ผู้เขียน หัวข้อ: รัฐหนุน “ฟ้าทะลายโจร-รักษาโควิด” ช้าไป!! กูรูชี้ถ้าไม่ถูกกีดกัน ไทยรับทรัพย์  (อ่าน 431 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9772
    • ดูรายละเอียด
“บิ๊กตู่” เล็งหนุน “ฟ้าทะลายโจร” คู่ “ฟาวิพิราเวียร์” รักษาผู้ป่วยโควิด นายกสภาการแพทย์แผนไทย เผย รัฐมาถูกทาง วิจัยแล้วพบสมุนไพรไทยยับยั้งเชื้อโควิดได้ อีกทั้งยังราคาถูกกว่ายานอกหลายเท่า “ถ้ารัฐบาลส่งเสริมและส่งออกแรก เผลอๆ เศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะฟ้าทะลายโจรนี่แหละ”

“ฟ้าทะลายโจร” ยับยั้งโควิดได้แต่ไม่ป้องกัน!

“การที่นายกฯประกาศใช้ฟ้าทะลายโจร ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเป็นการนำสมุนไพรไทยที่ได้มีการวิจัยสรรพคุณมาโดยชัดเจนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วว่า สามารถยับยั้งเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่จะลงไปที่ปอดได้อย่างดี ในทางการแพทย์แผนไทย เขาใช้รักษาอาการที่มันเกิดขึ้น ไม่ได้ใช้ป้องกัน ไม่ใช่คนทั่วไปอยู่ดีๆ ไปกิน”

พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย กล่าวกับทีมข่าว MGR Live หลังจากที่เกิดกระแสข่าวอย่างกว้างขวางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หนุนการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ควบคู่กับ “ยาฟาวิพิราเวียร์” เพื่อใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะอักเสบ

เขาได้อธิบายเพิ่มเติมถึงสรรพคุณของสมุนไพรไทยชนิดนี้ว่า จากการวิจัยเพิ่มเติมในปัจจุบันพบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วยอาการเริ่มต้นได้ แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งยังมีข้อควรระวังในการใช้ ที่หากไม่ศึกษาให้ดี จะกลายเป็นการให้โทษมากกว่าให้คุณ

“สรรพคุณเดิมของฟ้าทะลายโจรในทางแพทย์แผนไทย มันแก้อาการเจ็บคอและท้องเสีย แต่ปัจจุบัน หลังจากเกิดโควิดและมีการนำไปวิจัย พบว่า รักษาอาการไข้ด้วย สิ่งที่ดีมากคือ มันมี แอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ตัวนี้ที่ยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ให้ระบาดไปจากคอได้ มันก็สามารถที่จะรักษาอาการของคนป่วยโควิดเริ่มต้น

ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ขึ้นง่ายมาก สามารถที่จะปลูกในกระถาง เวลามีอาการก็เด็ดใบมาเคี้ยวกินได้ แต่มีข้อที่ต้องระวัง เพราะว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ขมเย็น มันจะทำให้โลหิตเกิดภาวะหนืด และทำให้การเต้นของหัวใจมันไม่ดี มีผลกับคนที่มีความเสี่ยง เช่น คนที่เป็นโรคอ้วน ความดัน หัวใจ สตรีมีครรภ์ ก็เสี่ยงที่จะมีอาการหนักมากขึ้น

สิ่งที่รัฐบาลทำตอนนี้ถือว่ามาถูกทาง แต่จริงๆ ผมว่ามันไม่ควรจะแค่ฟ้าทะลายโจร กระชายก็ดี ขิงก็ดี มีงานวิจัย รวมทั้งตำรับยาแผนไทยอยู่ในยาสามัญประจำบ้านด้วย ถ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด มันต้องใช้ทุกตัวไปพร้อมกันในโอกาสแบบนี้ ที่คนป่วยมีจำนวนมาก มันก็จะได้แง่ของการวิเคราะห์ตำรับยาไปในตัวด้วย เพราะถ้าไม่เกิดเหตุนี้ แพทย์แผนไทยจะไม่มีโอกาสหรอกครับ”

พล.ร.อ.ชาญชัย ยังให้ความเห็นถึงการนำยาฟาวิพิราเวียร์มาใช้ในการรักษา ว่า ไม่มีงานวิจัยใดที่กล่าวว่ายาตัวนี้สามารถยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการใช้ยาฟ้าทะลายโจรว่าแบบบดเป็นผง ให้ผลดีกว่าแบบสารสกัดถึง 15 เท่า!

“เขามีงานวิจัยในญี่ปุ่นและตีพิมพ์ในเอกสาร แม้กระทั่งอเมริกาเอง ยาฟาวิพาราเวียร์ มันยับยั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อโควิด-19 มันได้นำมาใช้ทั้งๆ ที่ไม่มีงานวิจัยด้วยซ้ำไป แต่ฟ้าทะลายโจรของเรามีงานวิจัยชัดเจนว่ายับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ ในเมื่อมันเป็นนโยบายก็ใช้คู่กันไป ซึ่งมันไม่มีผลเสียหรอก

มีงานวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า ฟ้าทะลายโจรที่บดเป็นผงด้วยวิธีธรรมชาติ มีผลในการรักษาหรือยับยั้งเชื้อได้ดีกว่าสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว ประมาณ 15 เท่า คำว่าสารสกัด เขาก็สกัด แอนโดรกราโฟไลด์ตัวเดียว แต่จริงๆ แล้วสมุนไพรมันเป็นองค์รวม ในมุมมองที่ผมเป็นแผนไทย องค์รวมมันดีกว่าอะไรที่สกัดอย่างเดียว และการสกัดมันคือวิธีเคมี เพราะฉะนั้นใช้มากอันตรายกว่าสมุนไพรธรรมชาติแน่นอน ประเด็นนี้ไม่มีการพูดถึงกัน”

ในฐานะนายกสภาการแพทย์แผนไทย เขากล่าวว่า ได้มีการแนะนำให้นำฟ้าทะลายโจรมาใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาตั้งแต่การระบาดระลอกแรกแล้ว โดยราคายาฟ้าทะลายโจรนั้น เฉลี่ยอยู่ที่เม็ดละ 2 บาท ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ตกเม็ดละ 150 บาท ซึ่งผู้ป่วย 1 คน ต้องใช้อย่างน้อย 50 เม็ด

สำหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อวงการแพทย์แผนไทย เขาหวังว่า จะมีการเปิดกว้างให้นำยาฟ้าทะลายโจรมาใช้ทั้งแบบบดธรรมชาติ และแบบสารสกัด และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการนำสมุนไพรตัวอื่นๆ มาใช้ในอนาคตอีกด้วย

แพทย์แผนทางเลือกที่ประชาชนไม่ได้เลือก

ในเมื่อ “ฟ้าทะลายโจร” ดูจะได้ผลดีในการช่วยรักษาโควิด-19 ขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ได้ถูกหยิบไปใช้อย่างแพร่หลาย? เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกสภาการแพทย์แผนไทยรายเดิมฝากระบายความอัดอั้นตันใจไว้ว่า เหตุผลเบื้องหลังคือเรื่องการ “ถูกกีดกัน”ที่เป็นปัญหาใหญ่มาโดยตลอด

“ไม่กีดกันแล้วจะเรียกว่าอะไร ขนาดมีงานวิจัยและมีตำรับยาที่อยู่ในยาสามัญประจำบ้าน ว่า ฟ้าทะลายโจรรักษาอาการไข้หวัดและบำรุงธาตุ และแก้อาการโควิดเบื้องต้น แต่ไม่เอามาใช้จนบัดนี้

แม้กระทั่งโรงพยาบาลสนามเอง กรมการแพทย์แผนไทย ขอเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ไม่ใช่สีแดง เอาสมุนไพรไปดูแล ยังไม่มีโอกาสเลยครับ ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของชีวิต เขาก็เป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน เหมือนกับบังคับให้ฉีดวัคซีน บังคับให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ให้เขาเลือกหรือเปล่า ชีวิตคนที่เสียหายล้มตายไป โดยเขาไม่มีทางเลือก เพราะไม่เคยเปิดโอกาสให้

ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ เรามีสมุนไพรและเราใช้ได้จริง ทำไมเราให้ประเทศชาติเสียโอกาส ถ้าเราได้คิดเรื่องนี้จริงจังและเปิดใจกว้าง คุณใช้ฟาวิพิราเวียร์ ทดลองเหมือนกัน ตัวเดียวด้วยซ้ำ แล้วทำไมคุณไม่ทดลองตำรับยาแผนไทย

ผู้ที่มีอำนาจ หรือ ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) ชี้แจงมาสิครับ ว่า ไม่ใช้ยาแผนไทยด้วยเหตุผลอะไร ถ้าสามารถชี้แจงได้ว่าใช้แล้วมันอย่างนู้นอย่างนี้ มันเกิดผลเสียหาย มีตัวอย่างเคส ถ้ามันเป็นเหตุผลที่ดีพอ ผมจะขอโทษเลย”

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวเพิ่มเติมว่า “บิ๊กตู่” เล็งผลักดันส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรไทย เนื่องจากปัจจุบันความต้องการสมุนไพรในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเด็นนี้ นายกสภาการแพทย์แผนไทย ให้ความเห็นว่า หากภาครัฐให้การสนับสนุนในเรื่องนี้แต่เนิ่นๆ ก็อาจเป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศได้

“เอาแค่สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ถ้ารัฐบาลส่งเสริมและทำแบบนี้ตั้งแต่รอบแรก ผมว่าเผลอๆ เราส่งออกฟ้าทะลายโจรให้ต่างประเทศแล้ว เศรษฐกิจจะดีขึ้นเพราะฟ้าทะลายโจรนี่แหละ”

สุดท้าย ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทย ได้ย้ำอีกครั้งถึงข้อควรระวังในการใช้ฟ้าทะลายโจร ว่า เป็นยาที่ใช้ในการรักษา แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ อีกทั้งยังฝากย้ำเตือนคนในสังคม ให้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของสมุนไพรไทย เพื่อภูมิปัญญาชาติชิ้นนี้ได้สืบต่อไปในอนาคต

“ตำรับยาแผนไทย ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ใช้ในการป้องกัน เขาบอกเลยว่าใช้เมื่อมีอาการเจ็บคอหรือท้องเสีย แต่ที่มันไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะว่ามันมีวิจัยในปัจจุบัน มารักษาอาการไข้ ข้อสำคัญคือมันยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้คนที่ไม่เป็นอะไรใช้ เพราะมันไม่ได้ป้องกัน มันเป็นการรักษา ควรจะใช้กับคนที่ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง เช่น ครอบครัวเดียวกัน คนนึงเป็น คนอื่นใช้ได้ หรือคนที่ลงพื้นที่เสี่ยงก็ใช้ได้

ผมพูดแบบชาตินิยมเลยว่า ประเทศเรามีภูมิปัญญาของชาติที่มาใช้ประโยชน์ได้จริง ถ้ามันโดนกีดกันอย่างนี้ ต่อไปภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยหมดไปจากแผ่นดิน เพราะมันไม่มีโอกาสใช้ มันก็จะถูกแทนที่ด้วยสารสกัด ยาปัจจุบัน หรือยาที่นำเข้าทั้งหมด เราต้องช่วยกันรักษา พัฒนา ลูกหลานเราจะได้รู้และใช้ประโยชน์จากมันได้ ช่วยกันรักษาไว้ครับ ไม่ อย่างนั้นจะสูญพันธุ์”

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
27 พ.ค. 2564  ผู้จัดการออนไลน์