แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Meem

หน้า: 1 ... 168 169 [170] 171 172
2536
เป็นปฏิทินที่สร้างขึ้นโดย  (Julius Caesar) แห่งโรมัน ปฏิทินนี้เริ่มสร้างขึ้น 48 ปีก่อน ค.ศ. และเสร็จเมื่อ ค.ศ. 8

ในปฏิทินจูเลียนหนึ่งปีมี 365.25 วัน ดังนั้นทุกๆ 4 ปีจะมีปีีอธิกสุรธิน 1 ครั้ง ใน 1 ศตวรรษ ปฏิทินจูเลียนจะมี 36525 วัน

ในปฏิทินเก่าของโรมัน ในหนึ่งปีมี 12 เดือนและมีจำนวนวันดังนี้

    * Martius (March) 31 วัน
    * Aprilis (April) 30 วัน
    * Maius (May) 31 วัน
    * Iunius (June) 30 วัน
    * Quintilis (July) 31 วัน
    * Sextilis (August) 31 วัน
    * September 30 วัน
    * October 31 วัน
    * November 30 วัน
    * December 31 วัน
    * Ianuarius 30 วัน
    * Februarius 29 วัน ทุกปีที่ 4 มี 30 วัน

แรกเริ่มนั้นวันวสันตวิษุวัตตรงกับวันที่ 1 Martius (มีนาคม) จึงถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาในปี 153 ก่อน ค.ศ. ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เดือน Ianuarius (มกราคม) เป็นเดือนแรก

จูเลียส ซีซาร์ ได้ใส่ชื่อของตนเป็นชื่อเดือน นั่นคือเดือน Iiulius (July) ในปี 44 ก่อน ค.ศ.

ต่อมาในปี 8 ก่อน ค.ศ. จักรพรรดิออกุสตุส ซีซาร์ ได้เปลี่ยนเดือน Sextilis เป็นชื่อของตนบ้าง คือ August และให้เปลี่ยนจำนวนวันเป็น 31 วันด้วย เพราะกลัวว่าจะน้อยหน้าซีซาร์ จึงจำเป็นต้องตัดวันหนึ่งวันจากเดือน Februarius (February) และเปลี่ยนแปลงเดือนถัดจาก Augustus ให้มี 30 วัน สลับกับ 31 วัน ตามทฤษฎีของ โจฮันเนส เดอ ซาโครบอสโค (Johannes de Sacrobosco)

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ แต่ไม่ได้รับความสำเร็จเช่น

    * จักรพรรดิคาลิกูลา (Caligula) เปลี่ยน September เป็น Germanicus
    * จักรพรรดิเนียโร (Nero) เปลี่ยน Aprilis เป็น Neronius และ Maius เปลี่ยน Iiunius เป็น Germanicus
    * จักรพรรดิโดมิเทียน (Domitian) เปลี่ยน September เป็น Germanicus และ October เป็น Domitianus
    * จักรพรรดิคอมโมดุส (Commodus) เปลี่ยนชื่อเดือนทั้งหมดเป็นตั้งแต่มกราคมถึงธันวาคมดังนี้:
      Amazonius, Invictus, Felix, Pius, Lucius, Aelius, Aurelius, Commodus, Augustus, Herculeus, Romanus, Exsuperatorius

การหาวันในปฏิทินจูเลียน

ในปฏิทินจูเลียนหนึ่งปีมี 365.25 วัน ทุกๆ 4 ปีจะีมีปีีอธิกสุรธิน 1 ครั้ง ใน 1 ศตวรรษ จูเลียนจะมี 36525 วัน

การหาว่าวันปีใหม่เป็นวันอะไร

ด้วยการเอาปี ค.ศ. ทีต้องการมาลบด้วย 1 แล้วหารด้วย 28 หากเหลือเศษ

1   7    -   18   24 เป็น อาทิตย์
2   8   13  19    -  เป็น จันทร์
3   -    14  20  25 เป็น อังคาร
4   9   15   -    26 เป็น พุธ
5  11   -    22   0  เป็น ศุกร์
6  12  17  23   -   เป็น เสาร์

ปฏิทินจูเลียนใช้ในยุโรปเป็นเวลายาวนานตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันจนถึงปี 1582 เมื่อสันตปาปาเกรกอร์ ได้ปฏิรูปปฏิทินใหม่และประกาศออกมาใช้ เรียกกันว่า  ซึ่งเริ่มแรกประเทศแคทอลิกเท่านั้นที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ประเทศอังกฤษเริ่มต้นใช้ในปี 1752 โดยประกาศให้หลังวันที่ 2 กันยายน เป็น 14 กันยายน ในขณะที่ประเทศกรีกเพิ่งจะมาเริ่มใช้ในปี 1923

atcloud.com

2537
1. เต้านมอาจอ้วนเผละได้
ในวัยประมาณ 20-30 ปี เต้านมของคุณประกอบด้วยไขมัน ต่อมน้ำนม และคอลลาเจน ซึ่งก็คือเนื้อเยื่อที่ทำให้เต้านมแน่และตึง แต่เมื่ออายุมากขึ้นต่อมน้ำนมและคอลลาเจนจะหดตัว และจะมีไขมันมาแทนที่มากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เต้านมใหญ่ขึ้น ในทางกลับกัน มันจะทำให้เต้านมหย่อนยานลง

2. เต้านมน้ำหนักน้อยกว่าที่คิด
การที่ขีดบนตาชั่งพรวดขึ้นมานั้น ไม่ใช่ความผิดของเต้านม เต้านมขนาดคัพเอจะหนังเพียงแค่หนึ่งในสี่ปอนด์ ขนาดคัพบีหนักครึ่งปอนด์ ขนาดคัพซีหน้กสามในสี่ปอนด์ และขนาดคัพดีจะหนักประมาณหนึ่งปอนด์เท่านั้น

3. ผิวของเต้านมแบบบาง
คุณควรทาครีมบำรุงผิวให้เต้านมชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและทำให้ผิวยืดหยุ่น และครีมตัวนี้ควรมีสารป้องกันรังสียูวีและมีสารเรตินอลซึ่งจะช่วยไม่ให้ผิว หนังเหี่ยวย่น นอกจากนี้หัวนมก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเพราะมันแห้งง่ายเช่นกัน ควรทาบริเวณนั้นด้วยครีมบำรุงผิวที่จะทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม เช่นวาสลีน

4. ขนสองสามเส้นเป็นเรื่องปรกติ
ผู้หญิงเกือบทุกคนจะมีขนขึ้นเล็กน้อยบริเวณหัวนม กฎโดยทั่วๆไปคือ คนผิวคล้ำและมีผมสีดำมากกว่าคนอื่นๆก็จะมีขนบริเวณหัวนมมากกว่าคนอื่นด้วย ถ้ารำคาญขนที่ขึ้นมาจะแว๊กซ์ออกก็ได้ แต่การถอนจะง่ายกว่า

5. เต้านมอาจชี้คนละทิศ
หัวนมของแต่ละคนนั้น นอกจากจะมีขนาดแตกต่างกันแล้ว ยังอาจชี้ทิศทางต่างกันด้วย สำหรับบางคนวงรอบหัวนมจะอยู่สูงกว่าของคนอื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นหัวนมของคนนั้นก็อาจชี้ขึ้น แต่สำหรับบางคนรอบหัวนมก็อาจจะอยู่ต่ำกว่า หรืออาจจะอยู่ออกมาทางด้านข้างของเต้านม

6. เต้านมจะมีรอบวงจรของตนเอง
ในช่วงหลังจากหมดประจำเดือน เนื้อเยื่อเต้านมจะอ่อนนุ่มที่สุด ทั้งนี้เพราะระดับฮอร์โมนจะสม่ำเสมอในช่วงกึ่งกลางรอบวงประจำเดือน หัวนมจะไว้ต่อความรู้สึกทางเพศ ทั้งนี้เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้น และในอาทิตย์สุดท้ายก่อนมีประจำเดือน ตลอดจนในระหว่างที่มีประจำเดือนระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเพิ่มสูงขึ้นจึง ทำให้เต้านมบวมและเป็นก้อน เพื่อช่วยลดอาการเจ็บคัดเต้านม คุณอาจรับประทานยาแก้ปวดหรือดื่มกาแฟน้อยลง

7. เวลาที่เหมาะจะไปพบแพทย์
เต้านมจะอ่อนนุ่มและเจ็บคัดน้อยที่สุดในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากหมดประจำเดือน เพราะฉะนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาก้อนในเต้านม เพราะจะตรวจหาสิ่งผิดปรกติได้ง่าย

8. เต้านมปลอมยังคงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เต้านมปลอมสามารถเกิดการเหี่ยวแฟบลงหรือรั่วหรือเหี่ยวย่น ทำให้คนไข้ต้องกลับไปผ่าตัดเพื่อซ่อมแซม หรือเพื่อใส่เต้าปลอมเข้าไปใหม่ การผ่าตัดเสริมเต้านมก็มีความเสี่ยง เพราะอันตรายที่เกิดจากการติดเชื้อ และการเสียเลือดมากผิดปรกติอาจเกิดขึ้นได้

9. เต้านมอาจโดนแดดเผาได้ แม้คุณจะไม่ได้เปลือยอกก็ตาม
ผ้าที่ใช้ทำชุดว่ายน้ำอาจบางเบา ชุดบิกินี่ของคุณก็อาจมีค่า SPF เพียงแค่ห้าหรือเจ็ด เพราะฉะนั้นเมื่อใดก็ตามที่คุณจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำออกแดด คุณควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 แสงแดดอาจทำให้ผิวของคุณเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรและอาจเป็นจุดสีน้ำตาลได้

10. เต้านมสี่ล้านเต้าเป็นของปลอม
ผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาประมาณสองล้านคนผ่าตัดเสริมเต้านม ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเพิ่มขนาดของเต้านมขึ้นประมาณสองคับหลังผ่าตัด ผู้หญิงที่ผ่าตัดเสริมเต้านมไม่ได้พอใจกับผลที่ออกมาเสมอไป บางคนตัดสินใจผ่าตัดปรับขนาดใหม่ หรือไม่ก็ผ่าตัดเอาของปลอมออกทั้งหมด

11. บริเวณที่รูปร่างเหมือนตัว T
บริเวณเหนือและระหว่างเต้านมจะมีต่อมน้ำมันอยู่มาก ทำให้เกิดสิวหัวดำและเม็ดสิวได้ง่าย และนอกจากนี้ถ้าเต้านมมีขนาดใหญ่เหงื่อก็จะสะสมได้เยอะ ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีและทำให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นไม่สวย คุณควรป้องกันเหงื่ออก โดยใช้แป้งดูดซับเหงื่อตรงบริเวณระหว่างและใต้เต้านม นอกจากนี้ควรทำความสะอาดบริเวณตัว T เป็นประจำทุกวันและภายหลังการออกกำลัง สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งก็คือ การใส่เสื้อชั้นในแช่เหงื่อหลังออกกำลังกาย เพราะเป็นตัวทำให้สิวเห่อได้

12. ลักษณะของร่องอก ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ
ขนาดของเต้านมไม่ใช่สิ่งเดียวที่เป็นตัวกำหนดลักษณะของร่องอก รูปร่างตลอดจนตำแหน่งของเต้านมบนทรวงอกยังมีผลทำให้ลักษณะของร่องอกแตกต่าง กันออกไปอีกด้วย ขนาดของคุณอาจจะแค่เอหรือบี แต่ถ้าหากว่าเต้านมอยู่ชิดกัน ร่องอกก็บีบเข้ามาหา ทำให้ดูมีเนื้อเต็ม ความกว้างของแผ่นอกยังเป็นตัวกำหนดลักษณะของร่องอกอีกด้วย ถ้าหากว่าลำตัวของคุณส่วนที่อยู่ใต้บ่าลงไปแคบ โอกาสที่คุณจะทำให้เต้านมเข้ามาอยู่ชิดกันเพื่อให้ดูร่องอกเต็มก็เป็นเรื่อง ง่าย

13. ท่านอนทำให้เต้านมเปลี่ยนทรงได้
การนอนคว่ำอาจจะไม่ทำให้เต้าบี้แบน แต่ถ้าหากว่าคุณนอนท่านั้นไปนานวันเข้า เต้านมก็อาจเสียทรงได้ "การนอนคว่ำและกดทับเต้านมอยู่กับที่นอนอยู่ตลอดทั้งคืน โดยทำเช่นนี้เป็นเวลาหลายปี อาจทำให้เต้านมเปลี่ยนรูปทรงได้" ท่านอนที่ดีที่สุดคือท่าตะแคงโดยใช้หมอนหนุนรองรับเต้านมไว้ข้างใต้

14. เต้านมเกลียดการวิ่ง
การวิ่งหรือแอโรบิก จะทำให้เต้านมกระเด้งขึ้นกระเด้งลงอยู่ในเสื้อชั้นในที่ทำจากผ้าสแปนเด็กซ์ เมื่อซักหลายๆครั้งเข้า ผ้าสแปนเด็กซ์จะยืดทำให้รับน้ำหนักและช่วยพยุงเต้านมได้ไม่ดีพอ วิธีแก้ก็คือ คุณควรใส่เสื้อชั้นในแบบที่ใส่เล่นกีฬา โดยมีลวดดันทรงและตัวคัพออกมาแบบมา เพื่อช่วยพยุงทรงให้อยู่นิ่งกระชับและไม่ว่าขนาดคัพของคุณจะใหญ่เล็กขนาดไหน หากทำได้ดังนี้ก็จะช่วยลดการกระเด้งของเต้านม นอกจากนี้ยังทำให้ไม่เจ็บเต้านมในวันรุ่งขึ้นหลังจากเล่นกีฬาอีกด้วย

15. การออกกำลังในแบบที่ถูกต้อง อาจช่วยให้เต้านมตั้งได้
ด้วยเหตุที่เต้านมไม่มีกล้ามเนื้อเพราะฉะนั้นจึงไม่มีการออกกำลังแบบใดๆทั้ง สิ้นที่จะช่วยทำให้เต้านมใหญ่ขึ้นหรือทำให้ร่องอกเต็มสวย อย่างไรก็ตามการบริหารกล้ามเนื้อทรวงอกตรงฐานที่เต้านมตั้งอยู่ จะช่วยยกเต้านมให้ตั้งขึ้น และทำให้ร่องอกมองดูเหมือนเต็มอิ่มขึ้นได้ การบริหารที่จะช่วยทำให้เต้านมตั้งขึ้นก็คือ การวิดพื้นและการบริหารกล้ามเนื้อทรวงอก

16. หัวนมอาจมีได้ถึงสามอัน!!!!
การมีหัวนมสามอัน ไม่ใช่เรื่องประหลาดเหลือเชื่อสำหรับผู้หญิง(หรือผู้ชายก็ตาม) หัวนมอันที่สาม ซึ่งไม่มีหน้าที่อะไรปรกติแล้วมักจะเล็กกว่าหัวนมอีกสองอัน จะอยู่ต่ำกว่าหัวนมอีกสองอัน หัวนมที่สามไม่ได้พัฒนาจนกลายเป็นหัวนมจริงๆและไม่ผลิตน้ำนม

17. การตั้งครรภ์ทำให้หัวนมมีสีคล้ำขึ้น
การที่หัวนมมีสีคล้ำขึ้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ เพื่อช่วยให้แน่ใจว่าทารกสามารถดูดนมได้ "ทารกที่เกิดใหม่ๆจะมองไม่เห็นสี เพราะฉะนั้นหัวนมที่มีสีคล้ำขึ้น จะช่วยให้ทารกมองเห็นแหล่งอาหารได้" อย่างไรก็ตาม แม้เมื่อเลิกให้นมลูกแล้ว หัวนมก็ยังคงมีสีคล้ำอยู่เช่นนั้น

18. ลักษณะของเต้านมอาจจะได้มาจากทางฝ่ายพ่อหรือแม่ก็ได้
คุณนึกไม่ออกเหมือนกันว่าเหตุใดขนาดของคุณจึงเป็นคัพบี ในขณะที่แม่ของคุณนั้นจะเติมคัพเอยังแทบไม่เต็ม และน้องสาวของคุณแทบจะต้องใช้คัพดีพิเศษ คุณต้องไล่ดูว่าญาติพี่น้องของคุณทั้งฝ่ายพ่อและแม่ของคุณเป็นอย่างไร "โอกาสที่รูปร่างและขนาดเต้านมของคุณจะได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากฝ่ายพ่อ และแม่นั้นมีพอๆกัน"

19. เต้าซ้ายมักจะใหญ่กว่าเต้านมขวา
เหมือนกับอวัยวะอื่นๆที่มาเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็นมือ เท้า หรืออวัยวะอื่นใดก็ตาม โอกาสที่อวัยวะทั้งสองข้างจะเท่ากันเดี๊ยะนั้นมีน้อย "เต้านมซ้ายมักจะมีเนื้อเยื่อมากกว่าเต้านมขวา บางครั้งก็จะมองเห็นได้ชัด แต่บ่อยครั้งความแตกต่างของขนาดจะน้อยมากจนคุณแทบจะไม่ได้สังเกตเสียด้วยซ้ำ ไป"

20. เต้านมยังอาจเพิ่มขนาดได้ เมื่อคุณผ่านพ้นวัยรุ่นไปแล้ว แม้ว่าเต้านมจะเจริญเติบโตมากที่สุดเมื่อคุณอยู่ในวัยรุ่น แต่ว่า"เต้านมจะไม่โตเต็มที่จนกว่าผู้หญิงจะเข้าสู่วัย 20 ต้นๆ" เมื่อถึงอายุ 25 ปี เต้านมจะไม่ใหญ่ขึ้นอีก ยกเว้นแต่คุณจะมีน้ำหนักเพิ่มหรือตั้งครรภ์ (แม้ว่าจะไม่ใหญ่ขึ้นถาวรก็ตาม) หรือในบางกรณีเต้านมอาจใหญ่ขึ้นเพราะคุณรับประทานยาคุมกำเนิดก็ได้ "เพราะฉะนั้นยาคุมกำเนิดบางตัวเท่านั้นที่ทำให้เต้านมใหญ่ขึ้นและจะเป็นเช่น นั้นได้ก็ต่อเมื่อคุณไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างมากๆเท่านั้น"

วิธีหาขนาดหน้าอกของคุณ
วัดรอบซี่โครงส่วนที่อยู่ใต้เต้านมพอดี เมื่อได้เท่าไหร่บวกเพิ่มเข้าไปอีกห้า (ถ้าตัวเลขที่วัดออกมาเป็นเลขคู่ ให้บวกเพิ่มเข้าไปอีกสี่) ตัวเลขนี้คือขนาดรอบตัวของคุณ จากนั้นให้วัดรอบอกตรงจุดที่เต้านมยื่นออกมามากที่สุด ลบด้วยขนาดรอบตัวของคุณ ผลต่างกันหนึ่งนิ้วแปลว่าคุณมีคัพเอ ถ้าสองนิ้วก็เป็นคัพบี สามนิ้วเป็นคัพซีเป็นต้น

pooyingnaka.com

2538
ห้องพักผ่อนรวม (Common Room) / Smile a while!
« เมื่อ: 20 กันยายน 2010, 23:29:28 »











2539
ข่าว รพศ./รพท. / good people do nothing
« เมื่อ: 19 กันยายน 2010, 22:59:36 »
Edmund Burke กล่าวคำที่น่าคิดไว้

2546
ห้องพักผ่อนรวม (Common Room) / Wife vs Girlfriend
« เมื่อ: 09 กันยายน 2010, 08:28:12 »
Wife vs Girlfriend

Wife is like TV,
girlfriend is like Handphone .

At home watch TV,
go out bring Handphone.

No money, sell TV.
Got money change Handphone.

Sometimes enjoy TV,
but most of the time play with Handphone.

TV free for life but Handphone, if you don't pay, the services will be terminated

TV is big, bulky and most of the time old, but handphone is cute, slim,curvy and very portable at any time.

Operational cost for TV is often acceptable but for Handphone  is high and often demanding,

Most Important, TV got remote.. Handphone don't have..
Last but not least........

TV do not have virus,
but Handphone, yes..........it does have  VIRUS.

2547
สุรปสถานการณ์กำลังพลเฉพาะสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 824 รพ.
17 สค.2553 
ใน 18 เขต ต่างจังหวัด (ไม่รวม กทม.)

แพทย์     
ควรมี        12,427 
บรรจุ        10,424     
ลาเรียน       1,742     
ทำงานจริง   8,682   
ขาดอยู่        3,745   = 30.14%

พยาบาล   
ควรมี        98,575 
บรรจุ        65,086     
ลาเรียน            87     
ทำงานจริง 64,999
ขาดอยู่      33,576  = 34.06%

ทันตแพทย์
ควรมี         6,578 
บรรจุ         3,169     
ลาเรียน         443     
ทำงานจริง  2,753   
ขาดอยู่       3,825   = 58.15%

เภสัชกร    
ควรมี         6,272
บรรจุ         5,086     
ลาเรียน         208     
ทำงานจริง  4,878   
ขาดอยู่       1,394   = 22.23%


2548

มากินข้าวโพดต้มสุกกันเถอะ...
ตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้ๆหาย เริ่มจะทานอาหารได้ เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวัน ไปเหมาจาก Supermarket ทุก week แล้วเค้าก็ฟื้นตัวเร็วมาก ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลง ทานได้แต่ผักกะผลไม้ และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน
 
ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็ง มีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษ ในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด

เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป
สู้กินดิบๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถ เก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป

เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที

พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสาร อันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์ เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรค อันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่น ต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย

คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวาน ที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก อันเป็นคุณกับร่างกาย ยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้น หรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพด ผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มัน ปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น

หากท่านอ่านแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาส่งต่อให้กับ
คนที่ท่านรักต่อไป...

2549
ข่าว รพศ./รพท. / ทำ / ไม่ทำ ที่นำชีวิตเจริญ
« เมื่อ: 04 กันยายน 2010, 17:44:55 »
ก ที่ควรทำ ได้แก่ กอด พ่อแม่ ลูก สามี หรือภริยา วันละครั้ง เพื่อแสดงความรัก ความห่วงใย กอดเพื่อน เพื่อแสดงความเห็นใจ หรือให้กำลังใจ และก่อนนอน อย่าลืม กราบ พระ/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ เพื่อขอบคุณ และขอพรสำหรับวันต่อไป

ก ที่ไม่ควรทำ คือ ก้าวร้าว ไม่ว่ากับใคร เพราะจะทำให้เป็นคนน่าเบื่อ ไม่น่าอยู่ใกล้ ไม่มีใครอยากให้ไปไหนด้วย กลัวไปทะเลาะวิวาทกับเขา

ข ที่ควรทำ ได้แก่ ขอบคุณ จงกล่าวทุกครั้ง ที่มีคนทำอะไรให้  และขำขัน คือ ให้เป็นคนมีอารมณ์ดี อารมณ์ขัน

ข ที่ไม่ควรทำ คือ ขุดคุ้ย เอาเรื่องเก่ามาว่าไม่จบสิ้น หรือหาเรื่องมาประจานเขา

ค ที่ควรทำ ได้แก่ ครุ่นคิด และ ใคร่ครวญ คือ คิดก่อนทำอะไรทุกครั้ง เพื่อมิให้ตัวเอง และคนอื่นเสียใจภายหลัง

ค ที่ไม่ควรทำ คือ คลั่งแค้น อย่าเป็นคนโกรธไม่รู้หาย อาฆาตไม่รู้จบ ทำให้คนอยู่ใกล้ไม่มีความสุข

ง ที่ควรทำ ได้แก่ งดงาม ด้วยการทำตัวเรา ให้งดงามทั้งกาย วาจาและใจเสมอ ง้องอน เมื่อเราทำผิด หรือง้อเพื่อทำให้คนที่เรารักรู ้สึกดีขึ้น และรู้จัก เงียบ ไม่โต้เถียงเสียบ้าง เพื่อให้เกิดความสงบสุข

ง ที่ไม่ควรทำ คือ งก อยากได้เกินควร และไม่รู้จักแบ่งปัน

จ ที่ควรทำ ได้แก่ รู้จัก จดจำ วันเกิด วันสำคัญของคนในครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก และทำอะไรเป็นพิเศษให้บ้าง ข้อสำคัญต้อง จริงใจ ไม่เสแสร้งหลอกลวง อันจะทำให้ต้องหวาดระแวงกันตลอดเวลา

จ ที่ไม่ควรทำ คือ จู้จี้จุกจิก พิถีพิถันเกินเหตุ ใครทำอะไรให้ก็ไม่พอใจสักที และไม่เจ้าชู้ ให้เกิดปัญหาในครอบครัว หรือที่ทำงาน

ฉ ที่ควรทำ ได้แก่ ทำตัวให้ ฉลาดเฉลียว รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร รู้กาลเทศะ รู้จักพูด รู้จักทำสิ่งต่างๆ

ฉ ที่ไม่ควรทำ คือ ฉุนเฉียว ให้คนหวาดผวา

ช ที่ควรทำ ได้แก่ ชมเชย ชื่นชม คือ รู้จักกล่าวคำชม หรือแสดงความชื่นชม ในความสำเร็จ หรือเรื่องดีๆ ของผู้อื่นบ้าง

ช ที่ไม่ควรทำ คือ ช่วงชิง คือ อย่าไปแย่งของรัก ของหวงของผู้อื่น หรือ ชุบมือเปิบ ฉวยประโยชน์ของคนอื่น มาเป็นของเราโดยไม่ลงทุนลงแรง

ซ ที่ควรทำ ได้แก่ ซื่อสัตย์ ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น

ซ ที่ไม่ควรทำ คือ ซุบซิบนินทา หาเรื่องผู้อื่น หรือ เซ้าซี้ จนน่ารำคาญ และอย่าทำท่า เซ็ง จนคนอื่นไม่สนุกไปด้วย

ฒ ที่ควรทำ ได้แก่ การเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ทรงความรู้ และทำตัวให้น่าเชื่อถือ

ฒ ที่ไม่ควรทำ คือ อย่าทำตัวเป็น เฒ่าทารก ไม่รู้จักโต เฒ่าสารพัดพิษ ที่เจ้าเล่ห์ แสนกล และ เฒ่าหัวงู ที่เป็นอันตรายแก่เด็กสาว และกลายเป็นคนแก่ที่ไม่น่านับถือ

ด ที่ควรทำ ได้แก่ ดี คือ การทำความดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง มีเหตุมีผล

ด ที่ไม่ควรทำ คือ ดุด่า อย่าไปดุด่าว่าใคร หรือใช้อารมณ์จนเกินเหตุ และอย่า โดดร่ม หนีงานบ่อย เพราะเป็นการเอาเปรียบคนอื่น และอย่าเป็น ไดโนเสาร์เต่าล้านปี รุ่นโบราณคร่ำครึ แต่จงเป็นรุ่นจูราสิคปาร์ค ที่คุยกับเด็กๆ สมัยใหม่รู้เรื่อง

ต ที่ควรทำ ได้แก่ ตักเตือน เมื่อเห็นใครทำผิด หรือทำไม่ถูกต้อง ด้วยความหวังดี

ต ที่ไม่ควรทำ คือ ตลบตะแลง ใช้เล่ห์กล หรือโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อ

ถ ที่ควรทำ ได้แก่ ไถ่ถาม ห่วงใยทุกข์สุขของเพื่อนฝูง คนรู้จัก และคนที่เรารัก

ถ ที่ไม่ควรทำ คือ ถากถาง อันเป็นการพูดเหน็บ หรือค่อนว่าให้คนอื่นเขาเจ็บใจ

ท ที่ควรทำ ได้แก่ ทะนุถนอม คือ การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน

ท ที่ไม่ควรทำ คือ ทิฐิมานะ คือ การโอ้อวดถือดี ถือตัว ไม่ยอมแพ้ จะเอาชนะให้ได้

ธ ที่ควรทำ ได้แก่ ธรรมะ คือ มีหลักธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต

ธ ที่ไม่ควรทำ คือ ธุระไม่ใช่ ด้วยการละเลย บอกปัด ไม่สนใจจะช่วยเหลือใครทั้งสิ้น

น ที่ควรทำ ได้แก่ นอบน้อม เคารพคนที่ควรเคารพ มี น้ำใจ ให้กับทุกๆ คน ช่วยเท่าที่ช่วยได้

น ที่ไม่ควรทำ คือ นอกลู่นอกทาง หรือ นอกคอก ด้วยการไม่ประพฤติตนตามที่ควรเป็น

บ ที่ควรทำ ได้แก่ บุญ คือ การประกอบคุณงามความดีทุกรูปแบบ

บ ที่ไม่ควรทำ คือ บัดสีบัดเถลิง อันจะทำให้ตัวเรา และผู้เกี่ยวข้องอับอายขายหน้า เป็นที่รังเกียจ

ป ที่ควรทำ ได้แก่ ปลอบโยน เห็นใครมีทุกข์ ก็ปลอบใจ /ให้คำปรึกษา และเห็นอกเห็นใจเขา

ป ที่ไม่ควรทำ คือ โป้ปดมดเท็จ เป็นการกล่าวโกหก ครั้นต่อไปพูดอะไร คนเขาก็ไม่เชื่อ

ผ ที่ควรทำ ได้แก่ ผัวเดียวเมียเดียว อันจะช่วยลดปัญหาครอบครัว และสังคม ทำให้เด็กๆ อบอุ่น

ผ ที่ไม่ควรทำ คือ ผรุสวาท (ผะรุสะวาด) กล่าวคำหยาบ เป็นที่ระคายเคืองหูต่อผู้ที่ได้ยิน

ฝ ที่ควรทำ ได้แก่ ฝึกฝน คือ ทำอะไรด้วยความเพียร พยายามฝึกให้ชำนาญ

ฝ ที่ไม่ควรทำ คือ ใฝ่ต่ำ ชอบทำอะไรในทางลบ ก่อความเสียหายแก่ตัวเองและครอบครัว

พ ที่ควรทำ ได้แก่ พรหมวิหารสี่ คือ มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาต่อตนและคนรอบข้าง

พ ที่ไม่ควรทำ คือ พนัน เพราะจะทำให้เสียเงิน เสียเวลา และนำไปสู่ความเดือดร้อนเรื่องอื่นๆ

ฟ ที่ควรทำ ได้แก่ ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อใครง่ายๆ หรือไม่ฟังคำยุยง ที่จะทำให้เกิดความแตกแยก

ฟ ที่ไม่ควรทำ คือ ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ เพราะจะทำให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ และไม่จำเป็น

ภ ที่ควรทำ ได้แก่ ภาคภูมิ คือ ทำตัวให้สง่า ผึ่งผาย ไม่ซอมซ่อ ทำให้คนที่รักภูมิใจในตัวเรา

ภ ที่ไม่ควรทำ คือ ภาระ กล่าวคือ ทำตัวไม่รู้จักโต ไม่รู้จักคิด เป็นที่หนักใจแก่คนอื่นตลอดเวลา

ม ที่ควรทำ ได้แก่ มัธยัสถ์ คือ รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด และเท่าที่จำเป็น ทำให้ไม่เดือดร้อน

ม ที่ไม่ควรทำ คือ โมหะ นั่นคือทำตัวมืดมน มัวเมาด้วยความหลงผิดต่างๆ นานา

ย ที่ควรทำ ได้แก่ ยกย่อง ให้เกียรติทุกคน ไม่ดูหมิ่น ดูแคลนไม่ว่ากับพ่อแม่ พี่น้องหรือเพื่อนฝูง

ย ที่ไม่ควรทำ คือ เย้ยหยัน /เยาะเย้ย ทำให้เขาเจ็บใจ เสียใจและผูกใจเจ็บ หรือ ยุยง ให้แตกแยก

ร ที่ควรทำ ได้แก่ รัก ตัวเอง และรักผู้อื่นให้เป็น และมี ระเบียบ ในการปฏิบัติตนและการทำงาน

ร ที่ไม่ควรทำ คือ รังควาน ด้วยการรบกวน ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน รำคาญทั้งกาย และใจ หรือ แรด อันหมายถึง ดัดจริต จนคนเขาระอา และหมั่นไส้ไปทั่ว

ล ที่ควรทำ ได้แก่ ละมุนละม่อม หรือ ละมุนละไม คือ ทำอะไรด้วยความอ่อนโยน นิ่มนวลต่อกัน

ล ที่ไม่ควรทำ คือ ลวนลาม ล่วงเกิน แทะโลมผู้อื่นด้วยวาจา หรือการกระทำ จนเป็นที่ดูถูก

ว ที่ควรทำ ได้แก่ วันทา คือ การไหว้ และแสดงอาการเคารพต่อบุคคล สถานที่ที่ควรเคารพ

ว ที่ไม่ควรทำ คือ วู่วาม ไม่รู้จักเก็บอารมณ์ และทำให้เกิดเรื่องเกิดราวได้ง่าย

ศ ที่ควรทำ ได้แก่ ศักดิ์ศรี คือ ทำตนให้มีเกียรติ และมี ศีล ทำให้เราน่าคบ และน่าเคารพนับถือ

ศ ที่ไม่ควรทำ คือ ศัตรู อย่าก่อศัตรู หรือเป็นศัตรูกับผู้อื่น จะทำให้ชีวิตเราไม่สงบสุข และกลุ้มใจ

ส ที่ควรทำ ได้แก่ สติ คือทำอะไรให้มีสติอยู่ตลอดเวลา และเสียสละ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสบ้าง

ส ที่ไม่ควรทำ คือ ส่อเสียด และ เสแสร้ง เพราะจะทำให้คนโกรธ และไม่อยากคบ เพราะไม่จริงใจ

ห ที่ควรทำ ได้แก่ หอมแก้ม คนที่เรารักบ้างเป็นครั้งคราว อันจะทำให้ชีวิตรักสุข สดชื่น

ห ที่ไม่ควรทำ คือ หงุดหงิด อารมณ์เสียอยู่เสมอ ทำให้คนอยู่ใกล้หมดความสุข

อ ที่ควรทำ ได้แก่ อโหสิ ให้อภัย แก่คนรอบข้าง

อ ที่ไม่ควรทำ คือ เอาใจยาก หรือ เอาใจออกห่าง ล้วนทำให้เกิดปัญหาทั้งสิ้น

ฮ ที่ควรทำ ได้แก่ แฮปปี้ ( Happy )คือ ทำตัวให้สบาย มีความสุขตลอดเวลา อย่าเป็นคนเจ้าทุกข์

ฮ ที่ไม่ควรทำ คือ โฮกฮาก ทำเสียงกระแทกเวลาพูด ทำให้เสียบุคลิกภาพ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล :
คุณอมรรัตน์ เทพกำปนาท
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
กระทรวงวัฒนธรรม

2550
บทเรียนสำคัญ
บทเรียนสำคัญบทแรก - คนทำความสะอาด
•   เมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือน  อาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย  จนมาถึงคำถามสุดท้าย "สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่าอะไร?"  ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่  ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง เธอเป็นคนตัวสูง ผมดำ และอายุกว่า 50 แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร?

•   ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า
คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่  "แน่นอน" อาจารย์ตอบ

•   "เพราะเมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอ ที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่ แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม" 


บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝน
•   คืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวงสายบามา  ต้านฝนที่ตกหนักอยู่  รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมากแม้จะเปียกโชก
เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่60

•   ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท๊กซี่ แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก
แต่ก็ขอบคุณเขา และจดที่อยู่ของเขาไปด้วย เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบ มาด้วย ใจความว่า:
 
•   "ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ"                                 
   ด้วยความจริงใจ นาง แนท คิง โคล


บทเรียนสำคัญที่สาม – ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ
•   ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ  เมื่อพนักงานเสริฟวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า "ไอศครีมซันเดราคาเท่าใหร่ครับ?"
"ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสิร์ฟสาวตอบ แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋า
แล้วก็นับเ หรียญในมือ "งั้น ไอศครีมเปล่าๆล่ะครับราคาเท่าใหร่?" เด็กชายถามอีก
ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสิร์ฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน
"สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง
"ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก  แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอาไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป

•   เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไปเมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินกลับมา
เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะบนโต๊ะนั้น มีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญและเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างถ้วยไอศครีมเปล่านั้น เห็นไหมว่า ที่เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเดเพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้น


บทเรียนสำคัญที่สี่ – สิ่งที่กีดขวางทางของเรา
•   ในยุคโบราณมีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมาก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป

•   พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานาที่พระองค์ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง

•   จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา ก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา

•   เขียนไว้ว่า "ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน  ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา"


บทเรียนสำคัญที่ห้า – ให้เมื่อมันมีค่า
•   หลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็น โอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้า ขวบของเธอ ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา

•   หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่าเขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่ ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้"

•   เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้ม ของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป ชายมองไปที่หมอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ "ผมกำลังจะตายใช่ไหม?"

•   ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาให้แก่พี่สาวเพื่อช่วยชีวิตเธอ ซึ่งเขาก็ยังตัดสินใจที่จะถ่ายเลือด แม้จะทำให้เขาต้องตายก็ตาม

หน้า: 1 ... 168 169 [170] 171 172