ผู้เขียน หัวข้อ: WHOเตือนมือถืออาจก่อมะเร็ง--ไทยพบเด็กป่วยเนื้องอก/มะเร็งสมองมากขึ้น  (อ่าน 1426 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
 หน่วยงานวิจัยมะเร็งขององค์การอนามัยโลกระบุการใช้โทรศัพท์มือถือ "อาจจะก่อให้เกิดมะเร็ง" เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเนื้องอกในสมองได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนผู้ใช้ลดโอกาสเสี่ยงด้วยการใช้อุปกรณ์เสริม  อุตสาหกรรมมือถือยันแค่ "อาจจะ" แต่ไม่ได้หมายความว่ามือถือจะเป็นสาเหตุของมะเร็ง
 คณะนักวิทยาศาสตร์ 31 คนจาก 14 ประเทศ เข้าร่วมการประชุมของสำนักงานเพื่อการค้นคว้าวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (ไอเออาร์ซี) หน่วยงานในสังกัดองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ที่เมืองลียงของฝรั่งเศส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และมีแถลงการณ์ว่า การพิจารณาทบทวนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้บ่งชี้ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือสมควรถูกจำแนกระดับความเสี่ยงว่า "อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้"
 "หลังจากได้ทบทวนหลักฐานสำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง คณะทำงานจัดจำแนกให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นความถี่วิทยุอยู่ในประเภทที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์" โจนาธาน ซาเมต ประธานไอเออาร์ซี กล่าวพร้อมกับขยายความว่า หลักฐานบางอย่างแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือ กับการเพิ่มความเสี่ยงของเนื้องอกเกลีย หรือมะเร็งสมองชนิดหนึ่ง
 นักวิทยาศาสตร์กล่าวกันว่า การจำแนกประเภทดังกล่าว ซึ่งทำให้โทรศัพท์มือถือมีความเสี่ยงต่อการก่อมะเร็งในระดับเดียวกับตะกั่ว, ยาสลบ และกาแฟ อาจทำให้องค์กรดูแลด้านสุขภาพของสหประชาชาติแห่งนี้ต้องทบทวนคำแนะนำต่อการใช้โทรศัพท์มือถือเสียใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาดับเบิลยูเอชโอเคยกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานแน่นหนาที่เชื่อมโยงว่าการใช้โทรศัพท์มือถือก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ได้
 ไอเออาร์ซีจัดจำแนกความเสี่ยงของมะเร็งในเชิงวิทยาศาสตร์ไว้ 5 ระดับ ได้แก่ ก่อให้เกิดมะเร็งได้, น่าจะก่อให้เกิดมะเร็งได้, อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้, ไม่อาจจัดจำแนกได้ หรือไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง
 นับแต่โทรศัพท์มือถือปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อต้นทศวรรษ 1980 จำนวนผู้ใช้ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีผู้ใช้ถึง 5,000 ล้านคน อุปกรณ์ชนิดนี้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันและสำหรับคนจำนวนมาก นอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารพูดคุย โทรศัพท์มือถือยังใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมต่อออนไลน์ และทำให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือมั่นใจว่า ภัยคุกคามต่อสุขภาพจะไม่ทำให้ผู้คนเลิกใช้โทรศัพท์มือถือ
 ตรงกันข้าม แมทธิว ธอร์นตัน นักวิเคราะห์จากเอเซียนซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า ผู้บริโภคที่เป็นกังวลจะหันไปซื้ออุปกรณ์เสริม เช่น หูฟัง มาใช้กันมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็ง
 ด้านกลุ่มองค์กรในอุตสาหกรรมนี้ซึ่งรอคอยผลสรุปของไอเออาร์ซีอย่างใจจดใจจ่อ ก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับผลดังกล่าว ซึ่งพวกเขาย้ำว่า เป็นระดับความเสี่ยงในประเภทเดียวกับอาหารจำพวกผักดองและกาแฟ
 "การจัดจำแนกของไอเออาร์ซีหาได้หมายความว่าโทรศัพท์มือถือทำให้เป็นมะเร็ง" จอห์น วอลส์ จากสมาคมการสื่อสารไร้สาย ซีทีไอเอ ในสหรัฐ กล่าว และว่า คณะทำงานชุดนี้ไม่ได้ทำการค้นคว้าวิจัยใหม่ แต่เป็นทบทวนผลการศึกษาที่แล้วๆ มา นอกจากนี้หน่วยงานอื่นๆ เช่น คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐก็เคยระบุว่า "น้ำหนักของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้เชื่อมโยงโทรศัพท์มือถือว่าก่อปัญหาสุขภาพ"
 คริสโตเฟอร์ ไวลด์ ผู้อำนวยการไอเออาร์ซี ยอมรับว่า ยังต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติม โดยเฉพาะผลในระยะยาวและการใช้งานอย่างหนัก แต่ระหว่างนี้ ผู้ใช้ก็ควรลดความเสี่ยงเช่นใช้แฮนด์ฟรีหรือส่งข้อความแทน.

ไทยโพสต์ 4 มิถุนายน 2554
.......................................................................................
ไทยพบเด็กป่วยเนื้องอก/มะเร็งสมองมากขึ้น แนะลดใช้มือถือ

  นายแพทย์ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่หน่วยงานวิจัยมะเร็งขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มความเสี่ยงการเกิดเนื้องอกในสมอง และอาจก่อให้เกิดมะเร็งในสมองได้ ว่า ในประเทศไทยจากการเก็บสถิติผู้ป่วยเกี่ยวกับภาวะความผิดปกติของเยื่อหุ้มสมอง เนื้อร้ายในระบบประสาท และสมองส่วนกลาง รวมทั้งเนื้องอกในสมอง อายุระหว่าง 15- 59 ปี พบในปี 2552 มีผู้เสียชีวิต 1,857 คน และปี 2553 พบป่วยเพิ่มเป็น 2,000 คน สำหรับสถานการณ์ของโรคมะเร็งและเนื้องอกในสมอง พบเด็กป่วยมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ยังไม่มีการหาสาเหตุการป่วยที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตามได้มีการเฝ้าระวังเรื่องการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และให้ลดเวลาในการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไว้ก่อน เนื่องจากพบว่ามีส่วนในการก่อให้เกิดเนื้องอกในสมองได้ ยิ่งโทรศัพท์เทคโนโลยีสูงก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น
        แพทย์หญิงสายพิน ตั้งครัชต์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรังสีรักษา สถาบันมะเร็ง กล่าวว่า ปกติมะเร็งและเนื้องอกในสมองพบสาเหตุหลัก 2 สาเหตุ คือ พันธุกรรม โดยร้อยละ 50 ของผู้ป่วยมีความผิดปกติทางยีนถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ พบความผิดปกติได้ตั้งแต่วัย 3 เดือน ถึง 1 ขวบ และอีกสาเหตุคือปัจจัยอื่นๆ อาทิ รังสีต่างๆ และอาหาร ซึ่งที่หลายคนกังวลมากคือ ปัจจัยที่มาในรูปแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากสัญญาณโทรศัพท์ ไวร์เลส ไมโครเวฟ รังสีเอกซ์ หรือแม้แต่สารกัมมันตภาพรังสีจากการระเบิดของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีส่วนสนับสนุนให้เกิดความผิดปกติของเซลล์สมองเช่นกัน หากสะสมในปริมาณมาก

ASTVผู้จัดการออนไลน์    3 มิถุนายน 2554