ผู้เขียน หัวข้อ: อีก 10 ปี สังคมไทยเผชิญ ผู้ใหญ่คุณภาพต่ำ-แรงงานสตรีถูก-ผู้สูงอายุไร้ความสุข  (อ่าน 1246 ครั้ง)

science

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
    • ดูรายละเอียด
นักวิชาการด้านครอบครัว ชี้ อีก 10 ปี สังคมไทยเผชิญ ผู้ใหญ่คุณภาพต่ำ-แรงงานสตรีราคาถูก-ผู้สูงอายุไร้ความสุข หวั่นเจ้าภาพเดียว เอาไม่อยู่!!
       
       วันนี้ (22 เม.ย.) ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ อาจารย์สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง “สถานการณ์สุขภาวะครอบครัวไทย ปี 2554-2555 โดยสำรวจครอบครัวไทยทั่วประเทศจำนวน 4,000 ตัวอย่าง จาก 9 จังหวัด ในทุกภาค พบว่า ปัจจุบันครอบครัวไทยบกพร่องในการทำหน้าที่สำคัญ คือ การเตรียมบุตรหลานของตนให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอในการปกป้องดูแลตนเอง โดยเฉพาะการตั้งรับกับปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่มีความรุนแรง ซึ่งผลวิจัยชี้ว่า ครอบครัวไทยราวร้อยละ 10.0 ไม่มีการเตรียมให้ความรู้กับลูกวัยรุ่นว่าด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและการตั้งครรภ์เมื่อพร้อม ในขณะที่อีกร้อยละ 13.7 ให้ข้อมูล ว่า แทบไม่ได้เตรียมเลย ครอบครัวไทยร้อยละ 23.0 กำลังบกพร่องต่อการทำหน้าที่สำคัญ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วครอบครัวเป็นหน่วยแรกที่คนทุกคนหวังจะให้เป็นที่พึ่งพิงทั้งทางกายและจิตใจ การบกพร่องในการทำหน้าที่จึงเท่ากับสังคมได้ขาดกลไกสำคัญในการตั้งรับกับปัญหาที่มีความรุนแรงและสลับซับซ้อนอย่างปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมนี้
       
       ดร.วิมลทิพย์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไปเรียบร้อยแล้ว และคนทำงานกำลังจะกลายเป็นคนสูงอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งการจะเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ มีความสุข และไม่เป็นภาระของลูกหลานขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวก่อนเกษียณใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ
1.การเตรียมตัวด้านเงินออม
2.การเตรียมตัววางแผนอาชีพ/กิจกรรมหลังเกษียณ
3.การออกกำลังกายเพื่อเตรียมสุขภาพ และ
4.การเตรียมตัวเพื่อการพึ่งตนเองด้านที่อยู่อาศัย

ซึ่งข้อค้นพบจากงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า
ครอบครัวไทยราวร้อยละ 6.4 แทบจะไม่มีการวางแผนเรื่องเงินออมเลย
ในขณะที่ครอบครัวอีกร้อยละ 23.3 ไม่มีการวางแผนเรื่องอาชีพ/กิจกรรมหลังเกษียณ
อีกร้อยละ 15.9 ไม่มีการออกกำลังกายเพื่อเตรียมสุขภาพ และ
อีกร้อยละ 14.4 ยังไม่ได้เตรียมการด้านที่อยู่อาศัยเลย

       ดร.วิมลทิพย์ กล่าวว่า ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขในอีก 10-20 ปี ข้างหน้าประเทศไทย จะมีทรัพยากรมนุษย์เกิดจากความไม่พร้อม ไม่ตั้งใจนำมาซึ่งโอกาสที่จำกัด และสุดท้ายกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่ำ และในเวลาเดียวกันเราจะได้แรงงานสตรีราคาถูก เพราะออกจากระบบการศึกษาก่อนกำหนด ภาครัฐต้องรับภาระผู้สูงอายุจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือดูแลตนเองได้ในระดับต่ำ ผู้สูงอายุเหล่านี้ไม่มีทั้งเงินออมในการดูแลตนเอง ไม่มีอาชีพ ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เหล่านี้หมายถึงงบประมาณมหาศาลที่ภาครัฐจะต้องทุ่มลงไป ทั้งๆที่หลายประเด็นเป็นเรื่องที่จัดการได้ด้วยระบบ และการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญกว่านโยบายคือการลงมือทำ คือ
1.ทุกหน่ายงานควรร่วมสร้างและจรรโลงสังคมทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และ
2.ปัญหาใหญ่เกินกว่าจะมี “เจ้าภาพเจ้าเดียว” เพราะเป็นปัญหาระดับโครงสร้างที่ต้องการการเปลี่ยนวิธีคิดของคนในสังคม เพราะหากสังคมไม่น่าอยู่ ท้ายที่สุดพวกเราทุกคนก็ไม่มีใครอยู่ได้อย่างมีความสุข
       
       พญ.พรรณพิมล วิปุลากร เลขาธิการสมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นว่าครอบครัวตกอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยนอกครอบครัว ซึ่งต้องการพื้นที่สำหรับครอบครัวที่จะเข้าถึงข้อมูลที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับครอบครัว และเตรียมทักษะที่จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะทักษะในการวิเคราะห์ ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ส่งผลต่อตนเองและครอบครัวในอนาคต การเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ให้ครอบครัวเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วม โดยกลไกรัฐทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน และสร้างนโยบายส่งเสริมครอบครัวที่มีศักยภาพร่วมกับมาตรการการดูแลครอบครัวที่ขาดโอกาส ครอบครัวเรียนรู้จะเป็นครอบครัวอบอุ่นที่เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม

ASTVผู้จัดการออนไลน์    22 เมษายน 2555