แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: 1 ... 586 587 [588] 589 590 ... 651
8806
 “วิทยา” เร่งพัฒนาระบบริการสาธารณสุขทั้งระบบ โครงการใกล้บ้าน-ใกล้ใจ รองรับหลักประกันถ้วนหน้า เห็นผลใน 6 เดือน ระบบส่งต่อสมบูรณ์แบบใน 2 ปี เตรียมตั้งศูนย์ฮอตไลน์ ให้บริการเรื่องลับๆ ของวัยรุ่น เยาวชน พร้อมเปิดรายการเพื่อสุขภาพช่วงเช้า โดยใช้ภาษาถิ่น ป้องกันไม่ให้คนป่วย ประสานเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
       
       ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) ว่า มีนโยบายเร่งรัดพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ ลดความแออัดผู้ป่วยโรงพยาบาลใหญ่ กระจายงานลงโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล โดยจะนำระบบไอที ระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงงานบริการรักษาถึงกัน ในโครงการสถานพยาบาลใกล้บ้านใกล้ใจ อาจจะมีการเพิ่มคลินิก หรือสถานบริการเพิ่มเติม โดยเฉพาะในชุมชนที่มีประชากรแฝง เข้าไปใช้แรงงานจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้ย้ายทะเบียนตามไปด้วย เพิ่มความสะดวกให้ผู้เจ็บป่วย ไม่ต้องเดินทางไกล และได้รับบริการดูแลรักษามาตรฐานเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาระบบส่วนนี้มีอยู่แล้ว แต่ขาดการเชื่อมโยง ก็จะบูรณาการเข้ากันให้เป็นระบบ รองรับโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงภายใน 6 เดือน และภายใน 2 ปี จะสมบูรณ์แบบทั้งหมด

   
       นายวิทยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีนโยบายให้กรมอนามัย เปิดบริการปรึกษาวัยรุ่น เยาวชน ทางสายด่วน ฮ็อตไลน์ และผ่านทางข้อความสั้น ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องลับที่วัยรุ่นไม่กล้าปรึกษาใคร รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วไปทุกเรื่อง เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย ควรทำอย่างไร เป็นการให้คำปรึกษาการดูแลตัวเองเบื้องต้น ช่วยให้ประชาชนดูแลตนเอง ตลอดจนแนะนำการดูแลก่อนไปพบแพทย์
       
       สำหรับการป้องกันควบคุมไม่ให้ป่วยเรื้อรังของประชาชนทั่วไป กระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มช่องทางสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม เป็นรายการเพื่อสุขภาพ โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆเช่น แพทย์แผนไทย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งประชาชนที่ดูแลสุขภาพดีไม่ป่วย ไปให้ความรู้ผ่านทางสื่อที่ใกล้สุด เช่น วิทยุชุมชน เคเบิลทีวี สถานีโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยจะเผยแพร่ในช่วงเช้า เน้นให้ความรู้การดูแลสุขภาพ ลดการป่วยจากโรคเรื้อรังต่างๆ เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกินอาหาร การออกกำลังกายเป็นหลัก โดยใช้ภาษาถิ่นเข้าใจง่าย เนื่องจากขณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งมีประเภทนี้ไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก
       
       นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในเรื่องนโยบาย 30 บาท และการดูแลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้ถูกใจประชาชนมากที่สุด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนเรื่องคุณภาพบริการ ทั้งเรื่องยา บุคลากร ผู้ที่เคยได้รับการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และอื่นๆ ก็จะคงสิทธิ์การยกเว้นเช่นเดิม ในส่วนของผู้ประกันตนหรือกลุ่มผู้ร่วมจ่าย กระทรวงสาธารณสุขจะปรับปรุงสิทธิประโยชน์ไม่ให้เหลื่อมล้ำกับผู้ป่วยบัตรทอง หากเปรียบเทียบกับบัตรเครดิต ผู้ป่วยในโครงการ 30 บาท เสมือนเป็นผู้ถือบัตรทอง ส่วนผู้ประกันตน ถือบัตรแพลตินัม โดยกระทรวงสาธารณสุข จะหารือร่วมกับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในเดือนนี้


ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 กันยายน 2554

8807
พบผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ เฉลี่ยวันละ 27ราย  เป็นผู้เสพยาจากเข็มฉีดสูงถึง 900 คน เร่งเดินหน้ามาตรการลดจำนวนผู้เสพยาและโอกาสเสี่ยงติดเชื้อใน 14 จังหวัด รวมแล้ว 4-5 พันคน
       
       วานนี้ (6 ก.ย.) พญ.เพชรศรี ศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ กรมควบคุมโรค (คร.). กล่าวในโครงการสัมมนาเรื่อง “การสื่อสารในการลดอันตรายเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ในกลุ่มผู้ติดสารเสพติด”  ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 5 แสนราย ในแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 10,097 คน หรือเฉลี่ยวันละ 27 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีดในประเทศจากการคาดประมาณไม่ต่ำกว่า 30,000 คน และด้วยอัตราการใช้เข็มและกระบอกฉีดร่วมกันที่สูงถึงร้อยละ 36 ในปี 2551 ทำให้คาดประมาณว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่เป็นผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีดยาเข้าเส้นเลือดในปี 2553 ประมาณ 900 คน
       
       “หากสามารถดำเนินการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อ โดยใช้วิธีอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ย่อมทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกลุ่มนี้ลดลงเหลือประมาณ 400 คน ซึ่งการติดเชื้อจากการเสพยานั้น ไม่ได้มีเพียงการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบ ซี ส่วนมาตรการในการป้องกันการติดเชื้อในผู้ติดยาเสพติดนั้น กรมดำเนินการภายใต้การสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ในการจัดทำ โครงการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดในประเทศไทย เพื่อหามาตรการลดปัญหาผู้ติดเชื้อจากการใช้ยาเสพติด ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 2 ปี”  พญ.เพชรศรี กล่าว
       
       พญ.เพชรศรี กล่าวต่อว่า  โครงการนี้เริ่มมา 2 ปีมีอาสาสมัครที่เคยติดยาเสพติด ร่วมกับเครือข่ายผู้ใช้ยาแห่งประเทศไทย คอยช่วยเหลือในการหาคนเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 14 จังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดยาฯ ที่เข้าร่วมโครงการราว 4-5 พันคน โดยแต่ละคนมีมาตรการในการลดอันตรายจากการใช้ยาแตกต่างกันไป อาทิ การบำบัดรักษาผู้เสพยาโดยใช้สารทดแทนระยะยาว เรียกว่า สารเมทาโดน (Methadone) ซึ่งนำมาทดแทนผู้ติดยาประเภทเฮโรอีน

ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 กันยายน 2554

8808
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยร้านขายยาแผนโบราณก็ยังคงยืนหยัดคงประสิทธิภาพยาไทยรักษาคนไทยให้หายป่วยได้ แม้จะมียาแผนปัจจุบันที่เข้ามาทำให้ยาแผนโบราณถูกลดความนิยมไปบ้าง แต่สำหรับร้านขายยาเก่าแก่กว่า 100 ปี “เจ้ากรมเป๋อ” ยังได้รับความนิยม ลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย มาวันนี้เข้าสู่ยุครุ่น “เหลน” เข้ามาบริหารงานก็ยังสามารถคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ยาไทยไว้ไม่เสื่อมคลาย

       ย่านประตูวัดจักรวรรดิเป็นที่ตั้งร้านขายยาแผนโบราณเจ้ากรมเป๋อ ตั้งตระหง่านมาเป็นเวลา 115 ปีแล้ว ปัจจุบันทายาทรุ่นเหลนเป็นผู้ดูแลกิจการ “ถวัลย์ สุวรรณเตมีย์” ย้อนอดีตให้ฟังว่า ร้านขายยาแผนปัจจุบันเจ้ากรมเป๋อก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2439 มาถึงวันนี้เป็นเวลา 115 ปี แล้ว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยนายเป๋อ สุวรรณเตมีย์ ที่ไม่ได้มียศศักดิ์เกี่ยวข้องกับทางราชการเลย แต่เหตุที่ถูกเรียกว่าเจ้ากรมนั้นมาจากยศของคนที่มีหน้าที่จัดการเรื่องทุกอย่างของวัด ไม่ต่างจากมัคนายก ในปัจจุบัน โดย นายเป๋อ ได้รับใช้ดูแลใกล้ชิดและดูแลกิจการของวัดจักรวรรดิราชาวาส กับสมเด็จหลวงปู่มา (ท่านเจ้ามา) เป็นเจ้าอาวาส ด้วยความขยันขันแข็ง และซื่อสัตย์สุจริตของท่านทำให้ได้รับแต่งตั้งยศเป็นเจ้ากรมของวัด

       ช่วงที่เจ้ากรมเป๋อรับใช้หลวงปู่มา ก็ได้ศึกษาวิชาด้านสมุนไพรมาโดยตลอด จนกระทั่งหลวงปู่ชราภาพมากก็เป็นห่วงอนาคตของเจ้ากรมเป๋อ จึงแนะให้เปิดร้านขายยาสมุนไพร อาศัยความรู้ที่สะสมมาตลอดเกือบทั้งชีวิตมาต่อยอดเป็นอาชีพ โดยให้เช่าพื้นที่วัดเป็นสถานที่จำหน่าย หลังจากหลวงปู่มรณภาพ เจ้ากรมเป๋อก็ถอนตัวจากการดูแลวัด หันมาประกอบธุรกิจร้านยาอย่างเต็มตัว จนกระทั่งปี พ.ศ.2487 ท่านก็เสียชีวิตลงในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวัย 84 ปี

       เมื่อเจ้ากรมเป๋อเสียชีวิตลง ธุรกิจนี้ก็ตกไปอยู่ที่ลูกชายและลูกสาวเพียง 2 คน โดยลูกสาวเข้ากรมเป๋อมีทายาท 7 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 6 คน ซึ่งคุณแม่ของนายถวัลย์เป็นลูกสาวคนโต แต่เป็นบุตรคนที่ 2 รองจากพี่ชาย ต่อมาเหลือเพียงทายาทรุ่นหลานของเจ้ากรมเป๋อเป็นผู้สืบทอดกิจการ คือ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสลาด ทัพวงศ์ ที่แม้จะเรียนจบมาทางด้านแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับยาแผนโบราณเพราะเป็นยาที่สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้เหมือนกัน

       “เมื่อคุณหญิงสลาด เข้ามาบริหารซึ่งผมก็คลุกคลีอยู่ในร้านยาตลอดก็เห็นความสำคัญไม่แพ้กัน แม้จะไปศึกษาต่อยังต่างประเทศช่วงหนึ่ง เมื่อกลับมาก็คิดจะสานต่อกิจการนี้ในฐานะทายาทรุ่นเหลน ที่ผมไม่อยากทิ้งสมบัติที่มีคุณค่าทางด้านยาแผนโบราณไป เพราะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ร้านเรามีสมุนไพรกว่า 500 ชนิด จนถึงขณะนี้มีกว่า 750 ชนิดแล้ว ทั้งสมุนไพรที่มาจากพืช สัตว์ และแร่ธาตุ รักษาโรคได้ประมาณ 50-60 โรค ยกเว้นโรคปอดและกระดูก โดยโรคที่ผู้คนเข้ามาหาซื้อยาแผนโบราณเพื่อทำการรักษาเป็นจำนวนมาก ได้แก่ โรคเบาหวาน สมุนไพรที่เสริมความงาม และยาเกี่ยวกับสุภาพสตรี”

       การเข้ามาซื้อยาแผนโบราณของร้านเจ้ากรมเป๋อ ลูกค้าจะมี 2 ประเภท คือ 1.เข้ามาเล่าอาการให้ฟัง และใก้ทางร้านจัดตัวยาให้ตามสัดส่วนสมุนไพรที่เป็นสูตรของทางร้าน และ 2.มีใบสั่งยามาพร้อมว่าต้องการสมุนไพรชนิดไหน จำนวนเท่าใด ซึ่งทางร้านก็มีการแนะนำไปบ้างหากสั่งตัวยาสมุนไพรบางตัวมีปริมาณมากไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ โดยลูกค้ามีทุกระดับชั้นตั้งแต่ผู้ใช้แรงงาน ไปจนถึงคนใหญ่คนโตเป็นที่รู้จักในสังคมไทย

       “ปัจจุบันความนิยมในเรื่องยาแผนโบราณเริ่มกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลังคนไทยมีอาการแพ้ยาแผนปัจจุบันมากขึ้น และเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง รวมถึงราคาแพงกว่ายาแผนโบราณมาก นอกจากนี้ยาแผนปัจจุบันยังรักษาโรคแบบชั่วคราว ในขณะที่ยาแผนโบราณบางคนใช้รักษาโรคเดียวกันแต่อาการหายไปเป็นปี อย่าง โรคไข้ทับระดู หรือ ยาแผนโบราณรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด มีตัวยากว่า 10 ชนิด ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ เพราะคนไข้รู้ว่าหากรับประทานยาที่ช่วยลดน้ำตาลเป็นเวลานานจะมีผลต่อไต เป็นต้น”

       ศักยภาพยาแผนโบราณเรียกได้ว่ายังสามารถครองใจคนไทยได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ร้านเจ้ากรมเป๋อมีลูกค้าแวะเวียนมาทั้งวันตั้งแต่ 8.00-16.30 น. (หยุดวันอาทิตย์) ในขณะที่ลูกจ้างต่างขมักเขม้นบรรจุยาตำรับต่างๆ ตามที่ลูกค้ามาสั่งไว้ไม่หยุดมือ ส่วนนายถวัลย์ และลูกพี่ลูกน้องอีก 2-3 คน ต้องยืนรับลูกค้าสั่งยาและจัดยา ประมาณ 7 ชั่วโมง/วัน สิ่งเหล่านี้คงเป็นเครื่องการันตีได้ว่ากระแสยาไทยๆ กับสมุนไพรที่มีมากในป่าเขตร้อนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง สำหรับร้านเจ้ากรมเป๋อ จะพยายามถ่ายทอดธุรกิจนี้ให้แก่ทายาทรุ่นต่อไปหวังให้เป็นแหล่งรวมสมุนไพรคุณภาพอยู่คู่คนไทยให้ยาวนานที่สุด

ASTVผู้จัดการออนไลน์    6 กันยายน 2554

8809
เอเยนซี - แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ผู้ป่วยเด็กในเซี่ยงไฮ้ประสบความสำเร็จ ผ่าตัดแยกแฝดเพศหญิงตัวติดกันบริเวณหน้าอกและส่วนท้อง หลังจากปฏิบัติการลงมีดนานถึง 6 ชั่วโมง วานนี้ (5ก.ย.) และขณะนี้หมวยน้อยทั้งสองปลอดภัยแล้ว
       
       นายแพทย์หลิว จินเฟิน ผู้อำนวยการศูนย์ผู้ป่วยเด็กเซี่ยงไฮ้ เผยว่า แฝดหมวยน้อยชื่อว่า อานอาน และ ซินซิน ถือกำเนิดเมื่อปลายเดือนเม.ย.ปีนี้ โดยทั้งสองมีตับและถุงหุ้มหัวใจเชื่อมติดกัน และเราได้ทำการผ่าตัดแยกแฝดออกจากกันได้สำเร็จ
       
       การผ่าตัดเริ่มต้นเมื่อเวลา 9.00น. ช่วงเช้า และมีทีมแพทย์อีก 4 กลุ่มร่วมผ่าตัดพร้อมกัน “พวกเราผ่าแยกหัวใจและตับ ปรับรูปร่างกระดูกทรวงอก พร้อมกับปรับบริเวณอกด้วยแผ่นไทเทเนียม” หลิว เผยหลังการผ่าตัด
       
       หลังถือกำเนิดได้ 2 ชั่วโมง แฝดหมวยก็ถูกส่งเข้าห้องไอซียู ณ ศูนย์ผู้ป่วยเด็กแห่งเซี่ยงไฮ้ทันที ขณะนั้นมีน้ำหนักรวม 4.89 กก. ด้วยการดูแลที่ถูกต้องจากโรงพยาบาล เมื่อครบ 4 เดือน เด็กทั้งสองก็มีน้ำหนัก 10 กก. และพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัด หลิวเผย
       
       “การผ่าตัดนี้เสี่ยงและอันตราย แต่เราก็ตัดสินใจผ่า” ผลิวกล่าว พร้อมเสริมด้วยว่า หลังจากผ่าตัดแล้วต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีและใกล้ชิดแพทย์
       
       “เด็กน้อยทั้งสองอาจจะต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจไปสักระยะหนึ่งก่อน” หลิวปิดท้าย

ASTVผู้จัดการออนไลน์    6 กันยายน 2554

8810
นา​โน​เทค​โน​โลยี คือ​เทค​โน​โลยีประยุกต์ที่​เกี่ยวข้องกับ​การสร้าง ​การสัง​เคราะห์ วัสดุ​หรือผลิตภัณฑ์ที่มีขนาด​เล็กมาก​ในระดับอนุภาคของอะตอม​หรือ​โม​เลกุล (0.1-100 นา​โน​เมตร ​เล็กกว่า​เส้นผมประมาณ 100,000 ​เท่า) ส่งผล​ให้​โครงสร้างของวัสดุ​หรือสสารมีคุณสมบัติพิ​เศษ ​ไม่ว่าจะทางฟิสิกส์ ​เคมี ​และชีวภาพ ​ซึ่งขนาดที่​เล็กมากของนา​โน​ทำ​ให้มีพื้นที่สัมผัสต่อปริมาตรมาก ​ใช้​ในปริมาณน้อย​แต่​ให้ประ​โยชน์มหาศาล ​และสามารถ​แทรกซึม​เข้าสู่พื้นที่ที่ต้อง​การ​ได้อย่างรวด​เร็ว

จากคุณสมบัติของนา​โนดังกล่าว ​ทำ​ให้มี​การนำนา​โน​เทค​โน​โลยีมา​ใช้​ใน​การผลิตผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่าง ​เช่น ผงซักฟอก ​เสื้อผ้า ครีมบำรุงผิว ยา สีทาบ้าน ​เครื่องกรองน้ำ จักรยาน ฯลฯ

ล่าสุด นา​โน​ได้สร้างคุณูป​การ​ให้​เกิดกับวง​การ​แพทย์ จากงานวิจัยของ รศ.ดร.สนอง ​เอกสิทธิ์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติ​การวิจัยอุปกรณ์รับรู้ ภาควิชา​เคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่​ได้วิจัย​และคิดค้น “ผ้าปิด​แผลนา​โน” ​ซึ่ง​เป็นนวัตกรรมนา​โน​เทค​โน​โลยี​เครื่องมือ​และอุปกรณ์ทาง​การ​แพทย์​แบบปลอด​เชื้อ ​เพื่อช่วย​เยียวยารักษา​แผลกดทับ​เป็น​โพรง​หรือ​แผลที่มีร่องลึกของ​ผู้ป่วยอัมพาต ​แผล​เบาหวาน ​แผล​ไฟ​ไหม้ น้ำร้อนลวก ​หรือ​แผลติด​เชื้อหายช้า

ผ้าปิด​แผลนา​โน​เป็น​การผสมอนุภาค​เงินนา​โน (Blue Silver Nanoparticles) ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้ง​การ​เจริญ​เติบ​โต​และกำจัด​แบคที​เรีย ​เข้ากับ​เส้น​ใย​เซลลู​โลสชีวภาพระดับนา​โน ​ซึ่ง​เป็น​เส้น​ใยที่มี​เนื้อ​เนียน ​เหนียว มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ​ได้มากกว่าน้ำหนัก​เดิม 200 ​เท่า มีรูพรุนจำนวนมากที่สามารถยึด​เกาะกับผิวสัมผัส​ได้ดี​ในสภาพ​แห้ง ​และหลุดออกง่าย​เมื่อน้ำซึมผ่าน ​จึงช่วย​ให้​แผลหายง่ายขึ้น ​โดย​ใช้​เวลา​ใน​การพัฒนา​เกือบ 2 ปี ​ซึ่งที่ผ่านมา ​ได้มี​การนำ​ไป​ใช้ทดสอบ​เพื่อรักษา​แผลกดทับกับ​ผู้ป่วย​ใน​โรงพยาบาลศิริราช ​ซึ่งพบว่าหลัง​ใช้ผ้าปิด​แผลนา​โน ​แผล​เริ่มมีอา​การดีขึ้นภาย​ใน 2 สัปดาห์ ช่วยลด​การติด​เชื้อ​และอัก​เสบ ​ผู้ป่วย​จึง​เจ็บปวดจาก​แผลอัก​เสบลดลง

ผ้าปิด​แผลนา​โน หนึ่ง​ในงานวิจัย​เพื่อวง​การ​แพทย์ ​ได้นำ​ไปจัด​แสดง​ให้​ผู้สน​ใจ​เข้าชม​ในงาน Thailand Research Expo 2011 ​ซึ่งจัด​โดยสำนักงานคณะกรรม​การวิจัย​แห่งชาติ ​เมื่อวันที่ 26-30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ประชุมบางกอกคอน​เวนชัน​เซ็น​เตอร์ ศูนย์​การค้า​เซ็นทรัล​เวิลด์

ryt9.com 6 กันยายน 2554

8811
การขี่ม้าเป็นศาสตร์และศิลป์ที่นำบำบัด ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าศูนย์แห่งการขี่ม้าบำบัดเกิดขึ้นอย่างมากมาย จากผลการวิจัยพบว่าหลังจากให้เด็กสมองพิการ 25 คน ขี่ม้าวันละ 20 นาที 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน ปรากฏว่าเด็กกลุ่มนี้มีการทรงท่าที่ดีขึ้น บางการศึกษาพบว่า หลังจากการขี่ม้า 8 นาทีทำให้อาการเกร็งของเด็กสมองพิการ 15 คนดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในกลุ่มผู้ใหญ่ที่เป็นอัมพาตครึ่งท่อนและอัมพาตทั้งตัว ซึ่งพบว่าหลังจากขี่ม้า 18 เดือน ทำให้ผู้ป่วยลดเกร็งทำให้อาการเจ็บปวดและปัญหาความผิดปกติของข้อต่อ นอกจากนี้ยังช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึ้นอีกด้วย แม้ว่าเมืองไทยจะไม่มีการศึกษาอย่างจริงจังนักแต่เสียงตอบรับจากผู้ปกครองที่มีโอกาสพาเด็กมาลองขี่ม้าดูก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันผลลัพธ์ที่น่าพอใจเพราะม้าช่วยเยียวยาปัญหาเด็กออทิสติก นอกจากจะเป็นส่วนช่วยบำบัดรักษาทางร่างกายโดยตรงแล้วยังมีส่วนบำบัดผู้ที่มีปัญหาทางด้านระบบประสาท สติปัญญาและอารมณ์ได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มออทิสติกและสมาธิสั้น เนื่องจากเด็กออทิสติกจะไม่ควบคุมการเคลื่อนไหว การทรงตัวและประสาทสัมผัสของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆเด็กยังมีการสูญเสียทางด้านสังคมไม่สามารถตอบปฏิกิริยาระหว่างบุคคลได้ จึงทำให้เด็กออทิสติกอยู่ในโลกของตนเองไม่มีการติดต่อสื่อสารกับใคร

นายสุนทร ยนต์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า โรงพยาบาลมหาสารคามได้มองเห็นความสำคัญจึงได้จัดโครงการนี้เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือเด็กออทิสติกได้ครอบคลุม ตลอดถึงการให้ช่วยเหลือที่บ้าน ชุมชนและเพื่อให้เกิดชมรมออทิสติกในจังหวัดมหาสารคามขึ้น โดยให้ผู้ปกครอง ผู้ดูแลได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทักษะการดูแลเด็กกลุ่มนี้ ให้มีการพัฒนาการเพิ่มตามศักยภาพและปรับตัวอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งโรงพยาบาลมหาสารคาม เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยมารับบริการในคลินิกจำนวน 878 ราย และช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2554 ได้มีกุมารแพทย์เพิ่มอีก 1 คน จึงได้ขยายเวลาให้บริการในคลินิกพัฒนาการเด็กเพิ่มจากเดิมเปิดบริการสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือวันพฤหัสบดีเปลี่ยนเป็นวันอังคารเช้าให้บริการกลุ่มเด็กที่คลอดก่อนกำหนด วันพุธและวันศุกร์เช้าให้บริการเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการช้าทุกประเภทก่อน ซึ่งในแต่ละปีพบว่ากลุ่มเด็กออทิสติกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการด้านสังคม ภาษา พฤติกรรมอารมณ์ และจินตนาการ ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถสื่อสารไม่ว่าจะเป็นความต้องการ และความรู้สึกของตนได้ ทำให้มีความบกพร่องในการดูแลตนเอง การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างและสิ่งแวดล้อม (สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล, 2554) การที่เด็กออทิสติก จะได้มาซึ่งพัฒนาการที่ดีขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับการส่งเสริมพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากทีมสหสาขาวิชาชีพผู้รับผิดชอบดูแลรักษาทางคลินิกและผู้ดูแลที่บ้านในเรื่องการจัดหากิจกรรมส่งเสริม กระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสมรวมทั้งการติดตามพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจนสามารถส่งต่อเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ มีการส่งเสริมเครือข่ายผู้ปกครองให้ดูแลบุตรได้ถูกต้องและขยายผลในชุมชนให้เป็นต้นแบบได้

นายแพทย์ไพโรจน์  ศิตศิรัตน์  ประธานชมรมออทิสติก จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองได้ใช้สถานที่บ้านถนนเทศบาลอาชา อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นสถานที่รับฝึกการพัฒนาออทิสติก โดยให้ผู้ปกครองรับฟังเข้าอบรมขั้นตอนที่จะให้เด็กเข้ามาฝึกบำบัดอาชา ตามขั้นตอนต่าง ๆ ชมการแสดงของเด็กออทิสติกจากศูนย์การศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม โดย อ.ชูศักดิ์ จันทภานนท์ นายกสมาคมผู้ปกครองออทิซึมไทย โดยมีการแบ่งฐานต่าง ๆ เช่น ฐานที่ 1 อาชาบำบัดโดยวิทยากรพันตรีสงกรานต์ จันทะปัสสา แผนกสัตวบาลกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 2 กรมการสัตว์ทหารบก ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ฐานที่ 2 กิจกรรมบำบัด มีกิจกรรมการทรงตัวบนลูกบอล นั่งรถ โยนลูกบอลลงตะกร้า ร้องเพลงโดยนักกิจกรรมบำบัดจากโรงพยาบาลมหาสารคาม ฐานที่ 3 ศิลปะบำบัดจากครูการศึกษาพิเศษสถาบันมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโดยการระบายสีเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง และฐานที่ 4 จากโรงพยาบาลพ่อแม่สู่ชุมชนโดยพยาบาลวิชาชีพจากโรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธ์ุ ขั้นตอนสุดท้าย ฝึกให้เด็กได้สัมผัสกับม้าไม้ไปก่อนที่จะนั่งม้าจริง และสุดท้ายลงสนามขี่ม้า โดยครูฝึก จะมีท่าต่าง ๆตามขั้นตอน  ซึ่งปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่มีอาการผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ ความจำสั้นหรือสมาธิสั้น ซึ่งในการบำบัดเด็กเหล่านี้ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจึงเป็นเรื่องไม่ง่าย มีหลากหลายวิธีที่จะช่วยพัฒนาการของเด็กกลุ่มนี้ให้เป็นปกติเช่นเด็กทั่วไป โครงการอาชาบำบัดเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ กรมการสัตว์ทหารบกใช้ม้าเป็นตัวสำคัญในการบำบัดเด็กกลุ่มดังกล่าวดีขึ้นมาแล้ว จึงมีแนวคิดที่เปิดให้บริการที่จังหวัดมหาสารคามแต่โรงพยาบาลมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ จึงใช้บริเวณบ้านของตน ซึ่งครอบครัวเองก็มีนิสัยชอบม้าอยู่แล้วบุคลิกและลักษณะนิสัยของม้าจึงได้จัดหาม้าพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่มีลักษณะเด่นมาเลี้ยงเอาไว้หลายตัว

นายเจือ จิตชนะ ชาว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เล่าว่า ตอนนี้ลูกอายุได้ 5 ขวบ เกิดมาเป็นเด็กออทิสติกในช่วงแรกเป็นการทรมานมากเพราะลูกไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย จนไม่อยากจะเลี้ยงเค้าไว้ พอมาเข้าเป็นค่ายอาชาบำบัดกับชมรมออทิสติกรู้สึกว่าลูกชายตนเองมีการพัฒนาการได้ดีขึ้นตามลำดับ ในช่วงที่เข้ามารักษาม้าบำบัดซึ่งได้อะไรที่มากมาย เช่น ได้เพื่อนได้สังคมและลูกตนเองมีการพัฒนาที่ดีขึ้นเพราะที่ชมรมมีครูฝึกหรือครูพี่เลี้ยงจากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามและครูฝึกขี่ม้ากองการสัตวแพทย์และเกษตรกรรมที่ 2 กรมทหารบก ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และเมื่อตนเองกลับไปบ้านก็ไปฝึกให้กับลูกเพื่อที่ลูกจะได้รับรู้หรือรับทราบจนถึงปัจจุบันทำให้ลูกตนเองใกล้จะปกติซึ่งตนเองผู้เป็นบิดาดีใจมากอยากจะฝากให้ผู้ปกครองที่มีลูกเป็นออทิสติกไม่ต้องท้อและไม่ต้องเสียใจแต่ต้องอดทนสักนิดเพราะครูฝึกที่สอนให้ก็ดีเพื่อการพัฒนาของลูกกลับมาถึงบ้านต้องย้ำฝึกให้อีกสักนิดก็เกิดผลสำเร็จ.

กิริยา กากแก้ว

เดลินิวส์ 6 กันยายน 2554

8812
 เมโทร/บีบีซี - หนุ่มใหญ่สหรัฐฯ ถูกตำรวจรวบตัว ฐานทำร้ายงูเหลือมตัวหนึ่ง โดยใช้ปากกัดจนมันได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากเมาจนเสียสติ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
   
       ตามรายงานระบุว่า เดวิด เซนก์ ชาวเมืองซาคราเมนโต วัย 54 ปี ใช้ปากกัดงูเหลือมตัวหนึ่ง 2 ครั้งอย่างรุนแรง ขณะเขากำลังมึนเมาจนสติวิปลาส ส่งผลให้งูเหลือมตัวนี้บาดเจ็บสาหัส และต้องได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์เป็นการด่วน
       
       ช่วงดึกคืนวันพฤหัสบดี (1) ที่ผ่านมา ตำรวจซาคราเมนโต ได้รับแจ้งจากเจ้าของงูเหลือมให้รีบไปยังที่เกิดเหตุในเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนพบเซนก์เมาสลบอยู่บนพื้นบ้านคนอื่น โดยมีเลือดของงูเหลือมเปรอะเปื้อนเต็มหน้า
       
       งูเหลือมความยาวกว่า 1 เมตรครึ่งตัวนี้ เกือบเอาชีวิตไม่รอด โดยบาดเจ็บสาหัสซึ่งต้องอยู่ในการดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด โดย จีนา คเนปป์ ผู้จัดการศูนย์ดูแลสัตว์ซาคราเมนโต เปิดเผยว่า บาดแผลของงูตัวนี้มีขนาดใหญ่มากพอจนสามารถมองเห็นตับและอวัยวะภายในของมัน อีกทั้งกระดูกซี่โครงก็หักไปหลายท่อน
       
       ทั้งนี้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น เคโอวีอาร์-ทีวี จากในเรือนจำ ดูเหมือน เดวิด เซนก์ จะสารภาพว่า ได้กัดงูเหลือมตัวดังกล่าวจริงตามข้อกล่าวหา แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้
       
       “ผมทำอะไร? ... ถ้าคุณพบเจ้าของงูนั่น ฝากบอกเขาด้วยว่าผมเสียใจจริงๆ ผมยินดีช่วยออกค่ารักษา” เดวิด เซนก์ ให้สัมภาษณ์ในชุดนักโทษอย่างสำนึกผิด “ผมเมา เมาแล้วบ้า … ผมติดเหล้ามานานแล้ว”
       
       เซนก์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าความจริง “ในทางกลับกัน มันน่าจะเป็นฝ่ายกัดผมเสียมากกว่า”

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กันยายน 2554

8813
“วิทยา”  แบ่งงานบริหารลงตัว  ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขดูแลกรมอนามัย กรมสุขภาพจิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
               
       
       นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ได้แบ่งงานในกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว ตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1045/2554  เรื่อง มอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ลงวันที่ 1 กันยายน 2554  โดยมอบอำนาจให้      นายต่อพงษ์  ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ดูแล กรมอนามัย  กรมสุขภาพจิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  สถาบันวิจัยระบบสุขภาพ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน)
       
       ส่วนที่เหลืออยู่ในความดูแลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  กรมการแพทย์  กรมควบคุมโรค  กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ  สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล                                   


ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กันยายน 2554

8814
 สวรส.ร่วมมือนักวิจัย แฉชาวต่างชาติ จ่อคิวขอสิทธิบัตรยาเพียบ เผย ร้อยละ  96 เป็นการจดแบบไม่มีที่สิ้นสุด   จวกแค่จดให้คุ้มครองนานขึ้น แต่มีการพัฒนานวัตกรรม
       
       วันนี้ (5 ก.ย.) ภญ.ดร.อุษาวดี มาลีวงศ์  นักวิจัยอิสระ กล่าวในงานแถลงข่าว “ผลวิจัยคำขอสิทธิบัตรยา 1 ทศวรรษ” ที่สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข  (สวรส.)   ว่า   ขณะนี้พบปัญหาเรื่องบริษัทยาที่มีการจดสิทธิบัตรยาแบบ Ever greening Patent หรือเรียกว่า การขอสิทธิบัตรในลักษณะที่ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทเจ้าของสิทธิบัตรได้รับการคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ไม่มีขั้นตอนการประดิษฐ์อะไรที่สูงขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค  ทั้งนี้สำหรับการแบ่งลักษณะของ Evergreening ที่พบ นั้นมีหลายลักษณะ ได้แก่  การทำคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการระบุถึงการใช้และข้อบ่งใช้ที่สองของยาที่เปิดเผยแล้ว มากที่สุดถึงร้อยละ 73.6 ซึ่งถือว่าขาดความใหม่ และไม่มีความสามารถในการประยุกต์ใช้ทางอุตสาหกรรม และไม่มีกรรมวิธีการเตรียมสูตรตำรับใดๆที่ใหม่หรือเป็นนวัตกรรมที่แสดงถึงการพัฒนาระบบยาเลย ราวร้อยละ 36.4 และ คำขอรับสิทธิบัตรที่เป็น Markush Claim คือ มีเนื้อหาคลอบคลุมวงศ์ (family) ของสารประกอบที่สามารถเป็นไปได้ทั้งหมดโดยไม่มีการจำเพาะเจาะจงซึ่งบางครั้งคลอบคลุมถึงจำนวนพันหรือล้านสารประกอบร้อยละ 34.7
       
       ภญ.ดร.อุษาวดี กล่าวด้วยว่า จากการศึกษาโดยรวมในการตรวจสอบคำขอจดสิทธิบัตรในปีที่ผ่านมาจำนวน 2,034 ฉบับ พบว่า บริษัทที่ยื่นขอสิทธิบัตรส่วนมากเป็นของต่างชาติ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 673 ฉบับ เยอรมนี 285 ฉบับ สวิสเซอร์แลนด์ 255 ฉบับ สวีเดน 122 ฝรั่งเศส 116 คน  อังกฤษ 64 ขณะที่ประเทศในเอเชียพบเป็นชาวญี่ปุ่น 189 ฉบับ อินเดีย 23 ฉบับ จีน 18 ฉบับ ส่วนสัญชาติไทยมีเพียง 10 ฉบับเท่านั้น ที่เหลือเป็นเกาหลี  8 ฉบับ สิงคโปร์ 8 ฉบับ
       
       “ทั้งนี้ ในจำนวนสิทธิบัตรกว่า 2,000 ฉบับนั้น มีสถานะคำขอต่างกัน คือ รับจดคำขอแล้ว 22 ฉบับ อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,419 ฉบับ และละทิ้งคำขอ 556 ฉบับ โดยในส่วนที่ละทิ้งเป็นเพราะรายละเอียดคำขอนั้นไม่ชัดเจน หรือไม่มีข้อมูลแสดงถึงกรรมวิธีที่ยืนยันว่าเป็นยาตัวใหม่ ซึ่งจากการพิจารณาเบื้องต้นพบว่า ร้อยละ 96.4  หรือ1,960 ฉบับ แต่ยังไม่ยืนยันชัดเจนเป็นเพียงการสังเกตลักษณะของคำขอในเอกสารบางส่วนเท่านั้น  ซึ่งในการวิจัยขั้นต่อไปน่าจะสามารถชี้ชัดได้  โดยในส่วนที่พบ คือ พบในลักษณะของการผสมยาตัวเดิม เช่น จดยาลดน้ำมูกและยาลดไข้ไปแล้ว แต่กลับมาผสมยาสองตัวให้อยู่ในเม็ดเดียวกันแล้วจดสิทธิบัตรใหม่ เพื่อขยายเวลาในการคุ้มครอง  ” ภญ.ดร.อุษาวดี กล่าว
       
       
       ภญ.ผศ.ดร.นุศราพร  เกษสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เครือข่ายวิจัยระบบยา สวรส.  กล่าวว่า  หลังจากนี้ ทีมวิจัยจะทำการศึกษาในระยะที่ 2 ต่อไป โดยศึกษาว่า  หากคำขอที่เป็นปัญหาเหล่านี้ได้รับสิทธิบัตรไปจะทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยอย่างไรบ้าง  โดยจะวิเคราะห์ยอดขายหรือค่าใช้จ่ายด้านยาที่เกิดจากการขอสิทธิบัตร evergreening patent  ในยาจำนวน 100 รายการ เนื่องจากระบบดังกล่าวทำให้บริษัทยาได้เปรียบอย่างมากในการคุ้มครองสิทธิยาวนานถึง 20 ปีต่อการจดสิทธิบัตรหนึ่งครั้ง หากกรมทรัพย์สินทางปัญหาให้ความสำคัญในการเข้มงวดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ มากขึ้นก็จะเป็นการดี

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กันยายน 2554

8815
 กรมควบคุมโรค เปิดตัว “มูลนิธิวัคซีน”  ลุยงานรณรงค์ให้ความรู้ด้านวัคซีนแก่คนไทย เผย 10 วัคซีนไม่อยู่ในระบบ จำเป็นต้องผลักดันต่อเนื่อง
       
       วันนี้ (5 ก.ย.) นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะประธานมูลนิธิวัคซีน กล่าวว่า    เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ ดังนั้นมูลนิธิฯจะเข้ามาเป็นส่วนกลาง ระหว่างภาครัฐ เอกชน ภาควิชาชีพ และนักวิชาการ เพื่อนำไปสู่การสร้างพลังขับเคลื่อนภาคประชาคม และรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปในเรื่องวัคซีน ทั้งคุณค่าและความสำคัญด้านต่างๆ เพราะปัจจุบันวัคซีนบางตัว โดยเฉพาะวัคซีนใหม่ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่ประชาชนไม่กล้ารับการฉีดวัคซีน เว้นแต่เป็นวัคซีนพื้นฐานที่ประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคย และมีประสบการณ์การฉีดอยู่แล้ว ดังนั้น ในอนาคตจำเป็นต้องให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนตัวนั้นๆ แก่ประชาชนก่อนให้บริการจริงด้วย
       
       นพ.มานิต กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานของมูลนิธิ ไม่ได้มุ่งเน้นวัคซีนชนิดใดเป็นพิเศษ แต่สนับสนุนข้อมูลทุกประเภท  โดยกิจกรรมแรกที่จะรณรงค์ คือ กิจกรรม “คุณค่าของวัคซีนเพื่อประชาชน..วัคซีนเสริมรัก สร้างรอยยิ้ม” ขึ้นในวันที่ 19 กันยายน ที่ลานกิจกรรม ชั้น 2 Life Style Hall ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งจะเปิดบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวัคซีน พร้อมบริการตรวจสุขภาพมากมาย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
       
       ศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ยังไม่เข้าสู่ในรายการบัญชีวัคซีนพื้นฐาน เบื้องต้นมีจำนวน 10 รายการ ประกอบด้วย
1.ไอกรนชนิดใหม่ (Acellura pertussis)
2.ตับอักเสบชินด เอ (Hepatitis A)
3.โรคฮิบ (Hib) เกิดการติดเชื้อในสมอง
4.มะเร็งปากมดลูก(Human Papillomavirus)
5.โปลิโอชนิดใหม่ (Infectivated Polioyelitis)
6.โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
7.ไข้สมองอักเสบเจอี (Live Attenuted Japanese Encephalitis )
8.เชื้อนิวโมค็อกคัส โรคปอดบวม (Pneumococcal Conjugate)
9.อุจจาระร่วงในเด็ก (Rotavirus)
10.อีสุกอีใส (Varicella )

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กันยายน 2554

8816
อึ้ง!! คนไทยฆ่าตัวตายเฉลี่ยวันละ 10 ราย ภาคเหนือยอดฆ่าตัวตายพุ่งเหตุเพราะหวงวัฒนธรรม “รักษาหน้า กลัวเสียชื่อเสียง” ชี้ สัญญาณอันตรายเพราะเก็บงำปัญหาไม่กล้าพูด  พ่วงปัญหาคนสูงวัย 80-84 ปี อัตราฆ่าตัวตายสูงสุด แนะลูกหลานเอาใจใส่
       
        วันนี้ (5 ก.ย.) นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต  เป็นประธานในการแถลงข่าวการสัมมนาทางวิชาการการป้องกันการฆ่าตัวตายในหลากสังคมหลายวัฒนธรรม หรือเรียกง่ายๆ ว่า รักตัวเองบ้าง...นะ
       
       โดย นพ.อภิชัย กล่าวว่า จากข้อมูลที่ที่กรมได้เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลฆ่าตัวตายของคนไทยตั้งแต่ปี2540 -2553  พบว่า หลังจากที่กรมจัดทำโครงการป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายตั้งแต่ปี 2542อัตราการฆ่าตัวตายลดลงจากปีละ 5,700 ราย หรือคิดเป็น 8 ต่อแสนประชากร  ขณะที่ในปี 2553 เหลือเพียง 5.9 ต่อแสนประชากร หรือ 3,761 รายต่อปี เฉลี่ยวันละ 10 ราย โดยเพศชายมีอัตรา 9.29 ต่อแสนประชากรสูงกว่าเพศหญิงที่มีอัตราอยู่ที่ 2.62 ต่อแสนประชากร   หากจำแนกตามอายุพบว่าวัย 80-84 ปี มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุด อยู่ที่ 10.73 ต่อแสนประชากร รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 75-79 ปี อยู่ที่ 10.19 ต่อแสนประชากร
       
       นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า พื้นที่ซึ่งมีการฆ่าตัวตายมากที่สุด คือ ภาคเหนือมี 5 จังหวัดแรกที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุด คือ จ.ลำพูน จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่ อยู่ที่ 20.02, 15.63, 14.45, 13.03 และ 12.47 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ  ขณะที่ 5 จังหวัดที่มีอัตราต่ำสุด ได้แก่ จ.ปัตตานี จ.หนองคาย จ.นราธิวาส จ.ยะลา และ จ.พิจิตร อยู่ที่ 0.77, 1.76, 1.77, 1.86 และ 2.17 ต่อแสนประชากร สำหรับวิธีการฆ่าตัวตายสำเร็จมากที่สุด ได้แก่ การแขวนคอ/รัดคอ ร้อยละ 66.42 รองลงมา คือ พิษจากยาฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ ร้อยละ 19.81 พิษจากยา ตัวยา และสารชีวภาพอื่น ร้อยละ 4.28 สารเคมีและสารพิษ ร้อยละ 3.67 กระสุนปืนร้อยละ 3.11 ส่วนสา เหตุนั้นน่าจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งประชากรในพื้นที่นับถือศาสนาอิสลาม ฆ่าตัวตายแล้วผิดกฎหมาย
       
       “เหตุผลที่ผู้สูงวัยฆ่าตัวตายกันมาก เพราะไม่มีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่มีญาติมาเยี่ยมเยือน หรือไม่มีลูกหลานมาเอาใจใส่ดูแล จึงจำเป็นที่ลูกหลานหรือคนใกล้ชิดจะต้องทำให้ผู้สูงอายุรู้ว่าจะต้องอยู่ทำไม ให้รู้สึกมีความหวังและรอบางสิ่งเช่น พยายามหาเวลาไปพบปะแล้วพูดคุยเรื่องดีๆ เพื่อให้รู้สึกว่า ไม่ใช้ชีวิตลำพังเป็นต้น  ส่วนสาเหตุที่ภาคเหนือมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดนั้น เป็นผลจากวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่มีการรักษาหน้าที่รุนแรง การเสียหน้าถือเป็นเรื่องที่แรงมาก เมื่อผู้ชายเหนือมีเรื่องกลุ่มใจก็ไม่กล้าปรึกษาใคร ขณะที่ภาคอื่นมีพื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็น เช่น ร้านน้ำชา   ร้านขายซาลาเปา  ในตอนเช้าเป็นที่พบปะพูดคุย ทั้งที่ ในทางสุขภาพจิต ถือว่าการปรึกษากับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญมาก”
       
       อนึ่ง 10 ก.ย.ปีนี้ องค์การอนามัยโลก หรือ ฮู (WHO) กำหนดให้รณรงค์ภายใต้แนวคิด “การป้องกันการฆ่าตัวตายในหลากสังคมหลายวัฒนธรรม” โดยปีนี้กรมจะจัดงานในวันที่ 8 กันยายน 2554 ภายใต้แนวคิด “รักตัวเองบ้าง...นะ” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา ในงานจะมีการเปิดตัวแบบคัดกรองผู้ที่เสี่ยงต่อปัญหาการฆ่าตัวตาย ฉบับประชาชน (SU 9) เพื่อให้ประชาชนด้วย


ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กันยายน 2554

8817
มร.​เกอร์นอท ริงลิ่ง กรรม​การ​ผู้จัด​การ บริษัท ​เมส​เซ่ ดู​เซดอร์ฟ ​เอ​เชีย จำกัด ​ผู้จัดงาน ​แสดงสินค้านานาชาติระดับ​โลก ร่วมกับ นพ. ​ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระ ทรวงสาธารณสุข ​แถลงข่าวจัดงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2011 ครั้งที่ 5 ​หรืองาน​แสดงสินค้า​และ​เทค​โน​โลยีทาง​การ​แพทย์ ​และนวัตกรรม​การดู​แลสุขภาพนานาชาติ ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ย.ศกนี้ ณ ศูนย์​การประชุม​แห่งชาติสิริกิติ์

ไทย​โพสต์  5 กันยายน 2554

8818
ศูนย์วิจัย​โรค​เอดส์ สภากาชาด​ไทย จัดงาน​แถลงข่าว​เปิดตัว “Adam’s Love” ​แคม​เปญ​เพื่อสุขภาพชายรักชาย ครั้ง​แรก​ในอา​เซียน

กรุง​เทพฯ--5 ก.ย.--อาซิ​แอม ​เบอร์สัน-มาร์ส​เตล​เลอร์
รู้​หรือ​ไม่? 3 ​ใน 10 ของชายรักชาย​ไทยมี​เชื้อ​เอช​ไอวี!!!

ศูนย์วิจัย​โรค​เอดส์ สภากาชาด​ไทยขอ​เชิญสื่อมวลชนร่วมงาน​แถลงข่าว​เปิดตัว“Adam’s Love” ​แคม​เปญ​เพื่อสุขภาพชายรักชาย ครั้ง​แรก​ในอา​เซียนพบกับต๊อบ — ชัยวัฒน์ ทอง​แสง​แอมบาส​เดอร์​โครง​การอย่าง​เป็นทาง​การคน​แรกของประ​เทศ
พร้อมด้วย

ศาสตราจารย์กิตติคุณ น.พ. ประพันธ์ ภานุภาค ​ผู้อำนวย​การศูนย์วิจัย​โรค​เอดส์ สภากาชาด​ไทย
ป้าต้อ-มารุต สา​โรวาท ​ผู้กำกับละครคนดัง
มาร่วมพูดคุย​เกี่ยวกับวิถี​การ​ใช้ชีวิตชายรักชายอย่างปลอดภัย
วันอังคารที่ 6 กันยายน 2554 ​เวลา 13.30 — 15.00 น.
ณ ห้องประชุม​ใหญ่ ชั้น 7 อาคาร​เฉลิมพระ​เกียรติ 48 พรรษา
สม​เด็จพระ​เทพฯ ศูนย์วิจัย​โรค​เอดส์สภากาชาด​ไทย (ประตู ถ.ราชดำริ)

ryt9.com 5 กันยายน 2554

8819
นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ แอบคิดแผน 'ซื้อกิจการ' เสริมเขี้ยวเล็บ โตแบบ Inorganic Growth รับศึก 'สามก๊ก' ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีธุรกิจอะไรจะร้อนแรงเท่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน มีความเคลื่อนไหวจับมือเป็นพันธมิตรและซื้อกิจการกันอย่างคึกคักเตรียมรับมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ในอนาคตโรงพยาบาลเดี่ยว จะอยู่ยาก ด้วยต้นทุนการแข่งขันที่สูง ต้นทุนบริหารและค่าเสี่ยงที่สูง ทำให้มีโอกาสจะถูกไล่ซื้อกิจการจากต่างชาติ แม้แต่ บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ ผู้บริหารเครือ "รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล" ของ รศ.ดร.นพ.วิชัย วนดุรงค์วรรณ ยังต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนหนีการเป็น "ผู้ถูกล่า" จากรายใหญ่

เมื่อโจโฉแห่งธุรกิจโรงพยาบาล นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผนึกกำลังเข้ากับ ทนายวิชัย ทองแตง แห่ง รพ.พญาไท-เปาโล ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งวงการ รพ.วิภาวดีของ "เสี่ยอ้วน" ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล ก็ไปตีอาณาจักรทางภาคเหนือผนึกกำลังกับ บมจ.เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ (CMR) และจับมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ รพ.รามคำแหง, รพ.วิภาราม, รพ.สินแพทย์ และ รพ.แพทย์ปัญญา 

รพ.บำรุงราษฎร์ ของ ชัย โสภณพนิช ที่ถูก รพ.กรุงเทพ ของนพ.ปราเสริฐ แอบตีท้ายครัวเข้าถือหุ้น 11.14% แบบไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ จึงแก้เกมโดยสายตรง "เสี่ยตึ๋ง" อนันต์ อัศวโภคิน ขอซื้อหุ้น รพ.เกษมราษฎร์ ของ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ สัดส่วน 24.99% กลายเป็น "ศึกสามก๊ก" (ใหญ่) ที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด

การผนึกพลังของ รพ.บำรุงราษฎร์ และ รพ.เกษมราษฎร์ ได้นำไปสู่การวาง Positioning ทางการตลาดใหม่ ขณะที่ นพ.เฉลิม เตรียมเสริมเขี้ยวเล็บซ่อนแผนเติบโตแบบ Inorganic Growth (ซื้อกิจการ) รองรับขาขึ้นของธุรกิจโรงพยาบาล "ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก"

นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า แผนความร่วมมือกับ รพ.บำรุงราษฎร์ ที่ซื้อหุ้นต่อจาก บมจ.แลนด์ แอนด์  เฮ้าส์ ในระยะสั้นถึงระยะกลางคงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ต่างคนต่างดำเนินตามแผนธุรกิจของตัวเอง ส่วนความร่วมมือขอให้มองระยะยาวมากกว่า

หมอใหญ่ฉายภาพอุตสาหกรรมโรงพยาบาลในอนาคตให้ฟังว่า ตลาดกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดเซ็กเมนท์ใหม่คือ “ตลาดบนแมส” หรือ A- กลุ่มคนไข้ระดับกลางจะหาทางเลื่อนตัวเองขึ้นไปใช้บริการที่ระดับดังกล่าวโดยยอมจ่ายค่ารักษาแพงขึ้น 5-10% แลกกับบริการที่ดีขึ้น เพราะชนชั้นกลางเริ่มมีรายได้มากขึ้น และตลาดยังไม่มีใครให้บริการรองรับคนกลุ่มนี้

“ผมมั่นใจว่าตลาด "บนสุด" จะเริ่มแคบลงเพราะแข่งขันกันหนัก คนไข้จะหันมาใช้บริการตลาด "บนแมส" มากขึ้นและจะอยู่บนราคาค่าบริการที่สมเหตุผล ศูนย์การแพทย์ World Medical Center ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของเราจะตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มนี้”

นพ.เฉลิม คาดว่าศูนย์ World Medical Center แห่งแรกที่ถนนแจ้งวัฒนะจะสร้างเสร็จในสิ้นปีนี้ และเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 2 ปี 2555 เมื่อดำเนินการจนถึงจุดคุ้มทุนก็จะลงทุนที่พัทยาต่อตอนนี้ซื้อที่ดินเอาไว้แล้วทำให้ รพ.เกษมราษฎร์ มีฐานลูกค้าที่ชัดเจนสองกลุ่มคือ "ตลาดกลาง" และ "บนล่าง" (A-)

เมื่อสิ้นปีก่อน รพ.เกษมราษฎร์ ได้ยกเลิกลูกค้าระบบหลักประกันสุขภาพหรือบัตรทอง เนื่องจากสร้างภาระมาโดยตลอดเพราะรัฐบาลอุดหนุนโดยไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้สัดส่วนลูกค้าเงินสดเพิ่มเป็น 67% จากเมื่อก่อน 60% และเมื่อเปิด World Medical Center ก็จะเพิ่มเป็น 70% ที่เหลือเป็นลูกค้าประกันสังคม ผลที่ออกมาก็เป็นไปตามที่คาดคือไตรมาส 2 กำไรสุทธิโตขึ้น 27% EBITDA Margin เพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 38% อัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 14% เป็น 17% ขณะที่รายได้ต่อไตรมาสก็อยู่ในระดับเดียวกับสมัยมีลูกค้าบัตรทองแล้ว

“มีคนถามผมว่าไม่เสียดายเหรอกับรายได้ที่จะหายไปเป็นพันล้านบาท ผมบอกว่าไม่เสียดายเพราะเราเป็นบริษัทมหาชนต้องคิดถึงผู้ถือหุ้นด้วย แม้ทุนเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท แต่เราก็ยังจ่ายปันผลในอัตราเท่าเดิม แสดงว่าเราตัดสินใจถูกแล้ว”

สำหรับแผนการลงทุนในอนาคต หมอใหญ่ ยืนยันว่า จะขยายงานต่อเนื่องแน่นอน ที่ผ่านมาก็ได้ซื้อหุ้นเพิ่มในโรงพยาบาลศรีบุรินทร์ จังหวัดเชียงราย จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 93.67% นอกจากนี้ ก็ได้ซื้อหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลรัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่ง เพิ่มขึ้นเป็น 72.73% แล้ว โรงพยาบาลศรีบุรินทร์ ได้ลงทุนซื้อที่ดินไป 100 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์แพทย์เฉพาะทาง นอกจากนี้ ยังเล็งเปิดคลินิกที่อำเภอแม่สาย และวางแผนจะเปิดคลินิกเพิ่มที่อำเภอเชียงแสนต่อไป ซึ่งคาดว่าพื้นที่ตรงนั้นจะมีการเติบโตสูงในอนาคตเพราะนักลงทุนจีนมาก่อสร้างกาสิโนขนาดใหญ่

“ลูกค้าที่จังหวัดเชียงรายมีกำลังจับจ่ายสูงมากใช้เงินสดทั้งนั้น เราคาดว่ารายได้จากโรงพยาบาลศรีบุรินทร์จะเพิ่มขึ้นจากปกติ 500-600 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาทได้ในอนาคต อนาคตเรายังมองถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งบริเวณนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด”

นอกจากนี้ ยังดำเนินการตามแผนเดิมที่จะสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่บริเวณรามคำแหง พื้นที่กว่า 300 ไร่ทดแทน รพ.เกษมราษฎร์ สุขาภิบาล 3 อนาคตจะเน้นขยายการลงทุน "สองแบรนด์" คือ รพ.เกษมราษฎร์ และ World Medical Center โดยยึดหลักแบบไม่เสี่ยง อย่างไรก็ตาม คุณหมอเปรยว่ามองถึงการเติบโตแบบ Inorganic Growth (ซื้อกิจการ) ด้วยเช่นเดียวกัน

“ตอนนี้ก็คุยๆ กันอยู่หลายเจ้าทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาด ทั้งที่เป็นเครือข่ายและสแตนอะโลน คาดว่าน่าจะจบทีละดีล เรื่องเงินไม่มีปัญหาแน่เพราะเรามีหนี้สินต่อทุนเพียง 0.38 เท่า และมี Free Cash Flow 900-1,000 ล้านบาท และได้ขอผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาทไว้แล้ว ถ้ามีความต้องการก็พร้อมออกได้ทันที”

สำหรับการซื้อกิจการจะมี 2 รูปแบบคือซื้อสินทรัพย์มาจากโรงพยาบาลที่ไม่ทำกำไรมาบริหารต่อหรือซื้อโรงพยาบาลที่กำลังดำเนินกิจการอยู่ นโยบายจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 25% ขึ้นไป ส่วนตัวให้ความเห็นว่ากระแสการซื้อกิจการโรงพยาบาลน่าจะยังมีอยู่และเป็นสิ่งที่ดีเพราะโรงพยาบาลที่มีผลการดำเนินงานไม่ดีจะสามารถอยู่รอดได้และการมีขนาดที่ใหญ่พอจะได้เปรียบในเรื่องของ Economy of Scale ทั้งเรื่องอุปกรณ์ และคน

สำหรับเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาทที่เคยตั้งไว้ นพ.เฉลิม บอกว่า "ยังไม่ทิ้ง" แต่ต้องเก็บเอาไว้ก่อนเพราะอย่างไรขนาดก็มีความสำคัญ จริงแล้วถ้ายังรักษาลูกค้าบัตรทองไว้ป่านนี้รายได้เราคงใกล้แตะ 7,000 ล้านบาทแล้ว แต่เรามองผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลักจึงต้องให้ความสำคัญกับ “บรรทัดสุดท้าย” (กำไร) เพราะไม่มีประโยชน์ที่รายได้โตแต่ไม่มีกำไร

"รายได้ทั้งปี 2554 อาจจะโตได้เล็กน้อยแต่กำไรสุทธิน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน"

ก่อนจากกันคุณหมอทิ้งท้ายว่าอนาคตไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและชนชั้นกลางมีกำลังซื้อมากขึ้น ธุรกิจโรงพยาบาลระยะยาวยังโตได้อีกเรื่อยๆ แน่นอน นักลงทุนควรซื้อหุ้นโรงพยาบาลเข้าพอร์ตไว้บ้าง...นพ.เฉลิม กล่าวสรุป

5 กันยายน 2554

8820
เผยผลสอบว่องไว เหตุ “หมอเผ่นไฟไหม้ ทิ้งคนไข้ตายคาห้องผ่าตัด” ในเซี่ยงไฮ้ ปลดรองผอ.รพ.

เอเจนซี-รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนที่สาม นครเซี่ยงไฮ้ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากกรณีแพทย์พยาบาลทิ้งคนไข้ในห้องผ่าตัด ขณะเกิดเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาลประชาชนที่สาม ในนครเซี่ยงไฮ้ ระบุคนไข้เสียชีวิตจากการได้รับควันพิษ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นที่สนใจและจับตาของสาธารณชนมาก
       
       กลุ่มสื่อจีนอ้างแหล่งข่าวสำนักงานสาธารสุขประจำนครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันศุกร์(2 ก.ย.) เผยผลการตรวจสอบเครื่องบันทึกภาพในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมหลายฝ่ายต่อกรณีคนไข้ในห้องผ่าตัดเสียชีวิตขณะเกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา
       
       รายงานการตรวจสอบระบุคนไข้ผู้เสียชีวิตประสบอุบัติเหตุรถยนต์ และถูกนำตัวมายังโรงพยาบาลประชาชนที่สาม สังกัดมหาวิทยาลัยเจียวถงแห่งเซี่ยงไฮ้ คนไข้ได้ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดหมายเลขหนึ่ง ชั้นสามของอาคาร แพทย์ได้ให้ยาสลบคนไข้ก่อนดำเนินการผ่าตัด โดยคณะแพทย์พยาบาล 6 คน ได้แก่ ศัลยแพทย์ 2 คน วิสัญญีแพทย์ 2 คน และ พยาบาล 2 คน ขณะดำเนินการผ่าตัดใกล้เสร็จสิ้น วิสัญญีแพทย์คนหนึ่ง และพยาบาลคนหนึ่งได้ออกจากห้องผ่าตัดไปก่อน
       
       เมื่อเวลา 21.45 น. พยาบาลผู้หนึ่งรู้ว่าเกิดเหตุไฟไหม้ที่ห้องผ่าตัดชั้นสอง ก็รีบฉวยอุปกรณ์ดับเพลิง แต่ไม่เป็นผล จึงรีบวิ่งไปแจ้งห้องควบคุมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆที่ชั้นสอง ขณะนั้นไฟได้ลามมาที่ห้องผ่าตัดหมายเลขหนึ่ง แพทย์วางยาสงบอีกคนได้ออกจากห้องไปบอกให้คนอื่นๆช่วยแจ้งไปที่หน่วยฉุกเฉิก ด้วยควันที่หนามากจึงไม่สามารถกลับมายังห้องผ่าตัด ส่วนแพทย์ผ่าตัดอีกสองคนก็ช่วยกันเย็บแผลให้คนไข้ต่อ แต่ไฟก็เกิดดับลง ควันยิ่งหนามากขึ้น จากการตรวจสอบเครื่องช่วยหายใจยังเป็นปกติดี (โดยทั่วไปเมื่อไฟดับ เครื่องช่วยหายใจยังทำงานโดยอัตโนมัติต่อไปได้อีกครึ่งชั่วโมง) และเนื่องจากไฟดับไม่สามารถเคลื่อนย้ายเตียงคนไข้ แพทย์พยาบาลจึงพากันวิ่งหนีออกไปเรียกคนอื่นๆมาช่วย
       
       เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินมาถึงโรงพยาบาลเวลา 21.56 น. พร้อมด้วยรถดับเพลิง 13 คัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงห้องผ่าตัดหมายเลขหนึ่งที่ชั้นสาม ก็พบคนไข้นอนอยู่แต่สายเครื่องช่วยหายใจหลุดออก แพทย์พยาบาลก็ไม่สามารถช่วยชีวิตคนไข้ได้ทันแล้ว และจากการพิสูจน์ศพคนไข้เสียชีวิตจากควันพิษ
       
       หลังเหตุไฟไหม้ฯนี้ หน่วยสาธารณสุข หน่วยพิทักษ์สันติราษฎร์ และหน่วยดับเพลิงได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบฯ และได้เผยต้นตอไฟไหม้ครั้งนี้ว่า เกิดจากระบบป้องกันอัคคีภัยย่ำแย่ ขาดแคลนระบบเตือนภัยและแจ้งเหตุตามห้องผ่าตัดและเขตพิเศษต่างๆในโรงพยาบาล ทำให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ไม่อาจรับมือสถานการณ์ร้ายได้ทันท่วงที ดังนั้น จึงได้พิจารณาปลด เฉิน ไอ้ตง รองผู้อำนวยการฝ่ายระบบป้องกันอัคคีภัยของโรงพยาบาล ส่วนผู้อำนวยโรงพยาบาล ฟัง หย่ง ก็ได้ถูกตักเตือนคาดโทษทางวินัย.

ASTVผู้จัดการออนไลน์    4 กันยายน 2554

หน้า: 1 ... 586 587 [588] 589 590 ... 651