เปิดเอกสารแผนการจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์รอบต้นเดือน ส.ค. 64 สำหรับบุคลากรด่านหน้า รวม 3.22 แสนโดส พบนครราชสีมาได้มากที่สุด 1.5 หมื่นโดส รองลงมาชลบุรี และนนทบุรี ขณะที่บุรีรัมย์ติด 1 ใน 10 แต่สมุทรสงคราม กับระนองได้น้อยสุด 1,200 โดส
วันนี้ (4 ส.ค.) จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (COMIRNATY) ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค จำนวน 1,503,450 โดสให้แก่ประเทศไทย ภายใต้แผนบริจาควัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสในทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 23 ล้านโดสที่มอบให้แก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย โดยได้มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา
กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนจะฉีดให้ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วยโควิดโดยตรง เป็นบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 จำนวน 700,000 โดส 2. กลุ่มเปราะบาง เฉพาะ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 645,000 โดส
3. ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เป็นกลุ่มสูงอายุ, 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และคนท้อง 12 สัปดาห์ ไปจนถึงคนไทยที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องฉีดไฟเซอร์ เช่น นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น จำนวน 150,000 โดส และ 4. ทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม จำนวน 5,000 โดส
รายงานข่าวแจ้งว่า ในโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่หนังสือ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาการสาธารณสุข ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สธ.0410.3/ว 516 ลงวันที่ 4 ส.ค. ถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งเป็นหนังสือการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ไฟเซอร์ รอบต้นเดือนสิงหาคม 2564 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ระบุว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินการจัดหาและจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (วัคซีนโควิด-19) สำหรับให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นั้น
กระทรวงสาธารณสุขขอจัดส่งวัคซีนโควิด 19 ไฟเซอร์ รอบต้นเดือนสิงหาคม 2564 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อลดการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิต และปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ จึงขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาเร่งรัดการให้วัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคนที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 จากการปฏิบัติงานทั่วประเทศ รวมทั้งนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิดจากการปฏิบัติงาน เช่น แผนกผู้ป่วยนอก แผนกผู้ป่วยใน คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาล/หน่วยงานต้นสังกัด โดยมีหลักการให้วัคซีน ดังนี้
1.1 บุคลากรที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 1 เดือน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์กระตุ้น 1 เข็ม
1.2 บุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆ มาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 โดยกำหนดระยะห่างระหว่างโดสตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นหลัก
1.3 บุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และไม่เคยได้รับวัคซีน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยมีระยะห่างจากวันที่พบการติดเชื้ออย่างน้อย 1 เดือน
ประเภทที่ 2 บุคลากรที่ไม่เคยได้วัคซีนใดๆ มาก่อน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ เนื่องจากวัคซีนจะเก็บอยู่ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสได้เพียง 1 เดือน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะส่งวัคซีนไฟเซอร์สำหรับผู้รับวัคซีนเข็ม 2 ในกลุ่มเป้าหมายประเภท 2 ประมาณกลางเดือนสิงหาคม 2564 และหากจังหวัดได้ตรวจสอบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณสมบัติตามกลุ่มเป้าหมายประเภทที่ 1 และ 2 เพิ่มเติมสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมได้ที่กรมควบคุมโรค อนึ่ง ในกรณีที่มีวัคซีนเพียงพอ สามารถจัดสรรให้แก่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ได้ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเห็นสมควร
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า จากเอกสารแผนการจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์รอบต้นเดือนสิงหาคม 2564 พบว่ามีวัคซีนที่จัดส่งรวม 322,800 โดส แบ่งออกเป็นกลุ่มเป้าหมายประเภทที่ 1 จำนวน 301,200 โดส และกลุ่มเป้าหมายประเภทที่ 2 จำนวน 21,600 โดส กำหนดการจัดส่ง 4-6 ส.ค. โดยพบว่า 10 จังหวัดแรกที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์มากที่สุด ได้แก่
อันดับ 1 นครราชสีมา 15,360 โดส
อันดับ 2 ชลบุรี 12,720 โดส
อันดับ 3 นนทบุรี 11,280 โดส
อันดับ 4 สงขลา 10,800 โดส
อันดับ 5 เชียงใหม่ 10,320 โดส
อันดับ 6 สมุทรปราการ 10,080 โดส
อันดับ 6 อุบลราชธานี 10,080 โดส
อันดับ 8 ขอนแก่น 9,840 โดส
อันดับ 9 สุราษฎร์ธานี 7,680 โดส
อันดับ 10 บุรีรัมย์ 7,200 โดส
ส่วนจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรน้อยที่สุด คือ สมุทรสงคราม และระนอง จังหวัดละ 1,200 โดส สำหรับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานส่วนกลางอยู่ระหว่างพิจารณาจัดสรร
4 ส.ค. 2564 ผู้จัดการออนไลน์