ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่ออสุรกายครองสมุทร-สารคดี(เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก)  (อ่าน 4524 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด

คุณจะว่าอย่างไรหากได้รู้ว่า สัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกที่โด่งดังอย่างเนสซีแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์หรือแม้แต่ มังกรจีน อาจเคยมีตัวตนอยู่จริงเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ชมภาพเรื่องราวสารพัดสัตว์เลื้อยคลานใต้ทะเลยุคดึกดำบรรพ์ที่อาจเป็น บรรพบุรุษของสัตว์ประหลาดเหล่านี้

        คงไม่มีอะไรจะน่าพรั่นพรึงเท่าความคิดที่ว่า อสุรกายใต้ทะเลลึกอาจยังดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันแทนที่จะสูญพันธุ์ไป เหมือน ที. เร็กซ์ และไดโนเสาร์ร่างมหึมาอื่นๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่า สัตว์ประหลาดใต้ทะเลเหล่านี้ยังแหวกว่ายอยู่ใต้ห้วงมหาสมุทรอันดำมืด และนานๆครั้งก็อาจผุดขึ้นเหนือผิวน้ำให้เราได้เห็นตัวบ้าง ในยุคสมัยที่ผ่านมา บรรดานักเดินเรือผู้คร่ำหวอดอยู่ในทะเล กลับเข้าฝั่งพร้อมเรื่องราวของสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายงูยักษ์ที่มีเขี้ยวแหลม คมและขนแผงคอ ดำผุดดำว่ายฝ่ากระแสคลื่นหรือโผขึ้นเหนือผิวน้ำ
        งูยักษ์แห่งท้องทะเลเลื้อยแทรกอยู่ในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะสกอตแลนด์ อเมริกาเหนือ และจีน ดังที่จะปรากฏในสารคดีเรื่องนี้ แต่หากมองในแง่มุมของนักวิทยาศาสตร์ อสุรกายเหล่านี้มีตัวตนอยู่จริงหรือ ในอดีต เมื่อประมาณ 250 ล้านปีก่อน ทวีปต่างๆรวมตัวเป็นผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนามว่ามหาทวีปพันเจีย ในตอนนั้นท้องทะเลยังไม่ลึกนักและสัตว์นักล่าใต้ทะเลยังมีไม่มาก สัตว์เลื้อยคลานที่ถือกำเนิดบนพื้นดินจึงขยับขยายลงสู่ห้วงน้ำ ดำรงชีวิต แพร่พันธุ์ และล้มตาย กลายเป็นฟอสซิล ซึ่งเป็นต้นแบบภาพจำลองด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกในสารคดีเรื่องนี้ พวกมันยังคงความน่าสะพรึงกลัวสมกับที่ได้สมญาว่าอสูรสยองแห่งท้องทะเล

        เนสซี อสุรกายใต้ทะเลชื่อก้องโลก

        "อากาศร้อนขนาดนี้คุณไม่มีทางเห็นเนสซีหรอกครับ เนสซีน่าจะกบดานอยู่ใต้ทะเลสาบเย็นๆมากกว่า" คนขับแท็กซี่พูดพลางส่ายศีรษะขณะขับรถผ่านถนนแคบๆที่เลาะเลียบทะเลสาบล็อค เนสส์ในสกอตแลนด์
        เขาอาจจะพูดถูก แต่ฉันก็ไม่วายจ้องท้องน้ำอันสงบนิ่งอย่างไม่วางตา มีคนเคยยืนยันนี่นะว่า ในวันที่อากาศแบบนี้ พื้นน้ำอันนิ่งสงบกลับแตกกระจาย และเนสซี สัตว์ประหลาดชื่อก้องโลกที่มีส่วนหลังโค้งราวเรือคว่ำ ได้ปรากฏกายขึ้นก่อนจะดำดิ่งสู่ห้วงน้ำลึกภายในชั่วพริบตา จนถึงทุกวันนี้ มีประจักษ์พยานกว่าพันคนอ้างว่าเคยเห็นอสุรกายแห่งล็อคเนสส์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ริ้วคลื่นที่ก่อตัวยามอสูรร้ายดำดิ่งลงสู่ถ้ำใต้พื้น น้ำอันดำมืด แต่เนสซีนั้นเป็นเพียงหนึ่งในสารพันตำนานสัตว์ประหลาดแห่งห้วงน้ำที่เล่าขาน กันบนชายฝั่งมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยหมอก จากสแกนดิเนียเวียจรดป่าดงดิบแห่งคองโกและทุ่งราบในอเมริกาเหนือ ดูเหมือนเกือบทุกชนชาติจะมีเนสซีของตนเองทั้งสิ้น และมีหลายกรณีทีเดียวที่อสูรในตำนานถูกนำมาเชื่อมโยงกับฟอสซิลสัตว์เลื้อย คลานใต้ทะเลที่เคยยึดครองห้วงน้ำเมื่อ 250 ถึง 65 ล้านปีก่อน
        หลักฐานไม่กี่ชิ้นจากภาพถ่ายหรือสัญญาณโซนาร์ที่อ้างว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ เนสซีบ่งชี้ว่า มันมีลักษณะคล้ายเพลสิโอซอร์หรือสัตว์เลื้อยคลานใต้ทะเลที่มีช่วงคอยาว เนื่องจากเพลสิโอซอร์สูญพันธุ์ไปพร้อมกับไดโนเสาร์ที่เคยอาศัยอยู่บนพื้น พิภพเมื่อ 65 ล้านปีก่อนแล้ว การบอกว่ายังมีเพลสิโอซอร์อาศัยอยู่ใต้ทะเลสาบล็อคเนสส์ที่เคยจับตัวเป็นธาร น้ำแข็ง จึงเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลในทางวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง
        "มีอยู่คืนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ผมจอดเรืออยู่ คืนนั้นผิวน้ำเรียบอย่างกับกระจกเลย แต่จู่ๆก็มีคลื่นยักษ์ 3 ระลอกซัดเสียเรือโคลง ผมมั่นใจมากว่าต้องเป็นเนสซีว่ายน้ำผ่านไปแน่ๆ" สตีฟ เฟลทัม วัย 40 ปี ผู้ตั้งตนเป็นนักวิจัยเนสซีอิสระ เล่า คุณอาจคิดว่าเขาคงจะเพี้ยนๆอยู่สักหน่อย แต่เปล่าเลย เฟลทัมหลงใหลตำนานของเนสซีมาตั้งแต่เด็ก และย้ายมาที่นี่เมื่อปี 1991 เพื่อทุ่มเทให้กับ "โครงการวิจัยเนสซีอิสระ" แต่หลักฐานการวิจัยที่ปรากฏให้เห็นเพียงชิ้นเดียวคือกล้องส่องทางไกลตั้ง พื้น ซึ่งเขายินดีให้นักท่องเที่ยวส่องหาเนสซีขณะตอบปัญหาต่างๆที่มักหนีไม่พ้นคำ ถามว่า "แล้วคุณเคยเห็นเนสซีบ้างหรือยัง"
        เมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เขาหวิดจะได้เห็นเนสซี เฟลทัมกลับบอกว่า "ไม่ใช่เนสซีหรอกครับ ผมรู้แล้วว่านั่นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังพายุ รูปร่างของทะเลสาบทำให้เกิดคลื่นแบบนั้นขึ้น" เขาหยุดไปครู่หนึ่ง "แต่ผมยังเชื่ออยู่ครับว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เราอธิบายไม่ได้อยู่ในน้ำ นั่น ผมได้เห็นและได้ยินอะไรหลายอย่างที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ผมถึงยังไม่ยอมไปไหนไงครับ"
        เฟลทัมเชื่อว่า สิ่งที่หลายคนเห็นและคิดว่าเป็นเนสซีน่าจะได้แก่ปลาขนาดใหญ่ซึ่งอาจเป็น สัตว์ในสกุลปลาดุก "ผมไม่คิดว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดหรอกครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันคงจะเชื่องมาก และกลัวคนมากกว่าที่คนกลัวมันเสียอีก"
        ทว่าเขาอาจจะผิดก็ได้ บันทึกที่กล่าวถึงสัตว์ประหลาดปรากฏครั้งแรกในชีวประวัติของนักบุญโคลัมบา ชาวไอริชที่เขียนขึ้นในศตวรรษที่เจ็ด ขณะที่เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเนสส์ซึ่งอยู่ตอนต้นของ ทะเลสาบ "สัตว์ประหลาดแห่งผืนน้ำ" ได้ผุดขึ้นมาเหนือน้ำ "ส่งเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัว" และพุ่งเข้าใส่ "ด้วยปากที่อ้ากว้าง" ผู้คนต่าง "ตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว" แต่เมื่อนักบุญโคลัมบาทำมือเป็นรูปกางเขนอย่างสงบและสั่งให้มันหยุด สัตว์ประหลาดก็หนีไปในบัดดล
        ผู้คนส่วนใหญ่ในศตวรรษนั้นจินตนาการว่า อสุรกายแห่งล็อคเนสส์มีหน้าตาคล้ายงูทะเลยักษ์ หรือภูตน้ำเคลพาย ซึ่งเป็นอสุรกายหัวม้าที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบและท้องน้ำริมฝั่งสแกนดิเนเวีย และสกอตแลนด์ ต่อมาเนสซีกลายร่างมาเหมือนเพลสิโอซอร์ หลายปีหลังจากมีการขุดพบฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานใต้ทะเลที่เหมืองแห่งหนึ่งใน นอตทิงแฮมเชียร์ของอังกฤษเมื่อปี 1719
        ต้นคริสต์ศตวรรษที่สิบเก้า นักล่าฟอสซิลพบโครงกระดูกของเพลสิโอซอร์เพิ่มขึ้นพร้อมโครงกระดูกสัตว์ทะเล เลื้อยคลานยุคดึกดำบรรพ์อื่นๆ รวมทั้งอิกทีโอซอร์ สัตว์ตาโตที่มีรูปร่างคล้ายโลมา  และไพลโอซอร์พันธุ์คอสั้นที่มีขากรรไกรใหญ่ยักษ์และฟันบดเคี้ยวซี่มโหฬาร ในสมัยนั้นโลกยังไม่รู้จักไดโนเสาร์ ผู้คนจึงให้ความสนใจกับสัตว์ประหลาดร่างยักษ์จากท้องทะเลซึ่งไม่ใช่ ไดโนเสาร์กันมาก โดยเฉพาะเมื่อจิตรกรวาดภาพการต่อสู้อันระทึกขวัญของอิกทีโอซอร์ เพลสิโอซอร์ และจระเข้ยักษ์ ออกมา โอลิวิเยร์ รีปเพล นักโบราณชีววิทยาจากพิพิธภัณฑ์ฟีลด์ในชิคาโก บอกว่า "ภาพวาดพวกนั้นทำให้คนรู้จักสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอร์"  ก่อนจะปิดท้ายว่า ทุกวันนี้ไม่มีสัตว์แบบนั้นอยู่ในมหาสมุทรแล้ว
        เนสซีโด่งดังเป็นพลุในปี 1933 เมื่อภาพยนตร์เรื่อง คิงคอง นำเสนอเรื่องราวยุคไดโนเสาร์ครองพิภพ และมีสัตว์ประหลาดคอยาวผุดขึ้นมาจากทะเลสาบที่ดูคล้ายล็อคเนสส์ ในปีเดียวกันนั้นเอง มีคนเห็นสัตว์ "ดึกดำบรรพ์" ข้ามถนนใกล้ๆทะเลสาบ ปีต่อมาหนังสือพิมพ์ เดลิเมล์ ในลอนดอนได้ตีพิมพ์ภาพสัตว์ประหลาดที่มีหัวเล็กๆคล้ายหัวงูชูคอยาวเหนือ ทะเลสาบ ทั้งหมดนี้ทำให้เนสซีกลายเป็นเพลสิโอซอร์อย่างเป็นทางการ
        แม้จะมีการพิสูจน์แล้วว่าภาพถ่ายดังกล่าวและภาพอื่นๆเป็นภาพที่ทำปลอมขึ้น แต่กลับไม่มีใครสนใจ ทุกฤดูร้อน ทะเลสาบล็อคเนสส์ยังคงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวเต็มคันรถที่แวะไปยังรถ เทรลเลอร์ของเฟลทัมเพื่อถามคำถามยอดฮิตว่า "แล้วคุณเคยเห็นเนสซีบ้างหรือยัง"
        เฟลทัมบอกว่า "ทุกคนอยากได้ยินผมตอบว่า เคยเห็นเนสซีแล้ว และอยากเห็นเนสซีกับตา ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ"

เรื่องโดย เวอร์จิเนีย มอเรลล์
ธันวาคม 2548