็บไซต์อธิบายว่า ส้มตำส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาคอีสานของไทย แม้จะมีการระบุว่าเคยปรากฏครั้งแรกในลาวก็ตาม ด้านรสชาติมีความหวานและเผ็ด ซึ่งร้านอาหารมักให้ลูกค้าปรับส่วนผสมได้ตามความต้องการ และเมนูนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ถัดมา "ส้มตำไข่เค็ม (Papaya salad with salted egg)" คว้าอันดับที่ 20 มาครอง โดยเว็บไซต์อธิบายว่า ส้มตำไข่เค็มเป็นส้มตำที่มีต้นกำเนิดจากไทย มีความแตกต่างจากที่อื่นเพราะด้านบนโปะด้วยไข่เค็ม

ต่อมา "พล่ากุ้ง (Phla kung)"  ติดอันดับที่ 41 โดยทางเว็บไซต์ได้อธิบายว่า พล่ากุ้งประกอบด้วยกุ้งลวกรวมกับตะไคร้สับ หอมแดง ใบมะกรูด ผักชี และใบสะระแหน่ คลุกด้วยน้ำสลัดพริกมะนาว โดยทั่วไปแล้วจะมีรสเผ็ดและโรยหน้าด้วยสะระแหน่

เมนูนี้ค่อนข้างทำได้หลากหลาย อาจใช้อาหารทะเล หรือปลาแทนกุ้ง หรือจะใช้อาหารทะเลหลายชนิดมาผสมรวมกันเพื่อให้ได้สลัดที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

และ "ยำวุ้นเส้น (Yum woon sen)" แซ่บจนคว้าอันดับที่ 48 มาครอง โดยทางเว็บไซต์ได้อธิบายว่า ยำวุ้นเส้นสลัดไทยรสเผ็ดที่ทำจากวุ้นเส้น หมูบด พริก และน้ำยำ โดยเส้นและหมูจะปรุงแยกจากกัน จากนั้นค่อยนำมายำรวมกับผัก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและมะนาว พื้นฐานแล้วยำมีรสชาติค่อนข้างเผ็ด ผู้คนจึงมักรับประทานพร้อมกับข้าวสวยและผักกาดหอม

11 พค 2567
ข่าวสด
14
“ไมโครพลาสติก” และ “นาโนพลาสติก” มลพิษจากพลาสติกที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ สามารถเดินทางไปทั่วโลก แม้แต่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ ขั้วโลกเหนือ ใต้มหาสมุทรและบนก้อนเมฆก็ยังพบอนุภาคพลาสติกปะปนอยู่ ดังนั้นทุกการหายใจเข้าออกของเรา จึงมีโอกาสที่เราจะสูดดมชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของพลาสติกเหล่านี้เข้าไป การศึกษาล่าสุดนำโดย ดร.สุวัส ซาฮา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ เผยให้เห็นเส้นทางที่มลพิษขนาดจิ๋วเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายของเราและความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ชิ้นดังกล่าว ใช้พลศาสตร์ของไหลและอนุภาคเชิงคำนวณ (CFPD) ในการสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเราหายใจเอาไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย และเมื่อมันเข้าไปอยู่ในร่างกายของเราแล้วจะไปส่วนใด

“ขณะนี้มลภาวะทางอากาศจากอนุภาคพลาสติกแพร่กระจายไปทั่วโลก และการสูดดมถือเป็นหนึ่งในวิธีสารเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้มากที่สุด ไม่ต่างจากการกินและดื่ม” ดร.สุวัส ซาฮา ผู้เขียนนำในงานวิจัยกล่าว

“ไมโครพลาสติก” อยู่ทุกที่
ไมโครพลาสติก ชิ้นส่วนพลาสติกขนาดไม่เกิน 5 มิลลิเมตร และนาโนพลาสติก พลาสติกขนาดเล็กกว่าเส้นผมและตรวจจับได้ยาก ลอยฟุ้งอยู่ทั้งในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งและในร่ม ซึ่งหมายความว่านี่เป็นปัญหาที่ทุกคนในโลกสามารถสัมผัสได้ หากพลาสติกแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ มากพอ ผักและผลไม้จะสามารถดูดซับไมโครพลาสติกผ่านระบบรากของมัน เช่นเดียวกับสัตว์ต่าง ๆ ที่เผลอกินไมโครพลาสติกเข้าไปโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อพืชและสัตว์เหล่านี้กลายเป็นอาหารของมนุษย์ ก็จะส่งมอบไมโครพลาสติกมาให้มนุษย์ด้วยเช่นกัน

ดร.ซาฮา ระบุว่า ไมโครพลาสติกในสิ่งทอสังเคราะห์เป็นอนุภาคพลาสติกที่พบได้มากที่สุดในอากาศภายในอาคาร ส่วนสภาพแวดล้อมภายนอก มีอนุภาคหลากหลายชนิดมากมายลอยอยู่ ตั้งแต่ฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนจากมหาสมุทร ไปจนถึงอนุภาคที่เกิดจากการบำบัดน้ำเสีย

ก่อนหน้านี้ มีงานการวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ไมโครพลาสติกถูกพบในปอดของมนุษย์ เนื้อเยื่อรกของมารดาและทารกในครรภ์ นมแม่ และเลือดของมนุษย์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่านาโนพลาสติกเป็นมลพิษจากพลาสติกประเภทที่น่าเป็นห่วงที่สุดต่อสุขภาพของมนุษย์

ไมโครพลาสติกส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ส่วนมากมาจากเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลหลายประเภท เช่น โฟมล้างหน้า ยาสีฟันที่มีเม็ดบีดส์ผสมอยู่ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์พลาสติกต่าง ๆ ที่สามารถแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ เช่น ขวดน้ำ บรรจุภัณฑ์อาหาร และเสื้อผ้า

“ไมโครพลาสติก” เข้าสู่ร่างกายในทุกลมหายใจ
การศึกษาพบว่า รูปแบบการหายใจที่ต่างกันจะทำให้ไมโครพลาสติกเหล่านี้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแตกต่างกัน การหายใจเร็วจะทำให้อากาศไหลผ่านจมูกและลำคออย่างรวดเร็ว อาจทำให้อนุภาคพลาสติกขนาดใหญ่เข้าไปติดในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ว่าจะเป็นโพรงจมูก กล่องเสียง

ขณะที่ การหายใจช้าลงจะทำให้อนุภาคมีขนาดเล็กลง โดยเฉพาะนาโนพลาสติกสามารถเข้าไปในระบบทางเดินหายใจได้ลึกมากขึ้น อาจเข้าไปถึงโครงสร้างที่ละเอียดอ่อนของปอด เช่น เยื่อหุ้มปอด ถุงลมได้

นอกจากนี้ รูปร่างของไมโครพลาสติกก็มีส่วนสำคัญเช่นกันว่าจะทำให้พลาสติกเข้าไปได้ถึงจุดใด เศษไมโครพลาสติกที่มีรูปร่างอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทรงกลมมีแนวโน้มที่จะสามารถหลุดรอดผ่านกลไกการกรองตามธรรมชาติของร่างกายได้ดีกว่า

การวิจัยชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอนุภาคพลาสติกเหล่านี้ช่วยเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ปอดผิดปรกติเร็วขึ้น รวมถึงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เกิดพังผืดในปอด หายใจลำบาก (Dyspnea) โรคหอบหืด และ มีรอยทึบแบบกระจกฝ้า (ground glass opacity: GGO) ซึ่งเป็นรอยโรคผิดปรกติในปอด สามารถบ่งบอกถึงการอักเสบหรือโรคปอดระยะเริ่มแรก

“การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาอัตราการหายใจและขนาดอนุภาคในการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางเดินหายใจกับอนุภาคนาโนและไมโครพลาสติก” ดร.ซาฮา กล่าวสรุป

ที่มา: Earth, Euro News, Phys


กรุงเทพธุรกิจ
11 พค 2567
15
เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 16 ม.ค.67 เจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่หอพระ และสมาคมกู้ภัยแม่โจ้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ออกตรวจสอบอุบัติเหตุ รถตู้ชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ก่อนถึงโรงเรียนแม่หอพระ ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ที่เกิดเหตุพบรถแอมบูแลนซ์ของโรงพยาบาลพร้าว ทะเบียน ขว 6072 เชียงใหม่ ชนเสียบเข้าท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ ที่ด้านหลังบรรทุกเหล็กเส้น ท่อเหล็ก ท่อ PVC มาเต็มคัน น้ำหนักหลายตัน ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณที่นั่งด้านหน้าของรถพยาบาล พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย เป็นคนขับ 1 ราย และคนที่นั่งโดยสารข้างๆคนขับอีก 1 ราย ร่างติดอยู่ในซากรถ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดซากรถเพื่อนำร่างออกมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายพิษณุ อายุ 56 ปี คนขับรถโรงพยาบาลพร้าว และนางอำพร อายุ 59 ปี พยาบาลวิชาชีพประจำห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลพร้าว

ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ Hino ทะเบียน 83-4264 เชียงใหม่ มีนายพนาสันต์ อายุ 69 ปี เป็นคนขับ โดยนายพนาสันต์ได้เล่านาทีเกิดเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุรถของตนได้จอดเสียเพราะยางหน้าซ้ายระเบิดอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งตนก็ได้หักกิ่งไม้เอาไปวางห่างจากตัวรถเพื่อส่งสัญญาณให้รถที่ขับมาตามถนนได้ทราบแล้วว่ามีรถเสียจอดอยู่ด้านหน้า และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินถนนก็เริ่มมืด จากนั้นรถพยาบาลก็ขับมาด้วยความเร็วและคาดว่าน่าจะไม่เห็นสัญลักษณ์ที่ตนทำไว้ ตนก็พยายามจะให้สัญญาณมือโบกรถ แต่คนขับก็เบรกไม่ทันทำให้ชนท้ายดังกล่าว

17 ม.ค. 2024
กรุงเทพธุรกิจ
16
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีรถของโรงพยาบาล (รพ.) พร้าว จ.เชียงใหม่ ชนกับรถกระบะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 6 ราย ว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ทั้งหมด โดยตนได้รับรายงานจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ว่า ผู้ประสบเหตุมีทั้งหมด 11 ราย จากอุบัติเหตุรถ 2 คัน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 6 ราย

“ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ที่รถของ รพ.พร้าว ที่กำลังส่งตัวผู้ป่วยห้องคลอดไปที่ รพ.สันทราย เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ในรถพยาบาลที่มีผู้โดยสาร 5 คน เสียชีวิต 2 คน คือ แม่และลูกในครรภ์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องอยู่รักษาใน รพ. 2 คน ส่วนอีก 1 คน ปลอดภัย ขณะที่รถคู่กรณีมี 6 คน เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 1 คน และปลอดภัย 2 คน” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ของ รพ. ที่ได้รับบาดเจ็บ ตนได้กำชับสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ดูแลอย่างเต็มที่แล้ว เพราะถือว่า เป็นการเกิดเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วย ตนจึงอยากขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันระมัดระวังและเปิดทางให้กับรถโรงพยาบาล ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น ตนก็ขอให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับรถของโรงพยาบาล ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วย... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4569159

10 พฤษภาคม 2567
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4569159
17
เผยความเร็วรถพยาบาล รีเฟอร์เคสผ่าคลอด วิ่งมาปกติไม่เร็ว ก่อนชนกระบะ 5 ศพ เผยปีนี้อุบัติเหตุรอบสองแล้ว

จากกรณี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 17.24 น. เกิดอุบัติเหตุรถรีเฟอร์ รพ.พร้าว ชนกับรถกระบะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดย 1 ในผู้เสียชีวิตนั้นมีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตพร้อมลูกน้อยในท้องด้วย

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการสรุปรายงานการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวและสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก จนทำให้มียอดผู้เสียชีวิตครั้งนี้ทั้งหมด 5 ราย และมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 6 ราย

รายชื่อผู้เสียชีวิต 5 ราย ดังนี้

1.น.ส.ภูษณิศา อายุ 26 ปี เคสท้องแก่ใกล้คลอด
2. เด็กชาย บุตร น.ส.ภูษณิศา (ตายปริกำเนิด)
3.นายยงยุทธ  คนขับรถกะบะ คู่กรณี อายุ 51 ปี เสียชีวิตที่ รพ.แม่แตง
4.นางดาวเรือง อายุ 46 ปี (ภรรยาคนขับกระบะ)
5.นางสุนี อายุ 54 ปี (ผู้โดยสารกระบะ)

ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ พฤติการณ์ ทราบว่า จากการประสานข้อมูลเบื้องต้นกับทาง รพ.พร้าว รถรีเฟอร์ รพ.พร้าว ทะเบียน จง 8142 เชียงใหม่ ส่งตัวผู้ป่วยห้องคลอด Dx. PROM ไปที่ รพ.สันทราย ขาไป ขณะเกิดเหตุฝนตก ถนนลื่น ทำให้รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทาดำ ทะเบียน 5347 เชียงใหม่ เสียหลักพุ่งชนกับรถพยาบาล มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย รวมทั้งหมด 11 ราย

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถพยาบาลใช้ความเร็วขณะเกิดเหตุเพียง 67 กม./ชม.เท่านั้น โดยต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปีนี้เกิดเหตุสลดกับรถพยาบาลของโรงพยาบาลพร้าวแล้ว 2 ครั้งด้วยกันโดยเมื่อ วันที่ 16 ม.ค. 67 รถตู้พยาบาล รพ.พร้าวชนท้ายรถบรรทุกยางแตกจอดข้างทางบริเวณหน้าโรงเรียนแม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ทำคนขับ-คนนั่งโดยสารมาด้วยถูกอัดก๊อปปี้ เสียชีวิต 2 ราย

10 พฤษภาคม 2567
https://www.sanook.com/news/9372106/
18
กระบะเสียหลักพุ่งชนรถส่งต่อผู้ป่วย รพ.พร้าว ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เสียชีวิต 5 คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงตั้งครรภ์ บาดเจ็บอีก 6 คน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ
ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลพร้าว บนถนนทางหลวง หมายเลข 1001 เส้นเชียงใหม่-พร้าว บ้านหลวง หมู่ 6 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 17.24 น. เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.2567) จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน ในจำนวนนี้เป็นหญิงอายุ 26 ปี ที่ตั้งครรภ์ และกำลังถูกส่งต่อไปโรงพยาบาลสันทราย จ.เชียงใหม่ เสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง รวมถึงคนขับรถกระบะคู่กรณี ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 6 คน ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพร้าว โรงพยาบาลสันทราย และโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งแพทย์ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด


ตำรวจ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุโรงพยาบาลพร้าว ได้ส่งตัวผู้ป่วยห้องคลอดไปที่โรงพยาบาลสันทราย ขณะเดินทางมีฝนตก ทำให้รถกระบะที่ขับสวนมาเสียหลักพุ่งชน โดยอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนสาเหตุที่ชัดเจน

10 พ.ค. 2567
https://www.thaipbs.or.th/news/content/339865
19
สาวนนทบุรี ร้อง ทนายนินู หลังสามีพนักงานเขตดุสิต ปวดหัวรุนแรง ขอหมอโรงพยาบาลดังสแกนสมองแต่ปฏิเสธก่อนให้ยากลับบ้าน 2 รอบ สุดท้ายชัก ปัสสาวะราด หมดสติ จับสแกนพบเลือดออกเยื่อหุ้มสมอง รักษา 3 วันเสียชีวิต สุดช้ำไม่ได้อำลากันสักคำ

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 67 นางชาดา วาทนเสรี อายุ 48 ปี เดินทางนำเอกสารเข้าขอความช่วยเหลือกับ น.ส.ธนิดา แจ้งจำรัส หรือทนายนินู กรณีนายปรีชา วาทนเสรี อายุ 46 ปี พนักงานฝ่ายรักษาความสะอาด สำนักงานเขตดุสิต กทม. สามีเสียชีวิต หลังมีอาการปวดหัวขั้นรุนแรงเดินไม่ได้เวียนหัวบ้านหมุน และอาเจียน เดินทางไปโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ขอแพทย์สแกนสมองแต่ถูกปฏิเสธ ก่อนให้ยากลับบ้าน ผ่านไป 1 วัน เกิดอาการชักเกร็งหมดสติ ปัสสาวะราด ปลุกไม่ตื่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลดังกล่าวเข้ารักษาตัว แพทย์สแกนสมอง พบว่าเลือดออกในชั้นเยื่อหุ้มสอง ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา

นางชาดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค. เวลาประมาณ 05.15 น. พาสามีมีอาการปวดศีรษะรุนแรงคล้ายหัวจะระเบิด และมีอาการไอ เดินทางเข้ารักษาตามสิทธิของสามีที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลชื่อดัง พอไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ฉีดยาพร้อมให้ยาทานแล้วให้กลับบ้าน วันต่อมา 7 ม.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. อาการสามีไม่ดีขึ้นมีอาการปวดศีรษะรุนแรงหนักกว่าเดิม เดินไม่ได้เวียนหัวบ้านหมุน และอาเจียน จึงกลับไปที่โรงพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินเหมือนเดิม รอบนี้สามีขอแพทย์แอดมิตสแกนสมอง เนื่องจากมีสวัสดิการสามารถเบิกได้ตามสิทธิ แต่กลับถูกแพทย์ปฏิเสธการร้องขอ ก่อนจ่ายยาแล้วให้กลับบ้านอีก

นางชาดา กล่าวอีกว่า สามีจึงให้ตนที่รออยู่ด้านนอกไปคุยกับหมอซึ่งเป็นแพทย์หญิงที่ปฏิเสธสแกนสมองให้ ตนจึงเดินเข้าไปถามว่า “สามีเป็นอะไร” ทางแพทย์หญิงก็ชักสีหน้า แล้วไม่ตอบ จึงพาสามีกลับบ้าน ระหว่างที่กลับบ้านอาการแย่ลงเดินไม่ไหว จึงเรียกรถแท็กซี่ให้มารับหน้าห้องฉุกเฉินแล้วกลับบ้าน ระหว่างทางก็ถามสามีว่าหมอบอกว่าอะไร สาเหตุที่ไม่ให้สแกนสมอง สามีบอกว่า หมอบอกมาว่าไม่มีอะไรบ่งชี้ให้สแกนสมอง หลังกลับบ้านตนก็ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดให้กินยาแล้วก็นอนพัก จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. สามีมีอาการชักเกร็ง น้ำลายฟูมปาก ปัสสาวะราด ปลุกไม่ตื่น จึงโทรฯ หารถกู้ภัยมารับไปส่งโรงพยาบาล แอดมิตอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 วัน ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 10 ม.ค.

นางชาดา กล่าวว่า ข้องใจว่าก่อนหน้านี้สามีเคยขอสแกนสมองแล้วแต่แพทย์ไม่ยอมสแกนสมองให้ กระทั่งสามีอาการหนักไม่รู้สึกตัว หมอจึงยอมสแกนสมองให้ และวินิจฉัยว่ามีเลือดออกในสมอง สมองบวม หากหมอสแกนสมอง และให้รักษาก่อนหน้านี้ สามีก็คงไม่เสียชีวิต หลังจากสามีเสียชีวิตตนมีความคาใจจึงเข้าไปสอบถามทางคุณหมอว่าทำไมไม่ยอมสแกนสมองตั้งแต่แรก แต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรจากโรงพยาบาลหรือคุณหมอเลย ซึ่งย้อนกลับไประหว่างที่สามีตนแอดมิตอยู่โรงพยาบาล ตนไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับสามีเลยไม่มีโอกาสได้บอกลากันเพราะไม่รู้สึกตัวอะไรแล้ว

นางชาดา กล่าวว่า ตอนนั้นเสียใจมากเพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัวเลี้ยงดูแลครอบครัวมาโดยตลอด ไม่น่ามาเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น หลังจากสามีจากไปทุกวันนี้ก็ลำบาก ถูกที่ทำงานจ้างออกช่วงยุคโควิดระบาด วันนี้จึงเดินทางนำเรื่องมาร้องเรียนกับทนายนินู เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับสามี ซึ่งหลังจากเกิดเหตุไม่รู้ว่าจะดำเนินการยังไง ไม่รู้เรื่องกฎหมาย เคยโพสต์เรื่องราวบนเฟซบุ๊กมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า กระทั่งส่งข้อมูลเอกสารขอความช่วยเหลือกับทนายนินูให้คำปรึกษาและเข้าช่วยเหลือ ตอนนี้รู้สึกมีกำลังใจสู้ต่อทวงความยุติธรรมให้กับสามี และจะนำเรื่องราวเหตุการณ์ครั้งนี้มาเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชน หรือทางโรงพยาบาลได้รับรู้ควรจะปรับปรุงแก้ไข และช่วยเหลือเยียวยาทางครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างไร หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่พาสามีมารักษาที่โรงพยาบาลนี้เด็ดขาด ส่วนหลังจากนี้จะให้ทางทนายนินูดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวไหนอีก

ทนายนินู กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนมาซักระยะหนึ่งแล้ว ระหว่างนั้นได้รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเข้าใจว่าหมอทุกคนอยากจะรักษาคนไข้ทุกคนอยู่แล้ว แต่ก็จะมีบางครั้งที่อาจประมาทเลินเล่อไปทำให้ผู้เสียหายต้องเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น ซึ่งที่ดูจากเอกสารก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้ป่วยมีอาการปวดหัวขั้นรุนแรง วันแรกไม่หายวันที่สองก็ยังไม่หายหมอควรจะเอะใจได้แล้ว ว่าอาการหนักขึ้นควรจะมีการรักษาที่ถี่ถ้วนและละเอียดรอบคอบ ในจรรยาบรรณของคนเป็นแพทย์บุคคลที่ป่วยไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าตัวเองนั้นเป็นโรคอะไร ก็ต้องควรจะอธิบายให้ญาติผู้ป่วยหรือผู้ป่วยนั้นรับทราบว่ากำลังป่วยเป็นโรคอะไรและจะมีแนวทางการรักษาอย่างไรต่อ ไม่ใช่ชักสีหน้าเพื่อให้จบไปที แล้วเคสนี้เป็นเคสที่เกิดการสูญเสีย เบื้องต้นตนได้ทำเอกสารเพื่อร้องเรียนให้ทางแพทยสภาได้ตรวจสอบจรรยาบรรณของแพทย์ผู้ให้การรักษาในครั้งนี้

หลังจากได้ทำการร้องเรียนและตรวจสอบจรรยาบรรณของแพทย์แล้ว จรรยาบรรณของแพทย์ควรที่จะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยโดยเฉพาะในเรื่องของให้การสื่อสารกับญาติเพื่อให้ญาติได้รับรู้รับทราบว่าผู้ป่วยนั้นกำลังป่วยเป็นอะไรอยู่ ในเคสนี้เป็นเคสที่เรียกว่าประมาทได้เลยเพราะว่าแพทย์ได้ทำการปล่อยผู้ป่วยกลับบ้านมาถึงสองครั้ง จนผู้ป่วยได้เสียชีวิต อาจจะเข้าข้อกฎหมายประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แล้วทางนี้ทางแพทย์จะสามารถชดเชยค่าเสียหายในทางละเมิดให้กับญาติผู้ตายอย่างไรได้บ้าง หลังจากนี้ตนก็จะดำเนินการไปตามลำดับของกฎหมายต่อไป

7 พฤษภาคม 2567
https://www.dailynews.co.th/news/3408283/
20
หลุดมาจากไหน สาวข้องใจ หลังซื้อขนมโตเกียว เจอซองทำจากเอกสารโรงพยาบาล มีข้อมูลเจ้าหน้าที่ ระบุปี 2556

วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 มีรายงานว่า โลกออนไลน์ได้แชร์เรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก TaAn 's BsBs ที่ได้โพสต์ถุงใส่ขนมโตเกียวลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค โดยระบุว่า "เอกสารโรงพยาบาล…. มาเป็นซองขนมโตเกียวที่นครปฐม มีข้อมูลชื่อนามสกุลพนักงานครบ"

ทั้งนี้ พบว่าเอกสารที่นำมาทำเป็นซองขนมนั้นมีข้อความเขียนว่า รายชื่อพนักงานประจำโรงพยาบาล... มาสายประจำเดือนตุลาคม 2556 พร้อมกับมีรายชื่อพนักงาน ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ตั้งคำถามว่า หากเป็นเอกสารของโรงพยาบาลจริง เหตุใดจึงหลุดออกมาได้ นอกจากนี้ยังกังวลถึงความปลอดภัยทั้งเรื่องสารเคมีต่างๆ ที่นำมาเป็นซองใส่ของกิน
จากการสอบถามเจ้าของโพสต์ เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ตนเองได้ซื้อขนมโตเกียวดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.48 น. โดยร้านขายอยู่ในปั๊มแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม จากที่สังเกตพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่น่าจะขายขาจรแบบตน.

Thairath Online
6 พฤษภาคม 2567
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10