การบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยกระทรวงสาธารณสุข
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ที่มาและจุดมุ่งหมาย1.ประเมินผลกระทบระบบหลักประกันในปัจจุบัน
1.1เป็นปัจจัยคุกคามต่อเสถียรภาพของระบบบริการของหน่วยงานในสังกัดสปสธ.ซึ่งหน่วยบริการหลักของประเทศ
1.2นำไปสู่ความไม่เท่าเทียมระหว่างสิทธิ์ และระหว่างประชาชนต่างพื้นที่
1.3ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำแตกต่างจนเชื่อมโยงให้เกิดความขัดแย้งแย่งชิงฐานสิทธิ์ระหว่างหน่วยผู้บริหารกองทุน
1.4ทั้งขัดต่อแนวทางแห่งรัฐธรรมนูญที่กำหนดเป็นกฎหมายในการจัดบริการแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน
2.เกิดความไม่สอดคล้องเชิงกระบวนการบริหารภาครัฐ
2.1ระหว่างหน่วยงานหลักเดิมที่ยังมีบทบาทหลักในการดำเนินภารกิจด้านสุขภาพคือ สำนักงานปลัด-สธ. กับหน่วยงานใหม่ผู้กำหนดการจ่ายเพื่อระบบริการคือสำนักงานจัดการกองทุน
2.2ลักษณะความไม่สอดคล้องจัดสรรก่อให้เกิดปรากฏการณ์ย้อนทิศทางการบริหารจัดการของกระทรวงสาธารณสุขทำให้เครือข่ายบริการสุขภาพขาดความเชื่อมโยง ศักยภาพเชิงเครือข่ายถดถอย
2.3ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพภาครัฐในภาพรวมที่ควรเร่งรัดร่วมมือแก้ไขโดยเร่งด่วนและต้องดำเนินการศึกษาให้ปรากฏความชัดเจนเพื่อแก้กลไกภาครัฐให้เกิดศักยภาพมากที่สุด
3.ระบบสุขภาพถูกระบบการเงินคุกคามจนเสียหาย
3.1แนวทางการขับเคลื่อนด้วยระบบการเงินอย่างเดียว แม้จะมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่ด้วยภาระที่ต้องมุ่งเน้นผลงานที่ตอบสนองต่อเม็ดเงินภายในปีงบประมาณ ทำให้ขาดมุมมองการพัฒนาโครงสร้างฐานรากระบบสุขภาพที่ยั่งยืน
3.2ความเสียหายในระบบสุขภาพที่ถูกควบคุมด้วยแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์มากกว่าแนวคิดทางสุขภาพ ถูกจำกัดด้วยกลไกการควบคุมค่าใช้จ่ายของรัฐและกองทุน สุขภาพถูกบริหารแบบสินค้าและถูกจัดการเชิงธุรกิจ
3.3ความเสียหายปรากฏในรูปของความสูญเสียความมั่นคงทางทรัพยากรบริการ นำไปสู่การสูญเสียความศรัทธาบริการจากความสามารถแข่งขันเชิงคุณภาพด้วยต้องรองรับแต่ปริมาณ
4.การขับเคลื่อนระบบบริการจัดสรรโดยตรงไปยังหน่วยบริการ ไม่สอดคล้องกับระเบียบบริหารราชการขาดการบูรณาการศักยภาพการจัดการเชิงระบบที่มีมิติต่อไปนี้4.1มิติด้านนโยบายและแผน
4.2มิติด้านการกำกับติดตามในระบบราชการ
4.3มิติด้านบุคลากรว่าด้วยการบริหารความดีความชอบและขวัญกำลังใจ
4.4มิติด้านการสนับสนุนทรัพยากร ได้แก่ งบลุงทุน การจัดสรรและควบคุมอัตรากำลัง
ทำให้รัฐสูญเสียประโยชน์ที่พึงมีต่อประชาชน
5.ความขัดแย้งระหว่างหน่วยผู้ให้บริการกับผู้จ่ายปิดหนทางการเข้าถึงงบประมาณที่เพียงพอ
5.1หน่วยบริการประกาศปัญหาวิกฤตทางการเงินที่ปรากฏวงกว้าง
5.2หน่วยผู้จ่ายยืนยันความเพียงพอของงบประมาณเพื่อสื่อความมีประสิทธิภาพบนวงเงินงบประมาณที่บริหาร
5.3การถืออำนาจตามกฎหมายในฐานะผู้ซื้อที่กำหนดอัตราและเงื่อนไขจัดสรรเอง
5.4ช่องว่างความอ่อนแอของหน่วยบริการและหน่วยต้นสังกัด ทั้งด้านบุคลากรและข้อมูลรวมทั้งความไม่เป็นเอกภาพในระหว่างกลุ่มระดับบริการ ทำให้แม้มีการฟังความเห็นเรื่องอัตราค่าบริการตามกฎหมายกลายเป็นกระบวนการที่ไม่เกิดมรรคผล
พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาตรา ๑๘ คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้.............
(๑๓)
จัดประชุมเพื่อให้คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นโดยทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็นประจำทุกปีมาตรา ๔๖ หน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการตามมาตรา ๔๔ และหน่วยบริการที่รับการส่งต่อผู้รับบริการ มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขจากกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
หลักเกณฑ์การกำหนดค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขตามวรรคหนึ่ง ต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๑๘ (๑๓) ก่อน และอย่างน้อยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) อาศัยราคากลางที่เป็นจริงของโรคทุกโรคมาเป็นฐานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานตามมาตรา ๕๐ (๔)
(๒) ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากร
(๓) คำนึงถึงความแตกต่างในภารกิจของหน่วยบริการ
(๔) คำนึงถึงความแตกต่างในกลุ่มผู้รับบริการและในขนาดของพื้นที่บริการที่หน่วยบริการรับผิดชอบ
(ต่อ)