ผู้เขียน หัวข้อ: “The Abyss” ดูดสยอง ดิ่งนรกสะดือทะเล 5,000 เมตร เรือเวียดนาม 56,000 ตันหายต๋อม  (อ่าน 1466 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
ครอบครัวของลูกเรือวินาไลนส์ควีน (Vinalines Queen) เรือสินค้าขนาดระวางขับน้ำ 56,000 ตัน สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยในบริเวณน้ำทะเลลึกที่สุดแห่งหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้หมู่เกาะฟิลิปปินส์ การค้นหากู้ภัยตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยหน่วยงานของหลายประเทศ ไร้วี่แววของเรือยักษ์กับลูกเรือชาวเวียดนามทั้ง 23 คน
       
       เรือวินาไลนส์ควีน ซึ่งเป็นของบริษัท วินาไลนส์ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจต่อเรือขนาดใหญ่ บรรทุกสินแร่นิกเกิลน้ำหนัก 54,400 ตัน ซึ่งเป็นอัตราปกติ จากท่าเรือโมโรวะลี (Morowali) ในอินโดนีเซีย ไปยังท่าเรือหนิงเต๋อ (Ningde) ของจีน และขาดการติดต่อกับบริษัทในเวียดนามไปเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันอาทิตย์ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สื่อของทางการรายงาน
       
       ข้อความล่าสุดที่กัปตันวินาไลนส์ควีน แจ้งเข้าไปยังบริษัทในกรุงฮานอย ก็คือ “เรือกำลังเอียงลงราว 18 องศา” จากนั้นเสียงก็ขาดหายไปในช่วงเวลาแห่งพายุลมแรงจัดและคลื่นสูง ซเวินจี๊ (Dân Trí) สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามยอดนิยม กล่าว
       
       บริษัทประกันภัยที่ให้ประกันแก่วินาไลนส์ควีน ได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในไต้หวันและฟิลิปปินส์ในทันที แต่ทางการฟิลิปปินส์แจ้งให้ทราบว่า ขาดอุปกรณ์สำคัญและพายุกับคลื่นลมแรง ทำให้การออกค้นหาไม่สามารถเป็นไปได้
       
       จนกระทั่งเวลา 11.00 น.เศษ วันจันทร์ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยจากไต้หวัน จึงได้แจ้งให้วินาไลนส์ ทราบว่า ได้จัดส่งทั้งเรือและเครื่องบินกู้ภัยเข้าไปค้นหาวินาไลนส์ควีนกับลูกเรือในพื้นที่เกิดเหตุถึง 2 รอบแล้ว ไม่พบร่องรอยใดๆ
       
       บริษัทประกันภัยในเวียดนามได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในฮ่องกงและญี่ปุ่นให้ช่วยออกปฏิบัติการค้นหา และยังไม่พบหลักฐานใดๆ ในอาณาบริเวณที่วินาไลนส์ควีนติดต่อเป็นครั้งสุดท้าย
       
       การสูญหายของเรือวินาไลนส์ควีน ที่มีความยาวตลอดลำเรือ 190 เมตร กำลังตกเป็นข่าวใหญ่ในเว็บไซต์ของบริษัทเดินเรือและกระดานข่าวในอุตสาหกรรมเรือเดินสมุทรและการขนส่งสินค้าทั่วโลก หลายแห่งได้ออกแนะนำเรือของตนควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เขต “สะดือทะเล” ในยามนี้ และขณะเดียวกัน ก็ขอให้ช่วยสอดส่องหาร่องรอยของเรือเวียดนามเคราะห์ร้าย
       
       หนังสือพิมพ์พิมพ์ไซง่อนเตี๊ยบถิ (Sài Gòn Tiếp Thị) หรือ “ข่าวการตลาดไซ่ง่อน” ได้รายงานบนเว็บไซต์ในคืนวันอังคาร 27 ธ.ค.ว่า หน่วยค้นหาของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้หยุดค้นหาตั้งแต่เวลาเที่ยงวันเดียวกัน เพื่อร่วมกันวางแผนใหม่
     
ภาพอันหลากหลายของเรือ Vinalines Queen เรือสินค้าขนาด 56,000 ตัน ยาว 190 เมตรตลอดลำ ที่อุตสาหกรรมเรือเดินทะเลขนส่งสินค้ารู้จักดีที่สุดลำหนึ่ง ของบริษัทเดินเรือทางการเวียดนาม ต่อในญี่ปุ่น ติดอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน แล่นผ่านมาแล้วทุกน่านน้ำของโลกในช่วงหลายปีมานี้ แต่จมหายไปอย่างไร้ร่องรอยในเช้าตรู่วันคริสต์มาส 2554 ที่ผ่านมา การ่ร่วมค้นหาโดยหน่วยงานไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ฟิลิปปินส์ ตลอด 3 วันผ่านมายังไม่พบร่องรอยใดๆ
       
       ในขณะเดียวกัน หน่วยข้อมูลชายฝั่งเวียดนามรายงานข่าวชิ้นล่าสุด ว่า เครื่องบินค้นหาของญี่ปุ่นได้พบคราบน้ำมันลอยอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุปริมาณมาก แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ารั่วจากเรือวินาไลนส์ควีนหรือไม่
       
       สภาพอากาศโดยทั่วไปในบ่ายวันอังคาร 27 ธ.ค.และในตอนเช้าวันพุธนี้ดีขึ้นอย่างมาก แต่อาณาบริเวณที่เชื่อว่าเรือจมลงนั้นมีความลึกราว 5,000 เมตร ไม่เหมาะที่จะส่งประดาน้ำลงค้นหา ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ อ้างคำพูดของ นายเหวียนแองหวู (Nguyễn Anh Vũ) ผู้อำนวยการใหญ่ศูนย์ประสานงานค้นหาและกู้ภัยทางทะเลเวียดนาม (Center for ฉoordination of ?aritime Search and Rescue of Vietnam หรือ MRCC)
       
       เรือวินาไลนส์ควีนต่อในญี่ปุ่น บริษัทเดินเรือเวียดนามซื้อและนำเข้าประจำการในกองเรือสินค้าในปี 2548 เป็นเรือเดินทะเลยุคใหม่ติดอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน พร้อมอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ในทุกสภาพภูมิอากาศ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่สามารถทำให้ระบุตำแหน่งได้ แม้ว่าเรือจะจมหายไปมิดก็ตาม
       
       หลายปีมานี้วินาไลนส์ควีน เคยขนส่งสินค้าหลากหลาย โดยแล่นผ่านทุกย่านน้ำของโลก แล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากหลายต้นทางในทวีปยุโรปไปยังท่าเรือนิวยอร์กในสหรัฐฯ มาหลายครั้ง
       
       อย่างไรก็ตาม ไม่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ หรือ สัญญาณใดๆ ออกไปจากเครื่องมือทันสมัยบนเรือยักษ์ลำนี้ ทำให้การค้นหาเพื่อให้การช่วยเหลือยากลำบาก ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิกล่าว
       
       ตั้งแต่บ่ายวันอังคารเป็นต้นมา ผู้อ่านที่เป็นญาติมิตรหรือสมาชิกครอบครัวของลูกเรือวินาไลนส์ได้เริ่มพากันไว้อาลัยแก่คนที่ตนรัก หลายคนได้เขียนคำอ้อนวอนลงในเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ขอให้ผู้ประสบเคราะห์รอดและกลับบ้านอย่างปลอดภัย

ASTVผู้จัดการออนไลน์    28 ธันวาคม 2554