ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิบัติการหน้าตอบ! ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ปรับรูปหน้าเป็นตัว V ได้จริงรึ!  (อ่าน 1360 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
“โอ้ย! เห็นหน้าตัวเองแล้วเพลีย ส่องกระจกทีไรเหมือนเห็นจานดาวเทียมโผล่อยู่ตรงหน้าซะอย่างงั้นน่ะ”
       
       ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันอยากมีรูปหน้าที่เรียวเล็กดั่งรูปไข่ มิใช้หน้าเหลี่ยม บานกลม หรือสี่เหลี่ยมคางหมู ฉะนั้น! อยากสวยต้องอดทน
       
       ฮิตกันเหลือเกินฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ลดกรามปรับหน้าเรียวเนี้ย! เอ๊ะ มันจะทำได้จริง เสกได้ดั่งใจจึงรึ แหม..แต่น่าเสียดายอายุอานามอยู่ได้แค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง
   
       “โบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin เหมาะสำหรับที่มีปัญหาโครงหน้าเหลี่ยมจะมีลักษณะกล้ามเนื้อบริเวณ ขากรรไกรที่ใหญ่กว่าปกติ กล้ามเนื้อนิดนี้มีชื่อว่า 'Masseter'
       
       มักพบในคนที่นอนกัดฟัน สบฟันไม่สนิท หรือการเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียวอย่างปลาหมึก หรือหมากฝรั่งมากๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามหรือขากรรไกรมีการพัฒนาให้หนานูนมากกว่าปกติ
       
       หรือบางรายอาจเป็นโดยกำเนิด เมื่อสังเกตบริเวณใบหน้าจะพบว่าคางเป็นเหลี่ยมชัดเจน หากลองกัดฟันจะเห็นลำของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรทั้งสองข้างชัดเจนกว่าคนปกติ
       
       หมอจะมีการตรวจเช็กโดยให้คนไข้กัด เราจะเห็นได้ว่า ตรงนี้ใหญ่ เราอาจจะให้ลองจับดูก็ได้ และก็กัด มันจะปูดออกมา และอยู่ที่โดสยาที่เราใช้ จากที่กรามจะมีลักษณะเหมือนทรงป้าน จะเริ่มดูเล็กลง” หมออ้อย-พญ.พิชามญูช์ ศรีสุวนันท์ ว่าที่คุณแม่ แพทย์ประจำคลินิกน้องใหม่ Absolute Skin Klinik กล่าว
       
       ปรับรูปหน้าสไตล์เกาหลี Face U to V ใช่ว่าทุกคนทำได้?
       
       มิใช่ว่าทุกคนจะฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้าสไตล์สาวกิมจิ หน้าศัลยกรรมได้ทั้งหมดซะเมื่อไหร่ เราควรสังเกตกล้ามเนื้อของตนเองด้วย ว่ากรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ หรือกระดูก!
       
       “กล้ามเนื้อคนเรามัดไม่เท่ากัน คืนตัวไม่เยอะ คนอีสานจะปรับรูปหน้าแบบ Face To V ไม่ได้เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกระดูกช่วงกราม

       คุณหมอย้ำว่ากรามของแต่ละคนมักไม่เท่ากันเนื่องจากการบดเคี้ยวถนัดต่างกัน
       
       “ใบหน้าของคนไข้นอกจากมีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่แล้ว ยังมีไขมันปะปนอยู่ด้วย จึงเป็นเหตุให้ใบหน้าดูใหญ่ อวบอิ่ม
       
       สังเกตได้ว่า เนื้อช่วงกรามข้างขวาจะใหญ่กว่าเพราะถนัดเคี้ยวข้างขวา กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ก่อนอื่นคุณหมอต้องทำเครื่องหมายไว้ก่อนด้วยการให้คนไข้กัดจะมีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมา ฉีดประมาณ 3-5 จุดต่อข้าง ขวา 5 ซ้าย 3 ค่ะ”

       หลังจากตรวจเช็กรูปหน้าของคนไข้เสร็จเรียบร้อย คุณหมอจึงทำการมาร์กจุดโดยใช้ปากกาทำเครื่องหมายเพื่อทราบจุดในการฉีดโบท็อกซ์ โดยการให้คนไข้กัดฟัน เพื่อทราบตำแหน่งของกล้ามเนื้อมัดที่จะฉีด
       
       “เราจะฉีดมัดใหญ่ และการฉีดจะไม่มีปัญหาในการไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น หรืออย่างที่เป็นข่าว ในเรื่องของการฉีดโบท็อกซ์แก้หนังตาตก ซึ่งอาจจะดูน่ากลัว เพราะว่าจุดตรงช่วงตา การกระจายตัวของยาด้วย
       
       และตัวยาที่ใช้ บางทียากระจายตัวไปเยอะแล้วไปโดนมัดอื่น จึงทำให้มีปัญหาไปโดนมัดที่ทำให้ตาเหมือนเปลือกตาตก แต่กล้ามเนื้อมัดตรงกรามจะไม่มีปัญหาค่ะ”
       
       คุณหมอทำการจิ้มเข็มลงไปบนบริเวณที่ทำเครื่องหมายไว้ ด้านขวา 3 ด้านซ้าย 2 ก่อนฉีดในแต่ละครั้งจะต้องทำการประคบน้ำแข็งลดอาการเจ็บ
       
       “ถ้าอยากเห็นชัดหมอแนะนำให้ใช้ 1 ขวด โดยทั่วไปคนไข้อาจใช้ครึ่งขวด คือ ประมาณ 50 ยูนิต ต่อ 1ครั้ง ข้างละ 25 ซีซี แต่อย่างนางแบบหมอแนะนำให้ 1 ขวดไปเลย 1 ขวดมี 100 ยูนิต คือ ข้างละ 50 ซีซี จะได้เห็นว่าหน้าเล็กเรียวอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น
       
       หลังจากฉีดโบท็อกซ์จะรู้สึกได้เพียงว่า เคี้ยวอาหารลำบากขึ้น เคี้ยวแล้วเมื่อย เพราะกล้ามเนื้อมันแน่นขึ้น การขยับจึงหนืดขึ้นเล็กน้อย โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อไม่ให้ทำงาน คือ ไม่ค่อยขยับ แต่กล้ามเนื้อมัดอื่นที่ไม่ได้ฉีดก็สามารถใช้ในการบดเคี้ยวแทนกันได้ เปรียบกับ กับนักกีฬา ถ้าวิ่งเยอะ กล้ามเนื้อน่องจะใหญ่ ดังนั้นหากเราบดเคี้ยวอาหารที่เหนียวกล้ามเนื้อมัดนั้นจะได้รับการออกกำลังกายทำให้คืนสู่สภาพเดิมได้
       
       หลังจากฉีดโบท็อกซ์ลดกรรมแล้วโดยทั่วไป 2-3 อาทิตย์ จะเริ่มสังเกตได้ว่าลดลง แต่ถ้าอยากเห็นชัดเลยต้องประมาณ 1 เดือนค่ะ และ 1 ครั้งแรกที่เรามาแล้วเราฉีดไป แล้วยังไม่ได้เล็กมาก 1-2 เดือน หลังฉีดครั้งแรก มาฉีดได้ กล้ามเนื้อเราจะเล็กลงไปอีก จะอยู่ได้นาน หลังจากนั้นอาจจะมาฉีดซ้ำในระยะเวลา 6 เดือน 8 เดือน หรือ 12 เดือน แล้วแต่ขนาดของกล้ามเนื้อที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
       
       ต้องบอกคนไข้ให้ปฏิบัติตัวตามด้วย เช่น บางคนชอบเคี้ยวหมากฝรั่งมาก ถ้าเราฉีดโบท็อกซ์ลดกรามไป แล้วยังบดเคี้ยวเยอะ ทานปลาหมึกย่าง ข้าวเหนียว กล้ามเนื้อมัดนั้นอาจจะโตและกลับมาเร็วได้ หรือบางคนชอบนอนกัดฟัน แต่การฟื้นตัวก็อาจจะน้อยกว่าก่อนจะฉีด กรามจึงไม่มีวันใหญ่เท่าเดิม การคืนตัวจึงไม่ 100% เท่าเดิม
       
       หรือการ Follow up หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว ปริมาณโบท็อกซ์ที่จะฉีดซ้ำ จึงไม่ใช่ปริมาณเยอะเท่าเดิม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฉีดมากกว่าเดิม
       
       หลังฉีดโบท็อกซ์เราควรงดการนวดคลึงบริเวณที่ฉีดเพราะตัวยาอาจจะไปโดนมัดอื่นที่เราไม่ต้องการได้ เต็มที่ถึง 2 เดือนจะเห็นผลในรายที่ลดยาก แต่ปกติ 1 เดือนจะเห็นได้ชัดแล้ว แต่พอครบ 2 สัปดาห์หมอจะต้องให้คนไข้มาพบเพื่อ Follow up”
       
       หากสังเกตให้ดีแบบจับผิดจะพบว่า ใบหน้าช่วงแก้มซ้ายตอบกว่าด้านขวาเล็กน้อย เพราะนางแบบจอมดื้อชอบเคี้ยวอาหารด้านขวาด้านเดียว นางอ้างว่าไม่ถนัดเคี้ยวด้านซ้าย น่าตีนิ! ทั้งที่คุณหมอกำชับนางให้เคี้ยวทั้งสองข้าง ใบหน้าจะได้เรียวเท่ากัน
       
       ผลที่ได้รับ กล้ามเนื้อบดอาหารหรือกรามด้านซ้ายจึงไม่ได้ใช้งาน ใบหน้าทั้งสองข้างจึงไม่เท่ากันเล็กน้อยแต่แทบสังเกตไม่เห็นเลยหากไม่จับจ้อง
       
       *ข้อควรระวังและข้อปฏิบัติของผู้รับการฉีดโบท็อกซ์
       
       1. ห้ามฉีดในผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้ที่ให้นมบุตร
       
       2. การประคบน้ำแข็งตรงตำแหน่งที่ฉีดก่อนและทันทีที่ฉีดจะช่วยลดอาการปวดและลดการเกิดรอยช้ำจ้ำเลือดได้
       
       3. ห้ามนอนราบ 2- 3 ชั่วโมงหลังฉีดยา
       
       4. ห้ามนวดคลึงบริเวณที่รับการฉีดยา แต่ควรเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดที่ได้รับการฉีดทุก 15 นาที เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
       
       5. งดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 วันหลังฉีดยา
       
       6. งดการกินยาแก้ปวดจำพวกแอสไพริน และยาปฏิชีวนะ
       
       7. หลีกเลี่ยงความร้อน การใช้แสงเลเซอร์ และคลื่นไฟฟ้า บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 สัปดาห์

By Lady Manager
ASTVผู้จัดการออนไลน์  8 มกราคม 2555