ครม. มีมติเลิกจ้าง หมอสมเกียรติ เป็น ผอ.สวรส. แล้ว พร้อมแต่งตั้ง หมอภูษิต เป็นรักษาการแทน ด้าน รมช.สธ.ไม่หวั่นถูกมองตัดตอนการออกมาแฉทุจริต ย้ำบอร์ดมองเรื่ององค์กรเป็นหลัก
วันนี้ (16 ธ.ค.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (บอร์ด สวรส.) กล่าวถึงกรณี ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการ สวรส. ไม่ยอมรับหนังสือคำสั่งเลิกจ้าง โดยระบุว่าต้องเป็นมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น ว่า ใครจะยอมรับหรือไม่ยอมรับนั้นตนไม่ทราบ แต่ย้ำว่าหนังสือเลิกจ้างนั้นไม่ใช่คำสั่งของตน เพราะเป็นมติบอร์ด สวรส. ที่สำคัญวันนี้ ครม. ก็มีมติเลิกจ้างอย่างเป็นทางการแล้ว และได้แต่งตั้ง นพ.ภูษิต ประคองสาย ผอ.สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ให้เป็นรักษาการ ผอ.สวรส. ระหว่างการสรรหา ผอ.สวรส.คนใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ศ.นพ.สมเกียรติ ตามที่ถูกร้องเรียน ยังไม่สรุปผล การเลิกจ้างเช่นนี้จะถูกมองว่าเป็นกระบวนการตัดตอน จากการที่ ศ.นพ.สมเกียรติ เปิดเผยข้อมูลการทุจริต นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า บอร์ดมองเรื่องขององค์กรเป็นหลัก เพราะ ศ.นพ.สมเกียรติ ขัดขวางการประชุม ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมเลย พอมีการประชุมเกิดขึ้นตัวเองอยู่ต่างประเทศก็เร่งตั้งผู้แทนเข้าร่วมประชุมแต่ไม่ให้อำนาจในการเป็นเลขาที่ประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศ.นพ.สมเกียรติ ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการให้รักษาการ ผอ.สวรส.ไม่ทำหน้าที่เลขานุการฯการประชุม นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดูเอกสารข้อเท็จจริง ว่าแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร
เมื่อถามว่า นพ.สมเกียรติ ชี้แจงเรื่องการเลื่อนประชุมว่า เป็นเพราะทักท้วงเรื่องการกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สวรส. ไม่เหมาะสม เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการรับทุนวิจัยของหน่วยงาน รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าการทักท้วงมีเหตุผลหรือไม่ กรรมการก็ตัดสินแล้ว
เมื่อถามถึงการตรวจสอบการใช้งบกองทุน IDRC ไม่โปร่งใส่ จนทางเจ้าของทุนต้องเข้ามาตรวจสอบ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการปิดบัญชีธนาคารที่เป็นปัญหา นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า นพ.สมเกียรติ ทำบันทึกถึงตนบอกว่าขณะนี้กำลังมีปัญหาในกองทุน และอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่เจ้าหน้าที่ที่ร้องเรียนบอกว่าไม่เป็นเรื่องจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ นพ.สมเกียรติ เป็นคนทำให้เจ้าของทุนเข้าใจผิด ดังนั้น ต่างคนต่างถูกร้องเรียนก็ขอให้รอฟังผลการตรวจสอบของคณะกรรมการก่อน อย่างไรก็ตามหลักการให้ทุนแหล่งจะมีเงื่อนไขว่าต้องตรวจสอบได้ ซึ่งในการตรวจสอบทางบัญชีตามปกติจะมี 2 วิธี คือ
1. การแยกบัญชี เพื่อให้มีเอกสารหลักฐานสำหรับตรวจสอบได้ง่าย แต่ทำได้ยากเพราะต้องมีการตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดบัญชีกับธนาคารไม่อย่างนั้นธนาคารจะไม่ยอม
2. การรวมอยู่ในงบดุลขององค์กร
เมื่อถามว่า กองทุน IDRC มีการบริหารงบรวมอยู่ในบัญชีงบดุลของ สวรส. หรือไม่ เหตุใดจึงไม่สามารถชี้แจงต่อเจ้าของทุนที่เข้ามาตรวจสอบได้ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และในการตรวจสอบตนก็ไม่ทราบว่า นพ.สมเกียรติ ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ ได้ให้ข้อมูลอะไรแย่างไร ขอให้รอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงออกมาก่อน
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ธันวาคม 2557
