ผู้เขียน หัวข้อ: หมอวิชัยชี้แจง-ยอมรับมีจม.ถึงมาร์คแค่แนะนำ’หมอชูชัย’รีบไปให้การกกต.จริง  (อ่าน 1234 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
‘หมอ วิชัย โชควิวัฒน’ ปธ.อนุกรรมการสอบอีเมล์สินบน ยอมรับเคยส่งจดหมายพท.งัดข้อหาป้ายสี’ปู’ส่วนตัวถึง ‘มาร์ค’ สมัยเป็นนายกฯ เพื่อหนุน ‘หมอชูชัย’ เป็นปลัดสธ.จริง แต่อ้างว่าเป็นเพราะรู้จักกัน โดยมาร์คเคยบอกว่าถ้ามีอะไรแนะนำก็บอกได้ จึงส่งจดหมายดังกล่าวไปให้ข้อเสนอแนะ ส่วนกรณีสอบเพิ่มนอกประเด็นลับหลังโดยไม่เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปชี้แจง ก็อ้างว่า เพราะเชื่อว่าบุคคลที่จะไปให้การย่อมต้องปกป้องตัวเอง นอกจากนั้น ยังรับด้วยว่า หลังแถลงผลสอบเสร็จช่วงเช้า พอตกบ่ายวันเดียวกันก็รีบไปให้การกกต. เกี่ยวกับคดีอีเมล์ยุบพรรคเพื่อไทยทันที ด้านอดีตบิ๊ก ‘ไทยรักไทย’ ชี้ พออ่านจดหมายที่หมอวิชัยเคยส่งถึงนายอภิสิทธิ์จบก็เข้าใจเรื่องต่างๆ ทันที ฉะนั้นทุกวันนี้ควรทำตัวให้ชัดเจนไม่ต้องปิดบังอำพรางใส่หน้ากากเข้าหากัน อีกต่อไป
 
จากกรณีผู้บริหารหนังสือพิมพ์เครือมติชน-ข่าวสด ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณี”คณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการ  ส่งอีเมล์ของนักการเมืองระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพ สื่อมวลชน” แต่งตั้งโดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ มีน.พ.วิชัยโชควิวัฒน เป็นประธานอนุกรรมการ สรุปผลสอบสวนเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2554 ว่า ไม่พบหลักฐานถึงบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงในอีเมล์ดังกล่าวรับสินบน แต่คณะอนุกรรมการกลับแถลงกล่าวหาน.ส.พ.ข่าวสดและมติชนในทางเสียหายในประเด็น  ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯ มีคำสั่งให้สอบ อ้างว่าเอนเอียงไปทางพรรคเพื่อไทยนอกจากนี้ ยังเปิดเผยนามปากกาของผู้เกี่ยวข้อง ถือเป็นการละเมิดจรรยาบรรณสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ดังนั้นผลการสอบที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ดังนั้นผลการสอบที่เกิดขึ้นจึงผิดหลักทั้งด้านกฎหมาย ความมีเหตุผล และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
 
ขณะเดียวกัน ทันทีที่แถลงเสร็จสิ้น ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ก็รับลูกดำเนินการยื่นร้องกกต. ให้ยุบพรรคเพื่อไทย ขณะที่น.พ.วิชัยเดินทางเข้าให้ข้อมูลกกต. แบบเงียบๆทันทีคล้อยหลังการแถลงข่าว ทั้งที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ยังไม่รับรองผลสอบและพบจดหมายส่วนตัวที่น.พ.วิชัยเคยเขียนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำประชาธิปัตย์สมัยเป็นนายกฯ ฝากฝังให้แต่งตั้งน.พ.ชูชัยศุภวงศ์ ขึ้นนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพราะทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มา  ยาวนาน ล่าสุด พบว่าน.พ.ชูชัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเพิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีสรุปผลสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ ปราบปรามคนเสื้อแดง 91 ศพ โดยปกป้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายผิดแทบทุกกรณี ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
 
ความ คืบหน้า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.น.พ.วิชัย โชควิวัฒน ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบอีเมล์นักการเมืองระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่  ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ให้สัมภาษณ์”ข่าวสด” ถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่คณะอนุกรรมการสอบเพิ่มในประเด็นนอกเหนือจากคำ  สั่งของสภาการหนังสือพิมพ์ฯและเหตุใดจึงไม่เชิญสื่อที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง  ก่อนสรุปผล
 
น.พ.วิชัย ตอบว่า เพราะการตรวจสอบจากบุคคล บุคคลนั้นจะต้องให้การเข้าข้างจากบุคคล บุคคลนั้นจะต้องให้การเข้าข้างตัวเอง เราจึงไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมดโดยต้องอาศัยวิจารณญาณ และสิ่งที่จะสามารถโต้แย้งได้คือหลักฐาน นั่นคือรายละเอียดในหนังสือพิมพ์นั่นเอง แต่ที่ทางหนังสือพิมพ์ข่าวสดบอกว่าเป็นการสอบนอกประเด็นนั้น ตนคิดว่าทัศนะอาจจะไม่เหมือนกัน นี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องดู หากไม่ดูจะไม่สามารถวินิจฉัยอะไรได้ ซึ่งไม่ใช่เราไม่ให้ความสำคัญกับตัวบุคคล เพราะถ้าไม่มารอบแรก ก็ขอรอบสอง เราให้ความสำคัญ แต่สิ่งที่เอามาชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบโดยดูจากหลักฐานที่ปรากฏ จะไม่เอาคำให้การมาตัดสิน เพราะไม่มีทางที่ใครจะมาสารภาพว่าเป็นคนรับเงินรับทอง
 
ผู้สื่อ ข่าวถามว่า นายสุนทร จันทร์รังสีรองประธานสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ระบุว่าสภาการหนังสือพิมพ์ฯยังไม่รับรองข้อสรุปผลสอบคณะอนุกรรมการ น.พ.วิชัย ตอบว่าเรื่องของการตัดสินกับสมาชิกนั้นเป็นเรื่องที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯจะ ต้องพิจารณาต่อไปเพราะสิ่งที่คณะอนุกรรมการเสนอ มีข้อเสนอต่อสภาการหนังสือพิมพ์ฯทั้งหมด 5 ข้อ ส่วนเรื่องนี้จะมีการพิจารณาและดำเนินการอย่างไรต่อไปก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง  เป็นความหมายที่นายสุนทรหมายถึงอย่างนี้มากกว่า แต่สำหรับตัวรายงานไม่มีให้สอบเพิ่มในวันนั้น และมีมติให้แถลงและให้เปิดเผยรายงานทั้งฉบับ
 
เมื่อถามต่อว่า มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งที่ตัวเองมีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคประชาธิปัตย์ เห็นได้จากการเขียนจดหมายถึงนายอภิสิทธิ์ขอความช่วยเหลือเรื่องการโยกย้าย น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ เป็นปลัดสาธารณสุข จะอธิบายอย่างไร น.พ.วิชัยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องผิดประเด็น และนำมาเกี่ยวโยงกัน ตนเห็นว่าไม่สมควร เพราะตนชี้แจงได้ทุกอย่าง แต่ไม่อยากพูด ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการขอความช่วยเหลือแต่เป็นการเสนอแนะเฉยๆ เพราะตนรู้จักกับนายอภิสิทธิ์ เคยประชุมร่วมกัน และท่านบอกกับตนว่ามีอะไรแนะนำก็ยินดีตั้งแต่แรกเมื่อตนมีประเด็นจะแนะนำก็ แนะนำไปทั้งด้วยวาจาด้วยคำพูด ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่มีความพยายามจะดึงจะขุดคุ้ยขึ้นมา มีการเอามาตีแผ่โจมตีตนตั้งแต่ตอนตรวจสอบเรื่องโครงการไทยเข้มแข็งแล้วแต่คน  ที่ถูกผลกระทบคือพรรคประชาธิปัตย์
 
ต่อข้อถามว่า เมื่อผลสอบออกมาดูเหมือนรีบนำส่งกกต. น.พ.วิชัย ชี้แจงว่า ส่วนของกกต. ข้อเท็จจริงคือทางกกต. ทราบว่ามีคณะอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยมีตนเป็นประธานและติดต่อให้ไปให้ถ้อยคำแต่ตนไม่สามารถไปให้ถ้อยคำได้ จนกว่าจะได้เสนอรายงานต่อสภาการหนังสือพิมพ์ฯเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นหลังจากที่ตนได้รายงานต่อสภาการหนังสือพิมพ์ฯในวันที่ 17 ส.ค.ช่วงเช้าทางกกต. ได้ส่งหนังสือเชิญตนไปที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯเพื่อให้ตนไปให้ถ้อยคำ ตนก็ได้นำเรื่องที่กกต. แจ้งมาให้คณะอนุกรรมการทุกท่านทราบ และแจ้งว่าจะไปให้การในวันที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯได้รับรายงานแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามระบบ ตนก็รีบไปให้ถ้อยคำกับกกต. ช่วงบ่าย ในวันที่ 17 ส.ค.
 
เมื่อถามว่า หลังผลการสอบของคณะอนุกรรมการออกมา ดูเหมือนสอดรับกับพรรคประชาธิปัตย์ที่รับลูกรีบยื่นหนังสือต่อกกต. เพิ่มเติมในเรื่องนี้ กลายเป็นสื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ น.พ.วิชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน เพราะตนได้รับมอบหมายหน้าที่นี้จากสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ถือว่าเป็นเกียรติ และตนเคารพในอุดมการณ์ของนักหนังสือพิมพ์ และทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาที่สุด โดยไม่คำนึงว่าจะไปกระทบใครหรือไม่กระทบใครเพราะถ้าหากเป็นห่วงกับฝ่ายใด ย่อมจะทำให้เกิดความเอนเอียง ส่วนใครจะนำตนมาใช้อย่างไรนั้นไม่ถือว่าอยู่ในวิสัยที่จะควบคุมได้ และยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น และทำทุกอย่างตามหน้าที่ และสามัญสำนึกว่าสิ่งที่พึงกระทำนั้นเป็นอย่างไร
 
ผู้สื่อข่าว รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายสุนทร จันทร์รังสีรองประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติเปิดเผยว่า รายงานผลสอบสวนอีเมล์นักการเมืองฯ ของอนุกรรมการที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ยังไม่ใช่ข้อพิมพ์ฯตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ยังไม่ใช่ข้อสรุป เพราะตามขั้นตอนผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นอุทธรณ์คัดค้านผลสอบสวนได้อีก และว่า ตนยังไม่ทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์จะนำผลสอบสวนของอนุกรรมการไปยื่นกับกกต. เพื่อขอยุบพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้สภาการหนังสือพิมพ์ฯไม่ได้เป็นเครื่องมือของการเมือง โดยส่วนตัวเชื่อว่ากกต. คงไม่ต้องรอผลการสอบสวนของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ เพราะกกต.ก็มีฝ่ายสืบสวนที่มีเจ้าหน้าที่มากกว่า ดังนั้นกกต.จึงน่าจะมีแนวทางของการสอบสวนเรื่องนี้อยู่แล้วประกอบกับเรื่อง ดังกล่าวแตกต่างและถือเป็นคนละส่วนกัน กกต.จึงไม่ควรถือผลการสอบสวนของสภาการหนังสือพิมพ์ฯไปประกอบการพิจารณา
 
นาย วิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงทีมกฎหมายของพรรคยื่นร้องกกต. ให้ยุบพรรคเพื่อไทยจากกรณีคดีอีเมล์ว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับกฎหมายเลือกตั้ง การที่สื่อแถลงข่าวตามปกติก็ว่าไป แต่กรณีนี้เข้าข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งคือเป็นการให้ประชาชนเข้าใจ ผิดในคะแนนเสียง ซึ่งเป็นข้อกฎหมายเลือกตั้งที่สำคัญประเด็นสำคัญคือการได้เปรียบเสียเปรียบ ในการโฆษณาหาเสียง แต่สื่อให้เห็นชัดเจนคือพรรคประชาธิปัตย์ถูกกระทำมาโดยตลอดแต่ว่าไม่มีคนยืน  ยันข้อเท็จจริงให้ แต่ครั้งนี้น.พ.วิชัยเป็นประธานอนุกรรมการ และคณะสรุปข้อเท็จจริงที่เป็นจริง สะท้อนปัญหาในสังคมออกมา เห็นได้ชัดเจนว่ามีการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั้ง ซึ่งทางประชาธิปัตย์ยื่นข้อมูลไปก่อนแล้ว เมื่อวานที่ไปเพียงเสริมข้อมูลเดิม
 
“ขณะนี้ทางกกต. ดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยให้นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขากกต.ดำเนินการ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์กับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายไปยื่นเรื่องไว้นาน แล้ว และเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมาตนไปยื่นเสริมอีกครั้ง เรื่องนี้กกต.เดินหน้าเต็มที่ ผิดว่าไปตามผิด ตนมั่นใจว่ากกต.จะเต็มที่ ผิดว่าไปตามผิด ตนมั่นใจว่ากกต.จะดำเนินการต่อไป” นายวิรัตน์ ระบุ
 
วัน เดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ @phumtham ว่า”อ่านจดหมายน.พ.วิชัย โชควิวัฒน ที่เคยเขียนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะเป็นนายกฯ ลงวันที่ 1 กันยายน 2552 เพื่อเสนอให้น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข เหตุผลที่เสนอให้แต่งตั้งน.พ.ชูชัยที่ปรึกษาระดับ 11 สำนักงานสิทธิมนุษยชนฯเป็นปลัดกระทรวง คือเป็นผู้มีความรู้และที่สำคัญเป็นผู้ที่ทำงานรับใช้ประชาธิปัตย์มานาน อ่านจบแล้ว ทำให้เข้าใจและรู้จักหมอวิชัยและหมอชูชัยมากขึ้นจริงๆ มิน่าเรื่องราวหลายเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทั้ง 2 ท่านทำเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง ดีครับ ทุกวันนี้ใครทำอะไรๆ จะได้มีความชัดเจน ไม่ต้องปิดบังอำพราง ไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันครับ”

ข่าวสด 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554