หรือสังคมจะอยู่ในภาวะถดถอยจนถึงขั้นต้อง "หากินกับศพ" กันแล้ว? และที่กระตุกต่อมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีให้ออกมาดิ้นพล่านๆ ด้วยความคิดที่ว่าทำไมจึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะศพที่ถูกใช้หากินคือร่างซึ่งมีคุณูปการต่อการพัฒนาวงการแพทย์ เป็นร่างซึ่งแม้จะไร้วิญญาณแต่ไม่ไร้จิตวิญญาณฝ่ายดีที่มีต่อสังคมโดยรวม นั่นคือร่างบริสุทธิ์ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าภายใต้ชื่อ "อาจารย์ใหญ่" และเรื่องที่สร้างภาวะขุ่นเคือง ความสับสน ความลังเลให้คนดีของสังคมที่ยอมอุทิศร่างกายภายหลังสิ้นลมหายใจของตนให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์แล้ว ต้องกลับมาคิดทบทวนความรู้สึกนั้นอีกรอบ จนบางคนถึงขั้นจะขอยกเลิกการบริจาคทั้งหมด เพียงเพราะปลาเน่าไม่กี่ตัวที่สร้างความวุ่นวายและความ "เสื่อม" เป็นวงกว้าง
โดยประเด็นที่กำลังถกเถียงและได้รับความสนใจเกี่ยวกับการ "หากินกับศพ" จนลุกลามไปใหญ่โตเรื่องนี้ เกิดจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลศิริราช เรียกเก็บเงินค่ารับร่างอาจารย์ใหญ่จากญาติราคาสูงถึง 14,000 บาท โดยไม่มีใบเสร็จใดๆ รับรองนอกจากการชี้แจงปากเปล่าว่ามีค่าอะไรบ้าง จนผู้เสียหายฉุกคิดอย่างฉงนสงสัยว่าบริจาคร่างกายแล้วยังต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยจริงหรือ? และค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นจะเข้ากระเป๋าใคร? เป็นนโยบาลของโรงพยาบาล หรือแค่คนคนเดียว? จึงได้มีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ชื่อดังอย่างพันทิพ พร้อมทั้งโทรสอบถามแก่เจ้าหน้าที่และได้รับคำตอบว่า "หากร่างที่บริจาคอยู่นอกหลักเกณฑ์ (นอกเขตรับบริจาค) การเกิดค่าใช้จ่ายจะเป็นข้อตกลงกันเองระหว่างญาติและเจ้าหน้าที่"
ทั้งนี้ ล็อคอิน มะม่วงกะล่อน ซึ่งอ้างว่าตนเป็น นายบุญส่ง เจริญวัฒน์ อาจารย์ ผู้รับผิดชอบดูแลเจ้าหน้าที่ห้องศพ ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราช ได้ออกมายืนยันในกระทู้ดังกล่าวด้วยว่าการรับศพนั้น "ไม่มีค่าใช้จ่าย" ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เป็นการตกลงกันระหว่างญาติอาจารย์ใหญ่และเจ้าหน้าที่ฯ พร้อมทั้งแจ้งว่ามีเรื่องร้องเรียน การทำงานของเจ้าหน้าที่ฯ เฉลี่ยปีละ ๑ ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียกรับเงิน - ทุกครั้ง "ผู้ที่ร้องเรียน" ไม่เคยเป็นคนเดียวกับ "ผู้ตกลง" และทุกครั้งที่มีการร้องเรียน หรือ ภาควิชาฯ รับทราบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใด จะมีการตั้งกรรมการสอบสวน บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร - หากพบว่าเจ้าหน้าที่ฯ มีส่วนผิด หรือ บกพร่อง จะมีการลงโทษ ตามระเบียบขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม จากคำชี้แจงของอาจารย์บุญส่งข้างต้น มิได้ทำให้ความเดือดดาลของผู้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ขุ่นมัวและสร้างคำถามค้างคาให้เกิดขึ้นในใจเพิ่มเติมเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เหตุใดทางโรงพยาบาลจึงปล่อยประละเลยให้มีการทุจริตในเรื่องเดิมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีแนวทางป้องกันที่ชัดเจน พร้อมทั้งยกตัวอย่างสถานรับบริจาคอื่นๆ ซึ่งให้ความเคารพต่อร่างอาจารย์ใหญ่ ให้เกียรติดูแลพิธีทุกขั้นตอน และที่สำคัญไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น
...จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นบทเรียนให้แก่ผู้ที่สนใจบริจาคร่างกายพึงต้องศึกษาหลักเกณฑ์การรับบริจาคของแต่ละสถาบันอย่างละเอียดเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียรู้ให้กับกลโกงที่พร้อมจะมาในรูปแบบต่างๆ และไม่ให้ศรัทธาดีๆ ต้องเสียไปเพียงเพราะปลาเน่าเพียงไม่กี่ตัว ส่วนทางสถานรับบริจาคก็ควรออกกฏระเบียบ บทลงโทษแก่ผู้กระทำผิดไว้อย่างชัดเจน และดูแลเอาใจใส่มิให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด หากต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ เกิดขึ้นควรแจ้งญาติผู้ตายก่อนเกิดเรื่องบานปลายตามมา หมั่นดูแลทรัพยากรบุคคลของท่านให้ประพฤติตนอย่างเหมาะสม ก่อนที่ทรัพยากรบุคคลที่ไม่ดีเหล่านั้นจะทำให้องค์กรใหญ่ต้องเสื่อมเสีย และก่อนที่ผู้มีจิตศรัทธาต้องเสื่อมศรัทธาและกลายเป็นความเย็นชาในสังคมไปทีละน้อย
RYT9.COM 6 ธันวาคม 2554