ผู้เขียน หัวข้อ: มารยาทหายไปไหน  (อ่าน 1159 ครั้ง)

knife05

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 60
    • ดูรายละเอียด
มารยาทหายไปไหน
« เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2012, 21:40:58 »
มารยาทหายไปไหน
อาจมีร้อยพันเหตุผลที่ทำให้เราไร้มารยาทแต่นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวทำอย่างไรเราจึงจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้

หากโลกใบนี้กำลังพุ่งตกนรกก็อาจเป็นเพราะมันบังคับรถด้วยมือข้างเดียวนานๆจะมองถนนสักครั้งขณะก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความส่งถึงดวงจันทร์พฤติกรรมหมกมุ่นอยู่แต่กับตัวเองแบบนี้เองที่เราพบเห็นอยู่ทุกหนทุกแห่งทั้งหมดล้วนยืนยันสมมุติฐานที่ว่าผู้คนสมัยนี้ไร้มารยาทยิ่งกว่าคนยุคใดๆ
 
"ผู้คนทุกวันนี้ดูเหมือนจะไร้มารยาทกว่าคนเมื่อ 50 ปีที่แล้วหรือยุคก่อนหน้านั้นเพราะพวกเขาต่างเร่งรีบและ 'ขัดสนเวลา' อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน" แพตซีโรว์ผู้เขียนหนังสือThe Little Book of Etiquetteกล่าว"มารยาททั้งหลายหายวับไปจากจอเรดาร์เพียงเพราะผู้คนไม่มีเวลาจะทำตัวดีๆ"
 
เนื่องจากเราติดหนึบอยู่กับเครื่องมือสื่อสารไฮเทคและยังได้รับอิทธิพลจากสื่อหลากรูปแบบก็คงไม่แปลกถ้าจะมีคนตื่นขึ้นมาก็ต่อว่านกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วยามเช้าว่ามันส่งเสียงรบกวนและต่อไปนี้คือปัจจัยที่ทำให้สังคมของเราไร้มารยาท
 
เน็ตเร็วแต่คนช้า
ทุกวันนี้เราทำได้เกือบทุกอย่างผ่านอินเทอร์เน็ตหรือที่ดียิ่งขึ้นไปอีกคือผ่านการเชื่อมต่อทางโทรศัพท์มือถือของเราบิลค่าใช้จ่ายในเดือนนี้หรือแค่คลิกไม่กี่ครั้งใช้เวลา 30 วินาทีทุกอย่างก็เรียบร้อยอยากได้ตั๋วเครื่องบินหรือแค่คลิกและสั่งพิมพ์ออกมา
 
"การติดต่อสื่อสารกับคนจริงๆอาจทำให้รู้สึกเหมือนวิวัฒนาการถอยหลัง" เฮนรีอัลฟอร์ดผู้เขียนหนังสือชื่อWould It Kill You to Stop Doing That? A Modern Guide to Mannersกล่าว"เราจะรู้สึกว่ามันช้ามากๆ" และนั่นทำให้เราหมดความอดทนเพราะมนุษย์ไม่ได้ทำงานด้วยความเร็วระดับ 4G "ต้องจำไว้ว่าแม่สาวที่นั่งประจำโต๊ะให้เช่ารถยนต์คนนั้นไม่ได้ชื่อว่ากูเกิล" และพนักงานที่ขอให้คุณกรอกแบบฟอร์มเหมือนๆกันถึง 3 ชุดนั้นแทบไม่มีส่วนรู้เห็นกับการตั้งกฎดึกดำบรรพ์แบบนี้เลย
 
"อย่าโกรธเขาเลย" เลสลีย์คาร์ลินผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาทของเว็บไซต์ Trip Advisor กล่าว "ไว้ค่อยเขียนจดหมายร้องเรียนถึงบริษัทโดยใช้ถ้อยคำสุภาพแต่หนักแน่นจะดีกว่า"
 
เราทุกคนต่างก็...เอ่อ...เดี๋ยวนะ...ขาดความใส่ใจ
ขึ้นชื่อเลยทีเดียวเรื่องที่คนยืนต่อแถวในร้านกาแฟแล้วยังต้องเสียเวลารอคนแถวหน้าที่สนใจไอโฟนของตัวเองมากกว่าคนขายอุปกรณ์ไฮเทคก่อให้เกิดพฤติกรรมเสียมารยาทรูปแบบใหม่
แต่ "เทคโนโลยีไม่ใช่ตัวปัญหาปฏิกิริยาของเราต่างหากเราติดกับดักเทคโนโลยีเข้าแล้ว!" แอนนามัสสันผู้อำนวยการบริษัท กูดแมนเนอร์ส คอมพานีกล่าว
 
เราตั้งโปรแกรมตัวเองให้คิดว่าทุกๆข้อความใหม่ที่เข้ามาจะเป็นข่าวสำคัญถึงขั้นเปลี่ยนชะตาชีวิตเราได้เราจึงเห็นว่าการรับโทรศัพท์เปิดดูข้อความและเช็กอีเมลสำคัญกว่าการคุยกับคนที่เราอยู่ด้วยขณะนั้น
 
"เรื่องที่ว่าไอทีทำให้คนเสียมารยาทอันนี้จริงแท้แน่นอนจริงพันแปดร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์เช่นนั่งเรียนหนังสือก็ยังเล่นบีบีตอบเฟซบุ๊กดูหนัง" รศ.ดร. เสรีวงษ์มณฑาผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชนและผู้เขียนหนังสือยายเม้าวอนสอนหญิง  กล่าว "ไปกินอาหารกันแทนที่จะช่วยกันดูเมนูปรากฏว่ามีคนหนึ่งดูเมนูแต่พอจะเงยหน้าขึ้นมาปรึกษาเพื่อนทุกคนก็มัวแต่เล่นเฟซบุ๊ก"
 
หากไม่อยากเสียมารยาทดร.เสรีแนะนำว่าควรปิดเสียงอุปกรณ์สื่อสารต่างๆเช่นเครื่องแบล็กเบอร์รีเมื่อหมดช่วงที่ต้องข้องเกี่ยวกับคนอื่นแล้วค่อยมาเปิดดูทีเดียว"ถ้าอยู่คนเดียวที่ไม่ต้องรักษามารยาทก็เปิดได้แต่ถ้าอยู่ในห้องประชุมหรือในที่มีคนอื่นอยู่ด้วยก็ควรปิดเสียงเพื่อไม่ให้รบกวนการพูดคุยของเรา... ถ้าเราเปิดตลอดเวลารับรองเสียมารยาทแน่"
 
เราเคยชินกับการไม่แสดงตัวตน
สังคมออนไลน์ไม่ใช่การพบปะตัวตนกันจริงๆบ่อยครั้งก็ใช้นามแฝงบางคนจึงคิดเหมาเอาว่าจะทำตัวหยาบคายอย่างไรก็ได้หากคนที่ติดต่อด้วยไม่รู้ว่าเราเป็นใครแต่แพตซีโรว์บอกว่า
 
"คนที่ส่งอีเมลหรือข้อความโทรศัพท์โดยไม่ลงชื่อถือว่าไร้มารยาทมาก " เธอบอก "หากจะพูดอะไรร้ายๆก็ขอให้กล้าพอที่จะบอกเขาตรงๆเขียนจดหมายหรืออีเมลและลงชื่อด้วยไม่อย่างนั้นก็อย่าส่งเลยการส่งข้อความก่อกวนคนอื่นโดยไม่ลงชื่อถือเป็นเรื่องหยาบคายและขี้ขลาดตาขาว"

By รอรี อีแวนส์ และสิทิ โรหณี
readersdigestthailand.co.th