ผู้เขียน หัวข้อ: ลูกจะเป็นอย่างไร ถ้าพ่อแม่ไม่รักกัน/ดร.แพง ชินพงศ์  (อ่าน 1479 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
 สถาบันครอบครัวถือเป็นแหล่งแรกในการปลูกฝังความคิด ทัศนคติ ลักษณะนิสัยและบุคลิกภาพของบุคคลแต่ละคนในสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่นั้นถือว่ามีหน้าที่หลักในการเป็นผู้นำในการหล่อหลอมพฤติกรรม ต่างๆของลูกโดยตรง ซึ่งหากพ่อแม่มีความรักซึ่งกันและกัน เอื้ออาทรเห็นอกเห็นใจกัน ปฏิบัติดีต่อกัน ครอบครัวก็มีความมั่นคงอบอุ่น ลูกๆก็จะมีความสุข มีอารมณ์ดีและมีสุขภาพจิตดี แต่ถ้าหากพ่อแม่ไม่รักกัน ก้าวร้าวใส่กันและทะเลาะกันบ่อยๆ ครอบครัวก็จะเกิดความสั่นคลอน และจะส่งผลกระทบในทางร้ายต่อจิตใจและความรู้สึกของลูกได้ ซึ่งพฤติกรรมการแสดงออกว่าพ่อแม่ไม่รักกัน มีดังนี้
       
       1.ไม่ยอมรับความคิดเห็นหรือไม่เห็นด้วยกับทัศนคติของกันและกันในทุก ๆ ประการ การมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน หรือมีทัศนคติไม่เหมือนกันถือเป็นเรื่องปกติของคนที่อยู่ร่วมกัน แต่หากเราได้เปิดใจยอมรับฟังเหตุผลของกันและกันแล้วและสามารถปรับความคิด เข้าหากันได้ในที่สุด ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะนั่นหมายความว่าเราต่างก็รักกันจึงยอมรับความแตก ต่างนั้นได้ แต่หากใครก็ตามโดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกันอย่างคุณพ่อคุณแม่ หากมีปัญหาหรือมีเหตุให้คิดเห็นไม่ตรงกันและไม่สามารถยอมรับในเหตุผลของกัน และกันได้ในทุกๆกรณี และไม่มีใครยอมใคร แต่เอาอารมณ์และเหตุผลของตนเองเป็นใหญ่ หรือคุณพ่อคุณแม่บางคนมักทะเลาะเบาะแว้งกันได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่อง สากกะเบือยันเรือรบแล้ว นั่นถือว่าความสัมพันธ์คงไม่ปกติอีกต่อไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากการที่ก่อนแต่งงานไม่ได้ใช้เวลาในการศึกษานิสัย ใจคอกันอย่างลึกซึ้งหรือคบหากันอย่างฉาบฉวยจึงไม่ได้รู้ลักษณะนิสัยของกัน และกันนั่นเอง
       
       2.คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว การใช้ชีวิตอยู่เป็นครอบครัว ต้องไม่คิดถึงแต่ตนเองฝ่ายเดียว แต่ต้องคิดถึงคู่ของเรา หรือลูกของเราด้วยว่ามีความสุขดีหรือไม่อย่างไร มีสิ่งใดที่เขายังขาดเหลือและมีสิ่งใดที่เราจะทำให้เขาได้บ้างเพื่อทำให้เขา มีความสุข ดังนั้นหากคุณพ่อหรือคุณแม่คนใดเริ่มคิดถึงความสุขสมหวังของตนเองอย่างเดียว โดยไม่นึกถึงคนอื่นในครอบครัวแล้ว เช่น พอเงินเดือนออกก็คิดจะเปลี่ยนมือถือเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ไม่เคยคิดถึงค่าเทอมลูกที่ยังจ่ายไม่หมด หรือไม่เคยคิดถึงค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบ้านเลย ปล่อยให้เป็นภาระของอีกฝ่าย เช่นนี้แล้วก็แสดงว่าเขารักแต่ตัวเองไม่รักคนอื่น
       
       3.นอกใจกัน เป็นปัญหาโลกแตกที่มีมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นสามีมีเมียน้อย ภรรยามีชู้ หรือต่างฝ่ายต่างมีกิ๊ก ส่วนใหญ่พอเกิดปัญหามักจะอ้างว่าไม่ตั้งใจ แต่จริงๆแล้วเป็นทั้งความตั้งใจและทั้งเต็มใจ บางคนอยากลอง อยากท้าทาย อยากดูว่าตัวเองยังมีน้ำยาอยู่ไหม ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นแก่ตัว ไม่พอใจและไม่ภูมิใจสิ่งที่เป็นของเรา ซึ่งถือเป็นการไม่รักครอบครัวของเราเอง
       
       ปัญหาเรื่องพ่อแม่ไม่รักกันไม่ได้ส่งผลกระทบในทางร้ายต่อแค่พ่อและแม่เท่านั้น แต่มีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อลูก ๆ ด้วย ดังนี้
       
       1. ลูกขาดความสุข พ่อแม่บางคนมักนึกไม่ถึงว่าลูกสามารถรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อแม่ และสามารถรับรู้ว่าพ่อแม่ไม่รักกันได้ เพราะเด็กๆแม้ยังเล็กเช่นอยู่ในวัยอนุบาลสามารถซึมซับทุกอย่างที่เกิดขึ้น รอบตัวเขาได้โดยเฉพาะกับบุคคลที่เขาใกล้ชิดด้วยอย่างพ่อแม่ลูกจะรับรู้ได้ ทุกอย่าง ดังนั้น การที่ลูกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ ทุ่มเถียงกัน เห็นแก่ตัวต่อกัน เป็นการสร้างบาดแผลให้กับจิตใจของลูกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆที่ยังพูดไม่ได้ เมื่อเขาเห็นพ่อแม่ทะเลาะและใช้ความรุนแรงต่อกัน เด็กจะเกิดความกลัวและสับสน ทำให้ลูกเกิดความเครียดและส่งผลให้ลูกเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข เก็บตัว มีความเหงา ว้าเหว่อยู่ลึกๆ และความรู้สึกเหล่านี้จะฝังอยู่ในจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของเขาไปจนโตเลย ทีเดียว
       
       2. มีอารมณ์รุนแรง ลูกที่เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น ลงไม้ลงมือกัน ตบตี ด่าว่ากันด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย แน่นอนว่าลูกย่อมจะซึมซับพฤติกรรมความรุนแรงเหล่านี้มาจากพ่อแม่ ซึ่งจะทำให้ลูกเป็นคนดื้อ หยาบคาย ก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง ชอบทำร้ายผู้อื่นและที่น่ากลัวคือจะมีการส่งต่อพฤติกรรมนี้ไปยังผู้อื่นต่อ ไปด้วย ดังตัวอย่างที่เราพบเห็นกันอยู่บ่อยครั้ง เช่น กรณีนักเรียนตีกัน การข่มขืน การฆ่ากัน
       
       3. รู้สึกผิด ในเด็กเล็กๆนั้นจะมีความคิดแบบยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง(egocentrism) คือความคิดที่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเองทั้งสิ้น ดังนั้นการที่ลูกเห็นว่าพ่อแม่ไม่รักกัน ชอบทะเลาะด่าว่ากัน นอกใจกัน ลูกก็จะสรุปเอาเองว่าตัวของเขาเป็นต้นเหตุ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เก็บกด ขาดความมั่นใจในตนเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า เป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ กลัวต่อทุกอย่างบางคนอาจประชดชีวิตแบบผิดๆหรือหาทางออกให้ตนเองอย่างผิดๆ เช่น ติดยาเสพติด ส่ำส่อน บางคนมีความวิปริตทางเพศ ชอบโชว์อวัยวะเพศ หรือเป็นพวกถ้ำมอง
       
       4. มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อครอบครัว เด็กที่มาจากสภาพครอบครัวที่มีพ่อแม่ไม่รักกัน มีความขัดแย้งและขาดความเข้าใจในกันและกันจะส่งผลทำให้ลูกขาดความศรัทธาต่อ สถาบันครอบครัว ทำให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีทัศนคติในด้านลบต่อความเป็นครอบครัว หลายคนเกลียดการมีครอบครัว ไม่อยากมีชีวิตคู่ บางคนนิยมเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆแต่ไม่ยอมผูกพันกับใครอย่างจริงจัง เพราะเห็นตัวอย่างที่พ่อแม่ไม่รักกันกัน จึงไม่อยากให้ชีวิตของตัวเองต้องเป็นเช่นนั้นเหมือนพ่อแม่
       
       การมีครอบครัวเป็นเรื่อง ละเอียดอ่อนเพราะเป็นการผูกพันคนหลายคนให้ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจน ตลอดชีวิต แม้ระหว่างทางอาจมีอุปสรรคบ้างแต่อยากให้ทุกคนที่ไม่ได้มีฐานะแค่เป็นสามี ภรรยา แต่มีฐานะเป็นคุณพ่อคุณแม่ของคนๆหนึ่งที่เราสร้างให้เขาเกิดมาบนโลกใบนี้ ได้ตระหนักและคำนึงถึงจิตใจของลูกของเราว่าเขาจะเป็นอย่างไรหากเขาต้องใช้ ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ที่ไม่ได้รักกัน ผู้เขียนเชื่อว่าไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ไม่รักและไม่หวังดีกับลูก อย่าปล่อยให้ทิฐิ อารมณ์ อยู่เหนือเหตุผล เหนือความรัก เหนือความเข้าใจและเหนือการให้อภัย หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีปัญหาก็ค่อยๆคุยกัน เช้านี้ไม่เข้าใจ เย็นนี้ก็ยังเข้าใจกันได้ และคำขอโทษเป็นคำที่มีค่าเสมอสำหรับความเป็นครอบครัวถ้าเรายังไม่อยากเสียคน ที่เรารักและรักเราไป