ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อ LINE ต้องรักษาแชมป์  (อ่าน 832 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9782
    • ดูรายละเอียด
เมื่อ LINE ต้องรักษาแชมป์
« เมื่อ: 30 ธันวาคม 2013, 01:18:05 »
 'รักษาลูกค้าเดิม เพิ่มฐานลูกค้าใหม่' ถือเป็นแนวทางหลักที่ 'ณัฐวุฒิ เลิศศรีมงคล' ผู้จัดการอาวุโส ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยหลังจากเข้ามารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของ ไลน์ ประเทศไทย ที่กำลังจะมีการเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า หลังจากที่เริ่มทำตลาดด้วยกลยุทธ์ท้องถิ่นจากทีมงานในประเทศมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
       
       ด้วยแนวทางทำธุรกิจของไลน์ ที่จะเน้นการทำกลยุทธ์แบบเจาะจงในแต่ละประเทศ ซึ่งเคยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในญี่ปุ่น เพราะถือเป็นประเทศแรกที่ทาง เอ็นเอชเอ็น ขยายบริษัทจากเกาหลีไปเริ่มให้บริการไลน์เป็นที่แรก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานไลน์มากที่สุดในโลกกว่า 50 ล้านคน ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อมั่นว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ไลน์ สามารถรุกเข้าไปทำตลาดในประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจได้
       
       เมื่อเป็นเช่นนั้น ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันถือเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานไลน์เป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 20 ล้านคน จึงต้องมีการเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการ เพื่อรับกับแนวทางการทำตลาดที่จะเข้มข้นขึ้น บนพื้นฐานของการรักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มลูกค้าใหม่ ให้เติบโตไปพร้อมกับการเติบโตของสมาร์ทโฟน และ 3G รวมไปถึง 4G ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งจากเดิมรายได้หลักของไลน์ จะมาจากการที่บริษัทเข้าไปติดต่อทางแบรนด์เพื่อสมัครใช้งาน Offcial Account เพื่อใช้เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งาน รวมกับการจำหน่ายสติ๊กเกอร์ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆภายในเกมบนแพลตฟอร์มของไลน์ แต่ทางไลน์ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น

เมื่อ LINE ต้องรักษาแชมป์ <b><font color=red>(Cyber Weekend)</font></b>
บัตรเติมเงิน AIS One2Call และ บัตรเติม True Money เติมเงินเข้าไลน์ใช้ซื้อของในเว็บสโตร์
       ดังจะเห็นได้จากใน ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ไลน์ ได้เริ่มทำโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ ในแคมเปญ 'ยิ่งไลน์ ยิ่งใกล้' ซึ่งนำเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ในประเทศไทย มาผลิตเป็นโฆษณาที่เน้นถึงอารมณ์ของผู้ใช้งาน ที่สื่อสารกันผ่านไลน์ แล้วก็ให้เกิดความสุข
       
       'สำหรับแคมเปญดังกล่าว ไลน์ ประเทศไทยใช้งบประมาณไปกว่า 50 ล้านบาท เพื่อผลิต และออกอากาศโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งจะทยอยออกอากาศไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนธันวาคม'
       
       ขณะเดียวกันไลน์ ยังมีกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเปิดแคมเปญเฟ้นหาผู้ร่วมงานภายใต้โครงการ 'LINE Next’ ที่จะคัดเลือกผู้สมัครมาเข้าร่วมทำงานกับทางไลน์ ซึ่งระยะเวลาโครงการดังกล่าวอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม 2556 - มีนาคม 2557 โดยผู้ที่ชนะโครงการจะได้รับการคัดเลือกไปดูงาน และศึกษาการทำงานที่เกาหลี ก่อนได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำของ บริษัท ไลน์ ในประเทศไทย
       
       นอกจากนี้ยังได้มีการขยายฐานรูปแบบบริการไปในแง่ของขายสินค้าผ่านแนวทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยการเปิดหน้าเว็บไซต์ lineflashsale.comที่จะทยอยมีสินค้าแบบจำนวนจำกัด มาให้ลูกค้าที่ติดตาม Line Flash ได้เลือกซื้อกัน ซึ่งการวางจำหน่ายเคส iPhone 5S / 5C จำนวน300 ชิ้น ถูกซื้อหมดภายในระยะเวลาไม่ถึง 20 นาที และยังได้มีการทำแคมเปญร่วมกับทางลอรีอัล ประเทศไทย ในการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ของเมย์เบลลีน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย
       
       Line Flash Sale จึงกลายเป็นอีกช่องทางจำหน่ายสินค้า ที่เจาะเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานไลน์ ที่ติดตาม Account ดังกล่าวกว่า 4.6 ล้านคน และมีทีท่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางไลน์ระบุว่า ความสะดวกของ Flash Sale คือผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านมือถือได้ทุกที่ทุกเวลา และอีกแคมเปญที่จะมาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้ใช้ในช่วงปลายปี ด้วยการเปิดหน้าเว็บไลน์สโตร์ (store.line.me) ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทย ที่ต้องการซื้อสติ๊กเกอร์ เงินในเกม หรือไอเท็มต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบัตรเครดิตในการใช้จ่ายผ่านแอปสโตร์ และเพลย์สโตร์ ของแอปเปิล และกูเกิลอีกต่อไป

       'ต้องยอมรับว่าฐาน ลูกค้าของไลน์ในประเทศไทยค่อนข้างหลากหลาย มีตั้งแต่ระดับมัธยมไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งแน่นอนว่าในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ใช้งานกันส่วนใหญ่จะยังไม่มีบัตรเครดิต ทำให้ไม่สามารถซื้อสติ๊กเกอร์ได้ บริการล่าสุดจึงจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ในกลุ่มนี้'
       
       โดยผู้ใช้งานไลน์ใน ประเทศไทย ที่มีการยืนยันบัญชีผู้ใช้ด้วยอีเมล สามารถเข้าไปที่ไลน์เว็บสโตร์ เพื่อล็อกอิน หลังจากนั้นสามารถหาซื้อบัตรเติมเงินจาก 2 ค่ายผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทยคือ บัตรเติมเงิน AIS One2Call และ บัตรเติม True Money มาใส่เพิ่มเติมเงินไว้ใช้ซื้อของได้ทันที
       
       ในจุดนี้นอกจากจะเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้าที่ต้องการซื้อสติ๊กเกอร์ให้สะดวกมากขึ้น แล้ว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่ไลน์จากผู้ใช้งานได้มากขึ้น เช่นเดียวกัน เพียงแต่ในช่วงแรก อาจจะต้องใช้เวลาในการโปรโมทให้ผู้ใช้งานรู้ว่าสามารถนำบัตรเติมเงินมาซื้อได้ ซึ่งก็น่าจะร่วมกันโปรโมทกับพันธมิตรที่ให้บริการ
       
       นอกจากนี้ก็ยังมองไปถึงมุมของการเป็นเครื่องมือทางการตลาดให้แก่แบรนด์ที่ต้องการทำการตลาด ดิจิตอล โดยเปิดเผยว่าที่ผ่านมาเคยมีลูกค้าที่ออกสติ๊กเกอร์ร่วมกับทางไลน์สามารถได้ ยอดดาวน์โหลดมากถึง5ล้านครั้งภายในหนึ่งสัปดาห์ ด้วยอัตรา0.017บาท ของต้นทุนต่อหนึ่งข้อความ และ0.6บาท สำหรับต้นทุนต่อเพื่อนหนึ่งคน ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่ต่ำมากในการเข้าถึงผู้บริโภคในปัจจุบัน
       
       โดยลี จิน วู ผู้จัดการทั่วไป ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น ให้ข้อมูลเสริมว่าหากเทียบกับการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ฟีเจอร์ต่างๆ ของไลน์มีประสิทธิภาพในการสื่อสารทางการตลาดเป็นจำนวนเงินที่ใช้ในการสร้าง สติ๊กเกอร์และOfficial Accountแล้วพบว่าใช้งบประมาณเพียง 10% จากงบประมาณทางการตลาดทั้งหมดเท่านั้นเอง
       
       อย่างไรก็ตาม จากการอัปเดตการใช้งานไลน์ บนพีซี เวอร์ชันล่าสุด ได้มีการเพิ่มหน้าไทม์ไลน์เข้ามาให้ผู้ใช้งานไลน์บนคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าไปดูไทม์ไลน์ของเพื่อนๆได้ รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์ให้ใกล้เคียงกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน นั่นอาจหมายความว่าในอนาคตแพลตฟอร์มของไลน์ อาจจะไม่ได้โดดเด่นอยู่เพียงแค่ในมือถืออย่างเดียว แต่จะรุกเข้าไปยังตลาดที่มีโอกาสขยายใหญ่กว่าอย่างพีซีด้วยแน่นอน
       
       แต่ไม่ใช่ว่าไลน์จะ เน้นให้บริการเฉพาะแพลตฟอร์มอย่างเดียวเท่านั้น เพราะในช่วงต้นปีหน้าอาจจะมีข่าวดีของนักสะสม หรือแฟนพันธุ์แท้ของไลน์ ที่ชอบสะสมตุ๊กตา หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตัวการ์ตูนจากไลน์มาสร้าง เพราะทางไลน์ ประเทศไทย มีแผนที่จะเปิดหน้าร้านขายของที่ระลึก ภายใต้ชื่อเรียกว่า ‘Pop Up’ โดยประเทศไทย ถือเป็นแห่งที่ 5 รองจากญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และอินโดนีเซีย

ASTVผู้จัดการออนไลน์    21 ธันวาคม 2556